มีกระแสกันมานานแล้วเรื่องที่อาณาจักรเซ็นทรัลเค้าพลิกโฉมเป็น
"เซ็นทรัล รีเทล" แถมไม่นานมานี้ก็ทำการเคาะราคาเปิดขายหุ้น IPO ออกมาแล้วที่ 40-43 บาทต่อหุ้น
ที่ว้าวคือหากคิดเป็นมูลค่าเสนอขายรวมแล้วเนี่ยอยู่ที่ประมาณ 7.4-8.0 หมื่นล้านบาทเลยนะ ถือเป็นหุ้น IPO ที่ใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ตลาดหุ้นไทยเลยแหละ
ความจริงชื่อ “เซ็นทรัล” นี้พูดไปไม่มีใครไม่รู้จัก แถมพอปรับมาเป็น "เซ็นทรัล รีเทล" ก็เหมือนอินทรีสยายปีกไปเลย (เว่อร์มั้ย 555)
แต่เชื่อเถอะว่าหลายคนอาจจะยังงงๆ อยู่ว่า "เซ็นทรัล รีเทล" มันคืออะไร ยิ่งใครสนใจอยากเล่นหุ้น "CRC" ของเค้าด้วยแล้วเนี่ยควรจะทำความเข้าใจที่มาของความเป็นเซ็นทรัล รีเทลก่อนสักนิด
เพราะถึงแม้หุ้นมันจะดูน่าลงทุน สุดแสนจะเย้ายวนใจ แต่ยังไง๊ยังไงทุกการลงทุนก็มีความเสี่ยงเสมอ หมีไม่ได้จะมาขายประกัน แต่การจะลงทุนก็ควรชั่งน้ำหนักความน่าลงทุนในหลายๆ ด้านก่อนจริงๆ
เพราะงั้น วันนี้หมีจะมาสรุปให้ฟังเป็น 6 ข้อสั้นๆ พอกระจุ๋มกระจิ๋ม ว่าเจ้า "เซ็นทรัล รีเทล" นี่มันเกี่ยวกับอะไร แล้ว CRC นั้นแตกต่างยังไงจากตัว CPN พอเป็นข้อมูลให้กับคนที่สนใจอยากลงทุนในหุ้นตัวนี้ได้ทำความเข้าใจกันสักนิดครับผม
1. CRC แตกต่างจาก CPN ยังไง?
มาเริ่มกันที่หัวข้อแรกก่อนเลยเพราะคิดว่าสำคัญมากกก กับเรื่องที่ว่า CRC นั้นแตกต่างจาก CPN ยังไง
อย่างที่รู้กันว่าเครือเซ็นทรัลเค้ามีธุรกิจที่หลากหลายมาก ไอ้นั่นไอ้นี่เยอะแยะไปหมด ดังนั้นการนำ "เซ็นทรัล รีเทล" หรือก็คือหุ้น CRC เข้าตลาดเนี่ย ก็ถือได้ว่าเป็นการ "รวมเฉพาะธุรกิจค้าปลีกของเซ็นทรัล" นั่นเอง
ขีดเส้นตรงนี้ "ค้าปลีก"
ธุรกิจค้าปลีกของเค้านั้นยกตัวอย่างมีอะไรบ้างล่ะ ก็จำพวกห้างสรรพสินค้าที่เป็นดีพาร์ตเมนต์สโตร์ทั้งหลาย หรือแบรนด์ร้านค้าอย่าง Tops, Family Mart, Power Buy, Supersports, ไทวัสดุ ฯลฯ
แตกต่างจาก CPN ที่จะเป็นในส่วนของธุรกิจให้เช่าอสังหาริมทรัพย์ งานบริหารอาคารสำนักงาน งานบริหารโรงแรม ฯลฯ ซึ่งในส่วนของธุรกิจส่วนนี้เนี่ยจะอยู่ในมือของเซ็นทรัลพัฒนา หรือก็คือ CPN นี่แหละจ้า
สรุปสั้นๆ คือ CRC เป็นส่วนของธุรกิจค้าปลีกทั้งหลายและร้านค้าปลีกต่างๆ ในเครือเซ็นทรัล ส่วน CPN นั้นจะเป็นในแง่ของอสังหาฯ บริหารพื้นที่เช่า อาคารสำนักงาน โรงแรม ทำนองนี้
