สวัสดีกุมภาฯ หมีมารีวิว: แอนิเมชัน 7 เรื่องแรกจาก Ghibli Studio บน Netflix ผลงานสุดประทับใจที่ดูเท่าไรก็ไม่เบื่อ

สวัสดีกุมภาฯ หมีมารีวิว: แอนิเมชัน 7 เรื่องแรกจาก Ghibli Studio บน Netflix ผลงานสุดประทับใจที่ดูเท่าไรก็ไม่เบื่อ

Home   /   ติดดอยล้อมวงเล่า

โซน : 08 Feb 2020   13:41
 
        ได้เวลาดูกันให้ตาแฉะ เมื่อ Netflix ประกาศว่าในที่สุดพี่แกก็สามารถขนเอาการ์ตูนแอนิเมชั่นฟอร์มยักษ์ของ Studio Ghibli มาฉายบนแพลตฟอร์มสตรีมมิงได้แล้วในที่สุด!
 
        ตอนที่มีข่าวออกมาหมีจำได้ว่ามีคนเฮกันสนั่นโซเชียล เพราะก่อนหน้านี้หลายคน (แน่นอน รวมถึงหมีด้วย) มักจะไปบ่นๆ กันว่า "Netflix เอาการ์ตูนจิบลิมาลงเถอะนะ พลีสสสส"
 
        ซึ่งไอ้เราก็พอจะเข้าใจว่าทาง Netflix คงจะพยายามแล้วแหละ แต่เจรจามานานก็ไม่เห็นเป็นผลสักทีจนนึกว่าทางค่ายสตรีมมิงค่ายนี้เค้าเลิกล้มความตั้งใจไปแล้ว ที่ไหนได้ดันเป็นเสือซุ่ม โผล่มาทีก็ประกาศเลยว่าบรรดาสาวกเตรียมปูพรมแดงต้อนรับแอนิเมชันของค่ายจิบลิได้เลยจ้า
 
        แถมมาคราวนี้คือจัดเต็มจุกๆ เพราะตอนแรกคิดว่าคงดีลมาได้ไม่กี่เรื่อง แต่หมีคงประเมินคุณพี่แกต่ำเกินไป เพราะเค้าดันคว้ามาได้ถึง 21 เรื่อง โอ้โห รู้สึกว่าจ่ายเงินไปทุกเดือนๆ นี่ได้ดูคุ้มทุนเสียที 5555
 
 
        แต่ 21 เรื่องนี้ไม่ได้เข้าพร้อมกันนะ แต่วางแพลนเข้าทุกวันที่ 1 ของเดือน ไล่ตั้งแต่เดือนกุมภาฯ ไปจนถึงเดือนเมษาฯ ลงเดือนละ 7 เรื่อง 3 เดือนก็ 21 เรื่องเป๊ะๆ
 
        หลายคนอาจจะเคยดูแอนิเมชันของค่ายดังค่ายนี้มาบ้างแล้ว แต่หมีว่าก็มีอีกหลายคนอีกเหมือนกันที่อาจจะเคยดูเฉพาะเรื่องที่เป็นที่รู้จักกันมากหน่อย (เพราะว่ากันตามตรง ก่อนหน้านี้บางเรื่องก็หาดูยากพอควรในบ้านเรา) แต่คราวนี้หมีเห็นลิสต์แล้วเป็นปลื้ม เพราะยกทัพมาลงฉายในแพลตฟอร์มนี้กันหมด ปาดหน้า HBO Max ไปเบาๆ
 
        ดังนั้นในฐานะของคนที่กวาดดูมาแล้วทุกเรื่อง หมีจึงขออาสาทำหน้าที่รีวิวสั้นๆ ถึงความดีงามของแอนิเมชันค่ายจิบลิที่ได้ลงฉายใน Netflix เริ่มต้นกันด้วย 7 เรื่องแรกประจำเดือนกุมภาพันธ์ ที่บอกได้คำเดียวเลยว่าทั้งเจ็ดเรื่องนั้นเป็นเนื้อหาที่สุดแสนจะประทับใจ ดูเท่าไรก็ไม่มีวันเบื่อจริงๆ
 
        สำหรับวันที่ 1 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมานี้ เรื่องที่ลงประเดิมก่อนใน Netflix ก็จะมี...
 
