ได้ยินเสียงกระซิบมาว่า "The Privacy จตุจักร" เริ่มลงเสาเข็มแล้วนะ ไอ้เราก็เอียงคอนึกสงสัย จะว่าไปโครงการนี้มันเปิดตัวมาหลายปีแล้ว แต่ก็เพิ่งจะเห็นเรื่องความคืบหน้าแบบจริงๆ จังๆ นี่แหละ
อาศัยว่าอยู่ใกล้แถวนั้น เลยลองเดินๆ ไปดูว่าตอนนี้เป็นไงบ้างแล้ว
ถ้านับจากการเดินทางโดยอิงรถไฟฟ้าแล้ว สถานีที่ใกล้ที่สุดคือ MRT สถานีพหลโยธิน เดินออกมาที่ทางออก 2 ทางออกนี้จะเงียบๆ เหงาๆ หน่อย แต่อีกฝั่งหนึ่งคือ Union Mall เลยนะเอ้อออ
ทีนี้มันมีทางลัดที่จะไปตัวโครงการอยู่ด้วย คือเดินเข้าซอยลาดพร้าว 2 เป็นซอยเล็กๆ ที่ต้องระวังรถหลังกันหน่อย เดินเพลินไม่ระวังรถอาจจะอันตรายได้ง่ายๆ
ซอยนี้เป็นซอยที่มีวัดเซนต์จอห์นตั้งอยู่ แต่ถ้าเป็นเรื่องของกินแล้วไม่มีอะไรน่าประทับใจเท่าไรเพราะมีแค่ในเมโทรมอลล์ส่วนหนึ่ง กับเจอร้านอาหารเวียดนามในซอยแค่ร้านเดียวเท่านั้น
เดินออกมาจนเจอถนนใหญ่แล้วเลี้ยวซ้าย เดินเลาะถนนไปเรื่อยๆ จะเจอโครงการเก่าคุ้นตากับมหาวิทยาลัยเซนต์จอห์นตั้งตระหง่านอยู่ แดดอาจร้อนไปสักนิดเพราะไม่มี cover way ให้ ซึ่งนี่อาจเป็นข้อเสียอยู่บ้างถ้าใครเน้นออกกำลังขานะ เดินแวบเดียวเหงื่อท่วม 555
แต่เดินมาไม่นานเราก็จะเจอกับเซลส์แกลลอรีของโครงการ "The Privacy จตุจักร" แล้ว ป้ายใหญ่สะดุดตามาก ที่สำคัญคือตั้งอยู่ติดริมถนนด้วย
เจ๋งตรงที่ตรงหน้าเซลส์แกลลอรีมีป้ายรถเมล์ที่มีหลังคาไว้ให้หลบฝนหลบแดด ส่วนเรื่องของรถเมล์สายที่ผ่านก็ตามป้ายนี่เลยจ้า สะดวกมากๆ
ก่อนจะแวบไปดูห้องตัวอย่าง ผมอยากขอเถลไถลไปพูดเรื่องของกินกันก่อน
ต้องยอมรับนะว่าปากท้องเนี่ยเป็นปัญหาสำคัญและเป็นหนึ่งในตัวกระตุ้นให้ตัดสินใจปักหลักอาศัยอยู่ที่ไหนสักที่จริงๆ และที่ผมเดินๆ มามันไม่ค่อยมีร้านรวงอำนวยท้องเลย ถ้าใครไม่มีรถอาจต้องพึ่งธุรกิจเดลิเวอรี่ แต่ใครมีรถก็สบายหน่อย
ที่พูดแบบนี้เพราะโซนของกินที่อุดมสมบูรณ์มันจะห่างจากตัวโครงการออกไปสักนิด อย่างโซน Union Mall หรือ Central Ladprao ที่ระดับราคาก็จะแตกต่างกันไป
แต่โซนที่ผมค่อนข้างชอบคือฝั่งตรงข้ามของตัวโครงการครับ
ฝั่งตัวโครงการจะมีถนนเส้นเบ้อเริ่มตัดหน้า แล้วก็มีสะพานลอยเล็กๆ ที่มีหลังคาไว้อำนวยความสะดวก ซึ่งพื้นที่ฝั่งตรงข้ามตัวโครงการเนี่ยจะเป็นพื้นที่ของอาคารสำนักงานใหญ่ๆ ทั้งหลาย ไม่ว่าจะเป็นอาคารเล่าเป้งง้วน อาคารซันทาวเวอร์ สำนักงานใหญ่การบินไทย ฯลฯ
แต่ที่สำคัญเลยคือ...ตลาดลุงเพิ่ม
มีกลุ่มพนักงานย่อมต้องมีของกิน นี่คือกลไกแห่งความเป็นไปของโลก! (เว่อร์ 555)