2. ความยิ่งใหญ่ของ “เซ็นทรัล รีเทล” ในไทยและต่างประเทศ
หมีเองก็เพิ่งรู้ตอนหาข้อมูลว่า "เซ็นทรัล รีเทล" มีร้านค้ารูปแบบต่างๆ ในประเทศมากถึงพันกว่าร้าน ยังไม่รวมเคาน์เตอร์จำหน่ายสินค้าอีกหลายพันเคาน์เตอร์
พอมาคิดๆ ดูแล้ว ทุกสิ่งรอบตัวเราล้วนมาจากเครือเซ็นทรัลทั้งหมดเลย โดยเฉพาะในส่วนของ "เซ็นทรัล รีเทล" หรือก็คือธุรกิจค้าปลีก
ห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัลนี่ก็หนึ่งล่ะ มีหลายสาขาด้วย แต่อาจจะไม่ได้ครอบคลุมทาร์เก็ตทั้งหมด แต่ถ้าพูดถึงห้างสรรพสินค้าโรบินสันนี่ต้องร้องอ๋อเลย ไหนจะ Power Buy, Supersports, ไทวัสดุ หรือร้านสะดวกซื้อจำพวก Tops Market, Tops Daily, Tops Plaza, Central Food Hall หรือ Family Mart อีก เห็นมั้ย เป็นชื่อที่คุ้นหูคุ้นตาเห็นกันบ่อยในชีวิตประจำวันจริงๆ
และแน่นอนว่า “เซ็นทรัล รีเทล” เค้าไม่ได้มีแค่ที่ไทย แต่ยังมีฐานธุรกิจในต่างประเทศด้วย ดังๆ เลยคือเวียดนามที่กำลังผลักดันให้เป็นฐานสำคัญในต่างประเทศอยู่ เฉพาะที่เวียดนามนี่ก็มีร้านค้าในเครือของเค้ามากถึง 133 ร้านค้าแล้วนะ
ถ้าย้ายโซนไปฝั่งตะวันตกก็ต้องเป็นอิตาลี ที่อิตาลีนี่เค้ามี “รีนาเชนเต” ห้างสรรพสินค้าระดับไฮเอนด์ 9 สาขา เรียกว่าก้าวเท้าขึ้นเป็นผู้ประกอบการห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่ที่สุดในอิตาลีทั้งๆ ที่เจ้าของธุรกิจอยู่ไทยซะงั้น
3. โมเดลธุรกิจสำคัญ: Food, Fashion, Hardline
"เซ็นทรัล รีเทล" มีธุรกิจที่ครอบคลุม แต่ว่าโมเดลธุรกิจสำคัญของเค้าคือตัวไหนกันล่ะ
ถ้าให้พูดก็ต้องบอกว่าธุรกิจหลักจากทั้ง 3 ประเทศ คือ ไทย เวียดนาม และอิตาลี นั้น ให้แยกเป็นกลุ่มๆ ตามประเภทธุรกิจแล้วเราจะพบว่าเค้าครองปัจจัย 4 ของมนุษย์ไปเสีย 3 ใน 4 เลยทีเดียว
เพราะโมเดลธุรกิจสำคัญของ "เซ็นทรัล รีเทล" นั้นคือ Food, Fashion, Hardline
- กลุ่มอาหาร (Food) เน้นจำหน่ายสินค้าอุปโภคบริโภคที่เรามักจะเห็นกันได้ในร้านสะดวกซื้อ แบรนด์ที่ขายก็จะเป็นกลุ่ม Tops, Family Mart หรือ BigC / Go! ในเวียดนามนั่นเอง
- กลุ่มแฟชั่น (Fashion) กลุ่มนี้จะเน้นขายสินเค้าเครื่องแต่งกายและเครื่องประดับทั้งหลายแหล่ แบรนด์ที่จำหน่ายจะเป็น ห้างเซ็นทรัล, โรบินสัน, Supersports, Central Merket Group และ ลารีนาเชนเต้ ในอิตาลี