 
  • Laputa Castle in the Sky ลาพิวต้า พลิกตำนานเหนือเวหา (1986)
  • My Neighbor Totoro โทโทโร่ เพื่อนรัก (1988)
  • Kiki’s Delivery Service แม่มดน้อยกิกิ (1989)
  • Only Yesterday ในความทรงจำที่ไม่มีวันจาง (1991)
  • Porco Rosso พอร์โค รอสโซ สลัดอากาศประจัญบาน (1992)
  • Ocean Waves สองหัวใจ รักหนึ่งเดียว (1993)
  • Tales from Earthsea ศึกเทพมังกรพิภพสมุทร (2006)
 
        Laputa Castle in the Sky (1986)
 
 
        มาเริ่มกันที่เรื่องแรก กับ Laputa Castle in the Sky ภาพยนตร์แอนิเมชันลำดับที่สองของสตูดิโอจิบลิต่อจากเรื่อง "Nausicaä of the Valley of Wind" (ลงฉาย Netflix วันที่ 1 มีนาคม) เป็นเรื่องราวการผจญภัยของเด็กหนุ่มคนงานเหมือง กับเด็กสาวลึกลับที่รัฐบาลต้องการตัวเพราะเธอครอบครองศิลาลอยฟ้าของอาณาจักรลาพิวตา อาณาจักรลอยฟ้าในตำนานที่เชื่อกันว่าล่มสลายไปแล้ว โดยที่แห่งนั้นเต็มไปด้วยมนต์วิเศษรวมไปถึงสมบัติมากมายซุกซ่อนอยู่
 
 
 
        เราจะได้สนุกสนานไปกับการผจญภัยของเด็กทั้งสอง คอยลุ้นให้พวกเขาหนีการไล่ล่าของเจ้าหน้าที่รัฐและโจรสลัดโดล่าไปได้ด้วยดี แถมยังมีซีนอบอุ่นหัวใจกับหุ่นผู้พิทักษ์ที่ทำหน้าที่คุ้มครองสวนลอยฟ้า แม้จะเป็นสวนร้างและหุ่นหลายตัวก็ผุพังไปตามกาลเวลา แต่หุ่นที่ยังเหลือก็คอยทำหน้าที่ดูแลทุกชีวิตไม่ว่าจะเป็นพืชหรือสัตว์ต่อไป
 
        แอนิเมชันเรื่องนี้มีอายุกว่า 30 ปีแล้วแต่ก็ยังมีเสน่ห์อยู่ แถมเป็นการสร้างภาพจำของความเป็น "จิบลิ" ได้ดีอีกเรื่องหนึ่งด้วย ทั้งเรื่องของการรักธรรมชาติ (ซึ่งแอนิเมชั่นหลายเรื่องของจิบลิจะเน้นหลักปรัชญาในการดูแลรักษาธรรมชาติในแบบ "ย่อยง่าย" ที่สุด) รวมไปถึงคาแรคเตอร์คุ้นตาที่ต่อให้ไม่เคยดูแต่ก็ต้องเคยเห็นเจ้าหุ่นยนต์ผู้พิทักษ์ตัวนี้แน่ๆ ที่สำคัญคือเนื้อเรื่องเข้าใจง่าย เป็นพล็อตแบบร่วมสมัยที่ต่อให้ผ่านไปกี่ปีก็ไม่เคยเก่า
 
        My Neighbor Totoro (1988)
 
 
        มาต่อกันที่สุดยอดของความคลาสสิก อย่าง My Neighbor Totoro แอนิเมชันที่ครองใจใครหลายๆ คน (ใช่! หมีด้วย) หยิบมาดูแต่ละครั้งก็จะได้ความคิดที่ตกผลึกแตกต่างกันไปเพราะเป็นหนึ่งในแอนิเมชันของค่ายจิบลิอันดับต้นๆ ที่ซุกซ่อนความหมายไว้แบบสุดจะแยบยล เด็กดูได้ผู้ใหญ่ดูยิ่งดีจริงๆ เรื่องนี้
 