แต่เชื่อสิว่ามันเป็นงั้นจริงๆ นะ ถ้าข้ามฝั่งมานี่คือเปิดโลกมาก เพราะตลาดนี้มีของกินราคาย่อมเยาว์เยอะ แถมช่วงไหนมีเทศกาลเค้าก็จะจัดร้านรวงเพิ่มขึ้นเอาใจท้องที่หิวโหยของคนแถวนั้นอีกต่างหาก
อย่างช่วงที่ผมไปเป็นช่วงเทศกาลตรุษจีน เค้าก็มีอีเว้นท์รวบเอาร้านของกินมาไว้ให้เราเลือกชิมกันจุใจ หรือถึงช่วงไหนที่ไม่ใช่ช่วงเทศกาล ตลาดก็ยังเป็นตลาดที่มีร้านข้าวร้านขนมร้านชานมไข่มุกที่สามารถตอบโจทย์เราได้อยู่วันยังค่ำ
อ้อ ที่สำคัญคือตรงส่วนนี้เดินไปอีกหน่อยก็เป็น BTS หมอชิตกับ MRT จตุจักร และตลาดนัดจตุจักรแล้วนะ
กลับมาที่ตัวโครงการกันบ้าง แม้จะเปิดตัวกันมาหลายปีแล้วแต่หลายคนอาจจะลืมข้อมูลโครงการไป งั้นผมขออัพเดตคร่าวๆ อีกทีก่อนพาไปดูห้องตัวอย่างแล้วกัน
สำหรับโครงการ "The Privacy จตุจักร" นี้ปักหมุดอยู่บนที่ดินขนาด 3 ไร่เศษๆ เป็นคอนโด High Rise 34 ชั้น 1 อาคาร 847 ยูนิต และร้านค้าอีก 3 ยูนิต
ในส่วนของชั้น 1 นั้นจะเป็นพื้นที่ของ Lobby กับ Facilities ส่วนกลางอีกนิดหน่อยแล้วก็เป็นส่วนของพื้นที่ร้านค้า แต่พื้นที่ส่วนกลางหลักๆ จะขนไปอยู่ที่ชั้น 34 ซึ่งเป็นชั้นบนสุดของโครงการนี้จ้า
มาเริ่มสตาร์ทกันที่ห้องแบบแรกกันเลย กับห้อง 1 Bedroom ขนาด 26 ตร.ม. ที่เป็นห้องไทป์หลักของโครงการ
ตัวห้องออกแบบโดยเน้นโทนสีเบจมาเป็นแกนหลัก จากนั้นก็เพิ่มสีทองแดงของวัสดุในห้องเติมเข้ามาอีกเล็กน้อย ตบท้ายด้วยการเอาสีน้ำเงินขรึมๆ มาตัดเพิ่ม
เฟอร์นิเจอร์ในห้องเห็นได้ชัดเลยว่ามีการใช้กระจกใสมาเล่นเสียเป็นส่วนใหญ่ จัดมาแบบ Fully Fitted มีความสูงจากพื้นถึงฝ้าเพดานอยู่ที่ 2.75 เมตร
เปิดประตูเข้ามาอย่างแรกที่จะเจอเลยก็คือพื้นที่ในส่วนของห้องนั่งเล่นที่มีโต๊ะสำหรับทานอาหารเล็กๆ ตั้งติดกันด้วย
ด้านในสุดจะเป็นพื้นที่ของห้องนอน มีกระจกใสกั้นให้ดูเป็นส่วนตัวพร้อมผนังกระจกบานใหญ่ ทำให้พื้นที่ภายในห้องได้รับแสงธรรมชาติเต็มอิ่ม
ส่วนโซนห้องครัวจะเป็นครัวแบบปิด พื้นที่ด้านในแคบไปนิดแต่ก็ถือว่าเป็นการจัดวางพื้นที่ได้เหมาะสม เพราะมีส่วนของระเบียงติดกันกับพื้นที่ครัวด้วย
ฝั่งห้องน้ำนั้นก็อยู่ด้านใน แยกโซนเปียกโซนแห้งด้วยการใช้พื้นต่างระดับ มีแนวกั้นแยกห้องน้ำกับครัวชัดเจน
มาเพิ่มขนาดห้องกันอีกนิดกับห้อง 1 Bedroom ขนาด 30.50 ตร.ม. ที่ให้บรรยากาศสุดจะ Cozy
มัน Cozy ยังไง ตอบได้ว่าคงเป็นเพราะการใช้สีภายในห้อง เพราะสีเน้นเป็นโทนอบอุ่นเข้ามา มีการใช้สีของหินที่มีสีน้ำตาลประกายมาเพิ่มดีเทลให้ห้อง พร้อมลายไม้ที่ทำให้รู้สึกอบอุ่น
ห้องนี้จะแตกต่างจากห้องแรกเพราะเปิดประตูมาจะเจอพื้นที่ส่วนครัวก่อนเป็นอันดับแรก ชั้นเก็บของมีช่องให้ใส่เครื่องซักผ้าเรียบร้อย ฝั่งตรงข้ามจะเป็นห้องน้ำที่มีรูปแบบเหมือนกันกับห้องแบบแรก ซึ่งสองส่วนนี้มีบานสไลด์ติดตั้งไว้ให้เพื่อความเป็นส่วนตัวไม่ให้กลิ่นรบกวนเข้าไปพื้นที่ด้านใน ถือว่าโอเค