- กลุ่มสินค้าเฉพาะ (Hardline) ตัวนี้จะเน้นไปในเรื่องของการจำหน่ายสินค้าอิเล็กทรอนิกส์และสินค้าตกแต่งและการปรับปรุงบ้าน อย่างแบรนด์ ไทวัสดุ, Power Buy, Baan & Beyond หรือ Nguyen Kim ที่เวียดนาม
ถ้าเซ็นทรัลเริ่มจับกลุ่มยารักษาโรคเมื่อไหร่ก็คือ...นั่นแหละจ้ะ รู้กัน 5555
4. ก้าวไปแบบไม่มีชะงัก เพราะมีทางรอดสำคัญ "Omni Channel"
สุภาษิตน่าสนใจวันนี้หมีขอเสนอคำว่า "กระต่ายเจ้าเล่ห์มีสามโพรง" กล่าวคือ ทำอะไรล้วนมีทางหนีทีไล่เอาไว้เสมอ
ไม่ได้จะมาแปลงร่างเป็นเหล่าซือยืนลูบเคราสอนสั่งบรรดาศิษย์ในสำนักแต่อย่างใด หมีกำลังจะพูดว่า "เซ็นทรัล รีเทล" เค้าไม่กลัวว่าจะเกิดปัญหาในเรื่องของการดิสรัปแน่นอน เพราะเค้ามีโพรง...เอ๊ย! มีทางหนีทีไล่เตรียมเอาไว้อยู่แล้ว
การก้าวเข้ามามีบทบาทของ "Omni Channel" นี่แหละคือกุญแจหลักของเค้า Omni Channel คืออะไร? อธิบายง่ายๆ ก็คือการมีช่องทางหลากหลายเอาไว้ให้บริการลูกค้าของตัวเองทั้งออนไลน์และออฟไลน์ มีร้านค้า มีเว็บไซต์ มีแอปพลิเคชั่น มีช่องทางที่สามารถรวบรวมและส่งต่อข้อมูลระหว่างกันได้อย่างสมบูรณ์
ซึ่งกลยุทธ์ Omni Channel ของทาง "เซ็นทรัล รีเทล" เนี่ยก็มีเยอะมากๆ แถมยังครอบคลุมอีกด้วย คือมีทั้ง Marketplace เว็บสโตร์ ที่จะนำเสนอสินค้ารวมถึงข้อเสนอต่างๆ บนพีซีและโทรศัพท์มือถือ นอกจากนี้ยังมีบริการ Chat & Shop ที่สามารถส่งข้อความโต้ตอบแบบทันทีบนแพลตฟอร์มสำคัญอย่าง LINE, WeChat และ WhatsApp
นอกจากนี้ยังสามารถสอบถาม เลือกซื้อ หรือทำการสั่งจองสินค้าผ่านข้อความกับทางพนักงานขายได้โดยตรง โดยลูกค้าเลือกได้ด้วยว่าจะรับสินค้าที่สโตร์หรือว่าจะให้ส่งสินค้าไปให้
มันก็คือการนำ “ห้าง” มาทำ “อี-คอมเมิร์ซ” โดยมีแพลตฟอร์มคือ
central.co.th ที่ขายสินค้าจากห้างเซ็นทรัล แล้วก็มีระบบสั่งซื้อออนไลน์ ช่วยตอบโจทย์ผู้บริโภคในยุคนี้ที่สะดวกใจจะจิ้มๆ ในมือถือหรือพีซีนั่นเอง
เพราะฉะนั้น "Omni Channel" สำหรับหมีคิดว่าเป็นคีย์ซักเซสของ "เซ็นทรัล รีเทล" เลยนะ อย่าลืมว่า Walmart เอาชนะ Amazon ได้เพราะเค้าปรับตัวจากการใช้ Omni Channel เหมือนกัน
5. รับหุ้น CRC เริ่มเทรด 20 ก.พ.