 
 
        My Neighbor Totoro พูดถึงพี่น้องสองสาวที่ใช้ช่วงเวลาหน้าร้อนกับพ่อในพื้นที่ชนบทของประเทศญี่ปุ่น ส่วนแม่พักรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาล เด็กทั้งสองคนได้เจอกับภูติตัวใหญ่ที่ชื่อว่าโตโตโร่ เรื่องนี้เต็มไปด้วยมิตรภาพระหว่างเด็กๆ และภูติประจำป่า ช่วงชีวิตวัยเยาว์ในชนบทที่น่าประทับใจ รวมถึงการเลือกที่จะไม่นำเสนอด้านลบหรือก็คือไม่มีตัวร้ายในแอนิเมชั่นเรื่องนี้ มีแค่ด้วยความอิ่มเอมใจที่ได้เท่านั้น
 
        ดนตรีประกอบในเรื่องก็เป็นการประพันธ์ที่สุดแสนจะลึกซึ้ง ได้ยินทีไรจะนึกถึงภาพชนบทในญี่ปุ่นที่เต็มไปด้วยต้นไม้สูงใหญ่เสมอ ไม่ต้องพูดถึงคาแรคเตอร์ที่เป็นตำนานอย่างภูติโตโตโร่ที่เป็นเหมือนสัญลักษณ์ตัวแทนของสตูดิโอจิบลิไปแล้ว โด่งดังขนาดนี้หมีไม่แปลกใจเลยที่ My Neighbor Totoro จะเป็นผลงานลำดับแรกๆ ของสตูดิโอจิบลิที่ถูกพูดถึงมากที่สุดเรื่องหนึ่งล่ะนะ
  
        Kiki’s Delivery Service (1989)
 
 
        สำหรับเรื่องต่อมาอย่าง Kiki’s Delivery Service เองก็นับได้ว่าเป็นตัวชูโรงของจิบลิอีกเรื่องเหมือนกัน แถมยังได้ใจสาวๆ ทั้งหลายอีกด้วยเพราะความน่ารักสดใสของแม่มดน้อยกิกินี่ต้องบอกเลยว่าเห็นแล้วใจละลายเหลือเกิน
 
 
 
        และก็ตามชื่อเรื่องเลย แอนิเมชันเรื่องนี้พูดถึงแม่มดกิกิที่ออกเดินทางไปกับแมวของเธอพร้อมไม้กวาดในมือเพื่อค้นหาตัวเองในเมืองที่ไม่มีแม่มดอื่นมาอาศัยอยู่ ในเมืองใหญ่ที่เต็มไปด้วยมนุษย์ กิกิต้องปรับตัวและใช้ความสามารถของตัวเองให้เป็นประโยชน์ จนกระทั่งสุดท้ายแล้วก็ได้งานเป็นคนส่งขนมปังให้กับครอบครัวทำขนมปังที่เธอไปอาศัยอยู่ด้วยนั่นเอง
 
        แอนิเมชันเรื่องนี้เน้นไปที่ชีวิตประจำวันของกิกิและมิตรภาพที่ได้รับจากเพื่อนใหม่ในเมืองใหม่ ทั้งต่างวัยและต่างเพศ เป็นแอนิเมชันที่มีลายเส้นน่ารักฉบับจิบลิแถมเป็นหนึ่งในเรื่องที่ถูกพูดถึงมากในบรรดาผลงานของสตูดินี้เลยล่ะ
 
        Only Yesterday (1991)
 
 
        สำหรับในเซ็ทที่ฉายวันที่ 1 กุมภาฯ นี้ ถ้าพูดถึงเดอะเบสต์ของหมีแล้วล่ะก็ หมียกให้ My Neighbor Totoro ครองบัลลังก์ แต่ถ้าถามว่าอันดับสองคือเรื่องไหน หมีก็คงต้องชูป้ายว่า Only Yesterday นี่แหละจ้า
 
