ช่วงนี้คงไม่มีประเด็นไหนจะฮอตเท่ากับเรื่องของ “โควิด-19” ที่เป็นผลพวงมาจากเชื้อไวรัสโคโรน่า ที่เล่นเอาหน้ากากอนามัยและเจลล้างมือขาดตลาดกันเลยทีเดียว
ต้องบอกว่าไอเจ้าตัวไวรัสตัวนี้เนี้ย คนแทบจะทั้งโลกคงได้ทำความรู้จักมันกันพอสมควรอยู่แล้ว (ก็เล่นแผลงฤทธิ์ซะขนาดนี้) นอกจากจะเป็นเชื้อไวรัสที่ส่งผลกระทบต่อผู้ติดเชื้อแล้ว ยังส่งผลกระทบไปถึงเรื่องของเศรษฐกิจเลยนะ ไม่ต้องไปดูที่ไหนไกล พี่ไทยเรานี่ก็โดนเยอะไม่ใช่เล่น ๆ ทั้งเรื่องของการท่องเที่ยว การค้า รวมถึงอสังหาเราเองยังได้รับผลกระทบกับเค้าไปด้วยเหมือนกันนะ
แต่ขอเสริมนิดหนึ่งว่า โคโรน่าไวรัสตัวแสบเนี้ย ไม่ใช่ว่ามันเพิ่งจะมานะ โคโรน่ามันเริ่มเดบิวต์มีผู้ติดเชื้อไวรัสนี้กันมาตั้งแต่ช่วงเดือน พฤศจิกายน ปี 2019 แล้ว แต่เพิ่งจะมามีชื่อเสียงถล่มทลายจริง ๆ ก็ตอนปี 2020 นี่แหละ
ช่วงแรก ๆ มีการสันนิษฐานกันไปต่าง ๆ นานา หลากหลายทฤษฎี เช่น มันคือโรคซาร์ส ที่เคยระบาดไปเมื่อปี 2003 ที่ผ่านมาหรือเปล่า? เนื่องจากลักษณะอาการของผู้ที่ติดเชื้อไวรัสนั้นค่อนข้างคล้ายคลึงกัน
หรือมีการคาดเดาเรื่องต้นตอของเชื้อไวรัส จำได้ว่าบ้างก็บอกว่ามาจากค้างคาว บ้างก็ว่ามาจากงูสามเหลี่ยม หรือบางคนก็บอกว่า อาจจะหลุดมาจากห้องแลปที่มีการทดลองเชื้อไวรัสอยู่ ก็ เป็น ได้…
ไม่ว่าสาเหตุที่แท้จริงจะมาจากไหน สิ่งที่เราต้องทำก็คือการเฝ้าระวังและตื่นตัวกันอยู่ตลอดเวลา ด้วยตัวเลขของผู้ติดเชื้อที่มีจำนวนเพิ่มสูงขึ้นเรื่อย ๆ และที่สำคัญยังไม่มียารักษาเจ้าเชื้อไวรัสนี้อีกด้วย สิ่งที่แพทย์ทำได้ในตอนนี้ คือการรักษาไปตามอาการเท่านั้นเอง
แต่ก็ต้องยอมรับจริง ๆ ว่าช่วงนี้ คนไทย (บางส่วน) ค่อนข้างละเลยเรื่องนี้กันไปแล้ว อาจจะเลิกกลัว หรือ อาจจะไม่ได้รู้ซึ้งถึงเรื่องการแพร่เชื้อของโรคระบาด นามว่า โควิด 19 กันซักเท่าไหร่
หมีก็สังเกตเอาง่าย ๆ ไม่ว่าจะไปไหน ในช่วงนี้ เราไม่ค่อยจะเห็นคนสวมหน้ากากกันเท่าไหร่ แต่ก็พอเข้าใจได้ว่าบางส่วนอาจจะหาซื้อหน้ากากอนามัยไม่ได้จริง ๆ
ที่เกริ่นเรื่องโควิด 19 มาขนาดนี้ เหตุผลหลัก ๆ ก็คือเพราะยังรู้สึกว่า เจ้าโรคนี้มันดูจะยิ่งมีผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ประกอบกับการได้ไปดูหนังเรื่องหนึ่ง ที่คิดว่าเหมาะกับสถานการณ์การระบาดของเจ้าไวรัสตัวนี้มาก ๆ วันนี้หมีเลยจะมาเป็นนักรีวิวกับเค้าบ้างซะเลย!! กับหนังเรื่อง The Flu มหันตภัยไข้หวัดมฤตยู
*คำเตือน บทความนี้อาจมีการสปอยเนื้อหาของตัวภาพยนตร์!!!