หมีเขียนบทความนี้วันที่ 20 กุมภาพันธ์ เป็นวันที่ตลาดหลักทรัพย์ฯ เค้าแจ้งรับหลักทรัพย์หุ้นสามัญ "เซ็นทรัล รีเทล" หรือ CRC เป็นหลักทรัพย์จดทะเบียน และเริ่มทำการซื้อขายพอดิบพอดี
สำหรับหุ้นนี้จะอยู่ในตลาดรอง SET กลุ่มอุตสาหกรรมบริการ หมวดธุรกิจพาณิชย์ และมีจำนวนหุ้นจดทะเบียนกับตลาดหลักทรัพย์ฯ และจำนวนหุ้นชำระแล้ว 6,031,000,000 หุ้น
ในส่วนของราคา Par จะอยู่ที่ 1.00 บาท/หุ้น จำนวนหุ้น IPO 1,691,000,000 หุ้น เป็นหุ้นเพิ่มทุนที่เสนอขายให้ประชาชนทั่วไป จำนวน 1,331,000,000 หุ้น
ส่วนหุ้นของผู้ถือหุ้นเดิมที่เสนอขายประชาชนทั่วไปจำนวน 360,000,000 หุ้นนั้นเค้าจัดสรรให้กับประชาชนทั่วไปจำนวน 1,691,000,000 หุ้น ราคา IPO 42.00 บาท และมีจำนวนหุ้นสำหรับการจัดสรรส่วนเกินหรือกรีนชูอีกทั้งหมด 169,100,000 หุ้น
นอกจากนี้หมีเพิ่งเห็นว่าบริษัทหลักทรัพย์ชื่อดังอย่างหยวนต้า แกออกมาเชียร์ให้ซื้อหุ้น CRC เสียด้วยแฮะ...
6. แล้วควร “ซื้อ” มั้ย
ในเรื่องของศักยภาพที่ดีจากการเป็นผู้นำในตลาดค้าปลีกหมีว่าส่วนนี้คือประเด็นสำคัญที่ทำให้หุ้นของ "เซ็นทรัล รีเทล" มันดูหอมหวาน ยังไม่ต้องพูดถึงการพัฒนาระบบช่วยหนุนยอดขายอย่าง Omni Channel หลายๆ ฝ่ายเค้าเลยมองกันว่าผลตอบรับของเจ้าหุ้นตัวนี้มันน่าจะไปได้สวย
ส่วนในแง่ของการรักษาระดับรายได้ต่อปีก็น่าจะไม่ต่ำกว่า 2 แสนล้านบาท และด้วยความเป็น Brand Loyalty นั้นถือว่ามีโอกาสในเรื่องของการขยายสาขาเพิ่มภายในประเทศไทยและต่างประเทศด้วยนะ
อ้อ ที่สำคัญการระดมทุนครั้งนี้ทำให้ CRC ติด 1 ใน 15 หุ้นที่มูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดสูงสุด เข้าซื้อขายใน SET 50 ภายใน 3 วันหลังเข้าตลาดได้เลย
เพราะงั้นหมีว่าใครใคร่ซื้อก็ซื้อไปครับ แต่ใครยังลังเลก็อาจรอดูสถานการณ์ก่อนก็ได้ เพราะตอนนี้เศรษฐกิจประเทศไทยเรามันอยู่ในระดับแย่ นักวิเคราะห์ก็ออกมาบอกว่ารอบ 6 เดือนข้างหน้า รายได้และกำไรของค้าปลีกอาจจะมีความเสี่ยงอยู่บ้างเหมือนกัน
ยังไงก็ขอให้ทุกท่านโชคดี