        Only Yesterday เป็นแอนิเมชันแสนอบอุ่นที่ดูแล้วก็ทำให้เรานึกย้อนไปสมัยเรายังเป็นเด็ก ด้วยเนื้อหาที่บอกเล่าแบบสองช่วงเวลาของตัวเอกอย่างทาเอโกะ สาวเมืองกรุงที่เดินทางไปใช้ช่วงเวลาพักร้อนในหมู่บ้านเกษตรกรที่ชนบท โดยระหว่างนั้นก็จะหวนนึกไปถึงเรื่องราวในความทรงจำสมัยเธออยู่ประถม 5 อยู่เรื่อยๆ
 
 
 
        แอนิเมชั่นเรื่องนี้มีวิธีการเล่าเรื่องที่แหวกไปจากเรื่องก่อนหน้าของจิบลิอยู่มาก คือเล่าแบบไม่ลำดับไทม์ไลน์และสลับพาร์ทระหว่างอดีตกับปัจจุบันไปมาตลอดทั้งเรื่อง เราจะได้เห็นทิวทัศน์ของชนบทแสนสบายตาในไทม์ไลน์ปัจจุบัน แต่เมื่อตัดกลับไปในอดีตก็จะได้เห็นความไร้เดียงสาของเด็กหญิงทาเอโกะ เพื่อนร่วมชั้นมากหน้าหลายตา ครอบครัวที่เข้มงวด มาพร้อมรายการทีวีและเพลงฮิตในสมัยนั้นที่ฟังแล้วก็อดนึกถึงเรื่องยอดฮิตสมัยเรายังเด็กๆ ไม่ได้ (แม้หมีจะนึกถึงความทรงจำสมัยตัวเองอยู่ประถม 5 ไม่ค่อยออกก็ตามที แหะๆ)
 
        Porco Rosso (1992)
 
 
        มาถึงแอนิเมชันที่เหมาะสำหรับผู้ใหญ่ที่สุดแล้วอย่าง Porco Rosso ที่บอกว่าเหมาะกับผู้ใหญ่ที่สุดเพราะมันไม่มีฉากแฟนตาซีหรือความน่ารักสดใส แต่มันเป็นแอนิเมชันที่เต็มไปด้วยบทสนทนาแบบผู้ใหญ่ ทำให้เด็กๆ อาจดูแล้วไม่สนุก แต่ถ้าเป็นผู้ใหญ่ล่ะก็...หึๆ
 
 
 
        เรื่องนี้มีเนื้อหาเกี่ยวกับสลัดอากาศที่เข้ารุกรานน่านฟ้าเหนือทะเลเอเดรียติก และนักบินคนเดียวที่จะต่อกรกับเหล่าร้ายได้ดันกลายเป็นครึ่งคนครึ่งหมูชาวอิตาเลียน เล่ารายละเอียดคร่าวๆ แค่นี้ดีกว่าเพราะที่หมีอยากพูดถึงมากๆ คือ Porco Rosso เป็นแอนิเมชันสไตล์จิบลิจริงๆ คือมีฉากหลังเป็นสงคราม แต่ที่เจ๋งกว่านั้นคือเนื้อหามันดันใหม่ทั้งที่เป็นหนังในยุค 92 แต่เนื้อหาเหมาะสมกับแนวคิดที่กำลังเป็นที่พูดถึงในสมัยนี้มากๆ อย่างเรื่องเผด็จการและ Gender Equality
 
        เนื้อหาของเรื่องแฝงความเป็นทหารลัทธิฟาสซิสต์ที่สุดแสนจะรุ่งเรืองในอิตาลีได้เป็นอย่างดี ทั้งยังเสียดสีเผด็จการไม่เบา ชวนให้หมีนึกถึง Animal Farm อยู่บ้างนิดหน่อยตรงที่ใส่คาแรคเตอร์หมูๆ เข้าไปในเนื้อหาเสียดสีการเมืองนี่แหละ นับเป็นการ์ตูนที่ผู้ใหญ่ควรดูเพราะเนื้อหามันว้าวซ่าไม่เบา ประโยคที่ฟังครั้งเดียวก็จำได้ขึ้นใจเลยคือ “เป็นหมูยังดีกว่าเป็นฟาสซิสต์” ...โอ้โห จุก
 
        Ocean Waves (1993)
 
