ช่วงหนึ่งเราจะได้ยินคำว่า Slow Life (สโลว ไลฟ์) กันอยู่บ่อย ๆ จากมุขตลกขำขันในเดี่ยว ไมโครโฟน 11 ของโน๊ต อุดม ที่เค้าพูดถึงไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตของคนสมัยนี้
หมีมาคิดดูแล้ว มันก็จริงของเค้าแฮะ เพราะเดี๋ยวนี้มีคอมมูนิตี้หรือคอมมอนแอเรียต่าง ๆ ออกมาตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ชีวิตของคนในเจนเนอเรชั่นนี้ที่ชอบการใช้ชีวิตในรูปแบบ Slow Life (สโลว ไลฟ์) กันมากยิ่งขึ้น
แต่ถ้ามอกลับกัน อะไรแบบนี้ไม่จำเป็นคนที่จะต้องเป็นคนที่มีชีวิตแบบสโลวไลฟ์ก็ได้นะ เพราะอย่างหมีเนี้ย นับว่าเป็นปุถุชน คนที่แสนธรรมด๊า ธรรมดา สุด ๆ ยังชื่นชอบอะไรแบบนี้เลย เพราะยุคนี้คนส่วนใหญ่มีวิธีการทำงานที่ไม่เหมือนก่อนแล้ว เดี๋ยวนี้มีอาชีพใหม่ ๆ เพิ่มขึ้นมากกก ซึ่งส่วนใหญ่เนี้ย เค้าก็ไม่จำเป็นต้องไปทำงานกันที่ออฟฟิศกันแล้วนะ
เข้าเรื่องกันเลยดีกว่า วันนี้หนีไม่พ้นพาไปดูคอมมูนิตี้มอลล์แห่งใหม่น่ะสิ ที่นี่ตอบโจทย์ชีวิตคนรุ่นใหม่อย่างเรา ๆ ด้วยแหละ นั่นก็คือ The Commons Saladaeng เอ๊ะ!! คุ้นหูกันบ้างหรือเปล่า ถ้าบางคนคุ้นหูก็ไม่ต้องแปลกใจไปฮะ เพราะ The Commons Saladaeng แตกแขนงมาจาก The Commons Thonglor นั่นเอง
ซึ่ง The Commons Saladaeng เพิ่งจะเปิดให้บริการกันไปสด ๆ ร้อน ๆ เมื่อไม่กี่วันนี้เองฮะ (กลิ่นปูนและกลิ่นสียังคลุ้งอยู่เลยยย)
การเดินทางนั้น ง่าย และสะดวกมาก มาไม่ยากฮะ เข้าศาลาแดงซอย 1 มาเลย อย่างวันนี้หมีมาด้วยรถไฟฟ้า MRT ลงที่สถานีสีลม ออกที่ทางออก 2 ครับ ส่วนใครที่มาด้วย BTS ศาลาแดงก็ให้ออกที่ทางออก 4
จริง ๆ ตัว The Commons ไม่ได้เข้าซอยปุ๊ปแล้วเจอปั๊ปนะ ถ้ามาด้วยรถไฟฟ้าเนี้ย คือต้องเดินเข้าไปเกือบสุดซอยเลยล่ะ หมีแนะนำให้ต่อวินมอเตอร์ไซต์นะฮะ จะสะดวกกว่า
ตัวโครงการของ The Commons Saladaeng เนี้ย มีคอนเซปต์น่าสนใจอยู่นะ คือเค้าตั้งใจจะให้ทุกคนได้ใช้พื้นที่คอมมอนแอเรียร่วมกัน แอบทราบมาด้วยว่านี่ถือเป็นคอมมูนิตี้มอลล์สไตล์รักษ์โลกด้วยนะ ถ้าสังเกตเห็นต้นไทรใหญ่(ภาพด้านล่าง) จะเห็นว่าก็กินเข้าไปในพื้นที่โครงการอยู่นะ
แต่ทางโครงการเลือกที่จะไม่ตัดทิ้งฮะ ซึ่งหมีว่าเป็นวิธีที่ฉลาดมากกก เพราะนี่ถือเป็นจุดเด่นของโครงการเห็นกันแต่ไกล
ตัวโครงการถูกออกแบบเป็น 3 ชั้นฮะ ดีไซน์แปลกตา แต่มีที่มาที่ไปนะครับผม ด้วยการดีไซน์สถาปัตยกรรมหน้าจั่วสีแดง ซึ่งเค้าบอกว่าหน้าจั่วสีแดงนี้ อิงมาจากของจริงในสมัยรัชการที่ 5 โน่นแหนะ
ตัวโครงการเค้าจะแยกเป็น โซน Indoor และ Outdoor นะ หมีขอไล่ไปทีละส่วน เริ่มจากโซน Outdoor ก่อนเพราะเดินขึ้นบันไดโครงการไปเราจะเจอส่วนนี้ก่อนเลย