ต่อมาจะเป็นส่วนห้องนั่งเล่นที่มีโซฟาติดผนังไว้ให้ กับโต๊ะทานอาหารเล็กๆ ตั้งติดกับบานสไลด์ฝั่งห้องครัว มองเลยเข้าไปด้านในก็จะเป็นพื้นที่ส่วนของห้องนอนครับผม
แน่นอนว่ามีบานสไลด์กั้นไว้ตามเดิม ที่สำคัญผนังกระจกก็ยังคงกว้างไม่ต่างจากห้องแบบแรก ช่วยให้แสงเข้าถึงและประหยัดค่าไฟได้ดีเชียว อิอิ
ที่ชอบอีกอย่างคือห้องนี้มีโต๊ะทำงานเล็กๆ ตั้งไว้ใต้กับเตียง หันหน้าออกติดกระจก ขนาดเหมาะสำหรับวางโน้ตบุ๊คและหนังสือสักสี่ห้าเล่มกับของประดับจุกจิก เหมาะจะนั่งคิดงานคนเดียวเงียบๆ โอมมมม พลังแห่งความครีเอทจงมาาาา
สุดท้ายคือห้อง 2 Bedrooms ขนาด 53 ตร.ม. เน้นสีส้มอมแดงโทนอบอุ่นดูเป็นผู้ใหญ่ และแน่นอนว่าให้แบบ Fully Fitted เหมือนเดิม
พื้นที่ใช้งานภายในห้องหลักๆ จะแบ่งออกเป็น 6 ส่วน คือ ห้องนั่งเล่น, ห้องครัว, ห้องนอนหลักที่มีห้องน้ำในตัว, ระเบียง, ห้องนอนเล็ก และสุดท้ายคือ ห้องน้ำ
แม้จะเป็นห้องใหญ่แต่ก็มีการจัดสรรพื้นที่ไว้เป็นสัดเป็นส่วนสุดๆ แถมเปิดประตูเข้ามาแล้วจะเจอห้องนั่งเล่นที่มีขนาดถือว่ากว้างเลยแหละ ช่วยให้ผ่อนคลายไปได้อีกแบบ แถมยังติดผนังรับแสงธรรมชาติกันอีกด้วย
พื้นที่ครัวจะอยู่ตรงข้ามกัน แต่ในส่วนนี้จะเป็นครัวแบบเปิดต่างจากสองห้องแรก ทำให้อาจมีปัญหาเรื่องกลิ่น แต่เค้าก็ทดแทนมาด้วยโต๊ะทานอาหารที่เชื่อมติดกับพื้นที่ปรุงอาหาร ดูไม่เกะกะสายตาดี
ถัดไปด้านหลังจะเป็นตู้เก็บของที่สามารถใส่เครื่องซักผ้าไว้ได้ ส่วนห้องน้ำจะอยู่ข้างกันแบบแอบมุม
ห้องนอนหลักจะมีระเบียงมาให้เสร็จสรรพแถมด้วยผนังกระจกที่กว้างสุดๆ ข้างเตียงมีโต๊ะเล็กๆ ใกล้กันกับตู้เสื้อผ้า ส่วนห้องนี้จะมีห้องน้ำให้ในตัว เป็นห้องน้ำที่มีอ่างอาบน้ำไว้ให้ แต่ขนาดห้องน้ำโดยรวมแล้วไม่ได้ใหญ่มากนัก
ส่วนห้องนอนเล็กแม้จะไม่มีระเบียงแต่มีผนังกระจกบานใหญ่ให้เหมือนกัน มีโต๊ะทำงานเล็กๆ ตั้งไว้ให้ข้างเตียงด้วยครับ
โดยรวมแล้วเป็นโครงการที่เน้นความเป็นสัดส่วนและบานสไลด์เพื่อความเป็นส่วนตัว สมยี่ห้อ "Privacy" และที่สำคัญคนที่ชอบแสงธรรมชาติน่าจะถูกใจ เพราะเค้าเน้นให้ผนังกระจกบานใหญ่จุใจเอาไว้ให้กับห้องทุกแบบเลย
โครงการนี้ราคาเริ่มต้นอยู่ที่ 3.39 ล้านบาท สร้างเสร็จประมาณเดือนมีนาคม ปี 2565 มี Shuttle Bus ไปส่งที่ MRT พหลโยธินด้วย
แม้จะไม่ค่อยมีของกินที่ใกล้แบบเดินเท้าไม่ลำบาก แต่ถ้าพูดถึงเรื่องราคาแล้วก็นับว่าน่าสนใจไม่น้อย ยังไงก็เป็นอีกหนึ่งตัวเลือกของคนที่สนใจอยากไปอยู่อาศัยในย่านนี้กันนะครับผม