 
        สำหรับ Ocean Waves นั้นแหวกแนวความเป็นจิบลิตรงไหนรู้มั้ย ก็ตรงที่เป็นแอนิเมชันแนวรักๆ แบบเต็มรูปแบบเลยไง ความจริงมันก็มีบรรยากาศใกล้เคียงกับเรื่องอื่นของค่าย อย่าง Whisper of the Heart (ฉายวันที่ 1 เมษายน) แต่เนื้อหาจะเน้นไปในโทนผู้ใหญ่และดีเทลการเล่าเรื่องจะคล้ายกับ Only Yesterday
 
 
 
        Ocean Waves เป็นเรื่องราวของหนุ่มมหาวิทยาลัยอย่างทาคุ ที่หวนนึกถึงเรื่องราวสมัยอยู่มัธยมปลาย เขาได้รู้จักกับริคาโกะ เด็กสาวหน้าตาดีผลการเรียนเยี่ยมเพิ่งย้ายโรงเรียนมาจากโตเกียว เพื่อนในห้องล้วนแต่อิจฉา แต่อันที่จริงริคาโกะก็มีปัญหาส่วนตัวที่ต้องแบกรับ และวันหนึ่งทาคุก็ได้ม้วนวนเข้าไปอยู่ในปัญหาเหล่านั้นของเธอ จากนั้นก็ค่อยๆ ก่อเกิดเป็นความสัมพันธ์และกลับกลายเป็นรอยร้าวเมื่อมีตัวละครใหม่เข้ามาอย่างเพื่อนสนิทที่ชื่อมัตสึโนะ
 
        อย่างที่บอกไปว่าเรื่องนี้โทนอารมณ์จะเป็นผู้ใหญ่มากกว่า ทั้งบรรยากาศเรื่องหรือดนตรีประกอบ ให้ฟีลเหมือนกำลังดูหนังรักหน่วงๆ สักเรื่องที่ไม่มีฟีลสดใสแบบการ์ตูนนัก แม้ส่วนตัวหมีจะไม่ค่อยชอบแนวนี้แต่ก็ยอมรับเลยว่ากลิ่นอายแบบหนังญี่ปุ่นในสมัยเก่ามันสุดจะเท่จริงๆ
 
        Tales from Earthsea (2006)
 
 
        ปิดท้ายเซ็ทแรกของจิบลิที่ลงฉายใน Netflix ประจำเดือนกุมภาพันธ์กันด้วย Tales from Earthsea แอนิเมชันที่ใช้เค้าโครงเรื่องมาจาก The Farthest Shore หนังสือเล่มที่สามในซีรีส์ Earthsea โดย Ursula K. Le Guin และเพราะตัดตอนมา ไม่ได้ยกมาทั้งแผง มันเลยจะมีบางจุดที่ดูแล้วงงๆ เนื้อเรื่องเรียบๆ กลายเป็นว่าเป็นแอนิเมชันยี่ห้อจิบลิที่โดนบ่นอยู่บ้างเหมือนกัน
 
        แต่สำหรับใครที่ตั้งใจอยากตามเก็บหมีก็แนะนำให้ดูนะ อันที่จริงมันก็ไม่ได้น่าเบื่ออย่างที่คิดเท่าไร ในเรื่องนี้จะพูดถึงพ่อมดคนหนึ่งที่บังเอิญได้มาเจอกับอาร์เรน เจ้าชายที่หนีเตลิดออกมาจากอาณาจักรเพราะมีด้านมืดแฝงอยู่ในตัว เขาต้องการเดินทางค้นหาแหล่งที่มาของพลังชั่วร้าย การต่อสู้กับเงาลึกลับ การพบเจอกับเทรุ เด็กสาวกำพร้าผู้ที่มีรอยแผลเป็นบนใบหน้า และการพยายามเพื่อมีชีวิตนิรันดร์ของพ่อมดผู้ชั่วร้าย
 
 
 