โซน Outdoor จะมีการจัดพื้นที่ให้มานั่งใช้บริการฟรีนะ แต่พอพูดถึงคอมมูนิตี้มอลล์ที่แยกโซน Outdoor เรามักจะส่ายหน้า ไม่อยากจะไปนั่งใช้บริการกันซักเท่าไหร่ เพราะหลายคนติดว่ามันร้อน ไม่มีแอร์ใช่มั้ยฮะ
แต่ที่นี่หมีไม่ได้คิดงั้นนะ คือต้องบอกก่อนว่าด้วยความที่เค้าออกแบบอาคารเป็นทรงหน้าจั่วสีแดง แถมสูงขนาดนี้ การมีหลังคาสูง ๆ เนี้ยแหละจึงช่วยระบายอากาศได้ดีมาก ไม่ได้ร้อนอะไรอย่างที่คิด บวกกับที่โครงการอนุรักษ์ต้นไทรเก่าแก่ไว้ด้วย เจ้าต้นไทรซิกเนเจอร์หน้าโครงการไว้นี่แหละ เลยกลายเป็นต้นไม้ที่ให้ร่มเงาเข้าไปอีก ช่วยบังแดดด้านหน้าได้ดีครับ
ในส่วนของ Indoor หรือพื้นที่ด้านใน จะมีร้านอาหารให้เราเลือกทานครับ แต่ด้วยความที่หมีไปตั้งแต่โครงการเพิ่งจะเปิด กลิ่นปูนยังคลุ้ง บางร้านจึงยังไม่ได้เปิดให้บริการฮะ แต่มีการกั้นไวนิลไว้แล้วว่า "ชั้นจะมาเปิดแน่นอน เตรียมตัวมากินชั้นด้วยล่ะ!!"
ชั้นล่าง (The Ground) จะเห็นว่าถึงโครงการจะเพิ่งเปิดแต่มีคนเข้ามาใช้บริการเยอะมาก ๆ จะเป็นพวกร้านนั่งชิลล์ กาแฟ เครื่องดื่ม ประมาณนี้ฮะ
ชั้น 2 The Market ตรงนี้จะมีร้านอาหารครับ แต่จะเป็นพื้นที่นั่งรวม คนแน่นมาก แทบจะไม่มีโต๊ะว่างเลย (ขนาดยังมีหลายร้านที่ยังไม่ทันได้เปิดเลย) ซึ่งแต่ละร้านก็มีเมนูให้เลือกสรรเยอะแยะครับ เช่น The Lobster Lab ร้านอาหารทะเล Hunter Poke ร้านอาหารอะโลฮ่าสไตล์ฮาวาย Guss Damn Good ร้านไอศครีมฮาร์ทเมดสไตล์ย้อนยุคเบา ๆ บุญตงกี่ ร้านข้าวมันไก่ชื่อดัง ร้านไวน์ก็มีนะ Cloud Wine ใครอยากแฮงเอ้าท์ก็มาลองได้ฮะ5555
หมีเองก็ไม่ค่อยกล้าเก็บภาพมากนะฮะ เพราะติดคนซะเยอะเชียว (กลัวเค้าจะไม่พอใจ) เลยเก็บภาพร้านรวงน่าหม่ำ ๆ มาฝากฮะ
ส่วนตัวหมีว่า ของ The Commons Saladaeng เป็นคอมมูนิตี้มอลล์ที่เน้นเข้ามาตอบโจทย์คนสมัยใหม่ ๆ จริง ๆ เราจะใช้เป็นที่พูดคุย คุยงาน นัดลูกค้า ติวหนังสือก็ยังได้นะ
ด้วยความที่ย่านนี้เป็นอีกย่านที่เค้าล้อมรอบไปด้วยสำนักงาน (พนักงานออฟฟิศเยอะมากครับ) และมหาวิทยาลัยอย่างจุฬาฯ การเข้ามาของ The Commons Saladaeng ในย่านนี้ ก็เลยตอบโจทย์เอามาก ๆ นั่นเอง
แอบเสียดายนิดหน่อยที่ไม่ได้แวะชิมอะไรเลย (คนเยอะ) และร้านยังเปิดให้บริการไม่หมด ใครที่เคยมาลองหม่ำอะไรในนี้แล้ว ก็แนะนำกันได้นะฮะ ไว้โอกาสหน้าหมีจะได้มาลอง
ใครอยากมาสัมผัสความชิลล์แห่งใหม่ใจกลางย่านศาลาแดง ก็มาได้นะ เค้าเปิดแล้วแหละ แต่ถ้าอยากให้ฟูลออพชั่นกว่านี้ หมีแนะนำว่า ช่วงปลายเดือนมกราคมถึงต้นเดือนกุมภาพันธ์ ก็น่าจะเปิดให้บริการกันครบแล้วล่ะ
ส่วนคราวหน้าไว้หมีกลับมาใหม่ จะลองตระเวนชิมร้านเด็ดแล้วจะเอามารีวิวให้ทุกคนฟังอีกหนนะ อิอิ