        ช่วงแรกๆ อาจน่าเบื่อไปบ้าง แต่ช่วงท้ายเรื่องตอนที่อาร์เรนต่อสู้กับพ่อมดค็อบนั้นถือว่าสนุกอยู่นะ ที่สำคัญเพลงที่เทรุร้องในเรื่องถือว่าเป็นสิ่งที่จับใจคนดูได้มากที่สุด ทั้งความหมายแฝงและความโศกเศร้าของท่วงทำนองเป็นสิ่งที่นับว่าซูฮกได้ในเรื่องนี้เลยจ้า
 
        งานนี้เป็นโปรเจกต์ที่ไม่อยากให้พลาดเลย เพราะเค้าขนผลงานของสตูดิโอจิบลิตลอดระยะเวลา 35 ปีมาลงให้ดูกันแบบถูกลิขสิทธิ์แล้ว (ขาดแค่ "Grave of the Fireflies สุสานหิ่งห้อย" อีกหนึ่งผลงานคลาสสิกขึ้นหิ้งแค่เรื่องเดียว แอบเสียดายเหมือนกันเพราะเป็นเรื่องที่ดีมากแต่ก็ไม่คิดอยากดูต่อเพราะเศร้า หัวใจหมีอ่อนแอ 5555)
 
        ใครไม่คุ้นกับผลงานของสตูดิโอจิบลิก็สามารถเริ่มต้นดูได้ยาวๆ ส่วนใครดูแล้วก็มาดูใหม่ได้เพราะภาพชัดแจ๋วแบบชัดตาแตกฟินกันไปหลายวัน นอกจากนี้ยังมาพร้อมซับไตเติ้ลมากถึง 28 ภาษา พากย์เสียงอีก 20 ภาษา สำหรับฝั่งบ้านเราจะเลือกดูแบบซับไทยเสียงญี่ปุ่นหรืออยากดูแบบพากย์ภาษาไทยเค้าก็มีให้ครบทุกเรื่องจ้า
 
        เอาเป็นว่าเซ็ทแรกเดือนกุมภาฯ หมีก็ทิ้งไว้แค่นี้ก่อนแล้วกัน เจอกันครั้งต่อไปกับเซ็ทเดือนมีนาคมและเมษายนนะครับผมมมม
 
 
 
 
 

Tag :



ติดดอยแนะนำ

ติดดอยรีวิว

"SUPALAI SENSE KHAO RANG PHUKET" คอนโดใจกลางเมืองภูเก็ตที่ให้คุณได้ใกล้ชิดธรรมชาติที่สุด และเป็นคอนโด Pet Firendly แห่งแรกในภูเก็ต

นี่คือคอนโดที่ใกล้ "ลานชมเมืองภูเก็ต" บนเขารังมากที่สุด ทำให้คุณเห็นวิวเมืองภูเก็ตสวยๆตัดภูเขา ทะเล และท้องฟ้า ได้อย่างเต็มตา

8 ข้อน่ารู้ ก่อนไปสู่ขอ "Supalai Tyme เจริญนคร"

ไม่อยากจะเชื่อว่า คอนโดที่มีค่าตัวเริ่มระดับ 7 หมื่นกลางๆ/ตร.ม. จะให้ สุขภัณฑ์อัตโนมัติ WASHLET (แบบที่ใช้ที่ญี่ปุ่นอ่ะ)

ข้างหน้า วิวสวนเบญฯ ข้างหลัง วิวโค้งน้ำบางกระเจ้า "The Crown Residences" ยอดมงกุฏแห่ง ถนนพระรามสี่

นอกจากทำเลติดถนนพระรามสี่อันโดดเด่นแล้ว ความน่าสนใจของ "The Crown Residences" แห่งนี้ ก็คือ "วิว" ที่หาได้ยากกกมว๊ากกกนี่ละ


ติดดอยโร้ดทู

"The President สาทร-เพชรเกษม" สมฐานะเจ้าพ่อทำเล ไม่ล้ม ไม่หาย ไม่ตายละติน

เจ้าพ่อทำเลริมถนนเพชรเกษมนี่จะเป็นใครไปไม่ได้แล้วนอกจาก "ชัยพัฒนาที่ดิน"

"Asakan Elysium Phahol 59 Station" (อัสสกาญจน์ อีลิเซียม พหลฯ 59) คอนโดใกล้ BTS พหลโยธิน 59 เพียง 30 ม.* ในราคาเริ่มต้นเพียงราคาเริ่ม 1.99 ล้านบาท*

"Asakan Elysium Phahol 59 Station" (อัสสกาญจน์ อีลิเซียม พหลฯ 59) จาก ASAKAN DEVELOPMENT คอนโดใกล้รถไฟฟ้าสถานีพหลโยธิน 59 เพียง 50 ม. เท่านั้น!!

"So Origin Sukhumvit 105" (โซ ออริจิ้น สุขุมวิท 105) คอนโดใหม่จากออริจิ้น 200 เมตร ถึงรถไฟฟ้า

'So Origin Sukhumvit 105' (โซ ออริจิ้น สุขุมวิท 105) ถ้ารู้สึกว่าชื่อมันฟังดูแล้วคุ้นๆ หูจังแหะ ใช่ครับ มันคือตัวเดียวกับ 'โซ ออริจิ้น ลาซาล' นั่นแหละ เปลี่ยนตัวห้อยท้ายนิดหน่อย (แต่ส่วนตัวแอบชอบชื่อเก่ามากกว่า)


ติดดอยสไตล์

#ติดดอยรวมมาให้ "ดอกเบี้ยรีไฟแนนซ์บ้าน" พฤศจิกายน 2567

ไหนใครกำลังจะรีไฟแนนซ์กันบ้าง ใครกำลังผ่อนบ้านอยู่เพลิน ๆ นี่ห้ามลืมเด็ดเลยนะ เพราะหนี้บ้านพอพ้น 3 ปีแรก ดอกเบี้ยจะพุ่งขึ้นแบบก้าวกระโดดเลย

#ติดดอยรวมมาให้ "ดอกเบี้ยสินเชื่อบ้านพฤศจิกายน" 2567

วันเพ็ญเดือนสิบสอง น้ำก็นองเต็มตลิ่ง...

"NUE EPIC ASOK – RAMA 9" โครงการใหม่แกะกล่องจาก Noble

ใกล้รถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน MRT พระราม 9 ประมาณ 420 ม. เป็นรถไฟฟ้าสายสำคัญวิ่งเป็น Loop เชื่อมกับรถไฟฟ้าสายอื่นมากมาย จะไปไหนก็ง่ายดาย

NARINSIRI แบรนด์บ้านหรูใหม่ของ "แสนสิริ" ได้ฤกษ์เปิดตัว 16-17 พ.ย. นี้

‘ภูมิสถาปนิค‘ ท่านหนึ่งบอกกับผมว่า “Lanscape โครงการนี้สวยที่สุดเท่าที่เคยเจอมา ไม่มีที่ไหนใกล้เคียงความเป็น ‘สวนแบบ Classic’ ที่เป็น ‘quite luxury’ ได้เท่านี้แล้ว“

SMOKED By Chef Pam เนื้อที่ดีมันเป็นแบบนี้นี่เอง~

เฮ้ย! เนื้อที่ดีมันเป็นแบบนี้นี่เอง 5555

ระเบิดความอร่อยไปกับ 2 เมนูเครื่องดื่มใหม่จากคริสปี้ ครีม NUTELLA THE SECRET INGREDIENT TO YOUR PERFECT DRINK TOGETHER

นูเทลล่า ทำมาจากถั่วเฮเซลนัท และ ช็อคโกแล็ต ช็อคโกแล็ตมาจากต้นโกโก้ ถั่ว และ โกโก้ = พืช พืช = ผัก กินผัก = ผอม โอเค กินเมนูนี้ได้แบบไม่รู้สึกผิดแล้ว 5555


© 2018 CONDOTIDDOI

ME ESTATE CO.,LTD
92/21 HOLLYWOOD STREET CENTER
PHAYATHAI RD. RACHATEVEE
BANGKOK 10400 THAILAND

02-656-6776
condotiddoi@gmail.com

CONTACT US

CONDOTIDDOI

CONDOTIDDOI

CONDOTIDDOI

085-546-4694

info.condotiddoi@gmail.com

Copyright www.condotiddoi.com © 2018
web design & programming by www.smilephp.com