โรคระบาดสามารถติดต่อได้จากคนสู่คน
เรื่องราวทั้งหมดเกิดขึ้นที่เมืองเมืองหนึ่งในเกาหลีใต้ ที่ห่างจากเมืองหลวงแค่ 15 กิโลฯ เท่านั้น โอ้ล่ะพ่อ เมื่อโรคระบาดลุกลามจึงต้องทำการปิดเมืองนั้นซะ!! (คุ้น ๆ มะ) เพื่อป้องกันประชากรเมืองอื่นไม่ให้กลายเป็นผู้ติดเชื้อด้วย
จุดเริ่มต้นมาจากตู้คอนเทนเนอร์ที่ลักลอบขนแรงงานผิดกฎหมายเข้ามา ซึ่งภายในตู้คอนเทนเนอร์แคบ ๆ ที่แม้จะนั่งก็ยังทำไม่ได้ ต้องยืนเบียด ๆ กันไป ลองคิดดูนะฮะว่าพอมีคนป่วยแค่หนึ่งคน นั่นเท่ากับว่าหายนะมาเยือนแล้ว เพราะมันจะแพร่เชื้อไปยังคนอื่น ๆ ได้อย่างรวดเร็ว!!...และใช่ครับ ตายกันหมด รอดแค่คนเดียวเท่านั้น ซึ่งคนเดียวคนนี้แหละ ที่สำคัญต่อเรื่องนี้มาก ๆ (ไม่บอกหมดนะ ดูในหนังต่อ!!)
โรคระบาดติดต่อง่ายกว่าที่คิด
เชื้อไวรัสบางตัวสามารถติดต่อได้หลายช่องทางนะ ไม่ว่าจะเป็นการสัมผัสสารคัดหลั่งของผู้ป่วย เช่น น้ำมูก น้ำลาย ต่าง ๆ หลายคนอาจจะคิดว่า เอ้า ใครมันจะไปจับขี้มูกคนอื่นฟร๊ะ!! มันไม่ใช่แค่นั้นครับ เพราะถ้าหากมีคนจาม 1 ครั้งเชื้อโรคและแบคทีเรียบางตัวสามารถอยู่ในอากาศได้นานถึง 45 นาทีเลยนะครับ (อากู๋บอกผมมาแหละ อิอิ)
ซึ่งความน่ากลัวของมันก็คือ เวลาที่มีคนติดเชื้อมา ไม่ใช่ว่าทุกคนจะใส่แมสปิดปากใช่มั้ยล่ะ ซึ่งในหนังเนี้ย มันมีซีนที่เล่าถึงกระบวนการติดเชื้อจากคนสู่คนว่ามันง่ายขนาดไหน ซึ่งสิ่งนี้แหละน่ากลัว เพราะเราแทบจะไม่รู้ตัวเลยว่า เอาตัวเองไปอยู่ในสถานการณ์ที่เสี่ยงติดเชื้อตอนไหนวะ ก็ใช้ชีวิตปกตินี่นา... ยกตัวอย่างในหนังนิดนึงนะเช่นมีหนึ่งคนจามในตอนที่มีคนพ่นยาหอบพอดี หรือ มีคนจามใกล้ลูกเรา แล้วเราดันไปหอมแก้มลูกต่อ นั่นแหละครับ กระบวนการติดเชื้อสมบูรณ์แบบแล้ว
ในหนังเค้าสันนิษฐานว่ามาจากเชื้อไข้หวัดนกสายพันธุ์ใหม่
เมื่อหลายปีก่อน เชื่อว่าทุกคนทันช่วงที่ไข้หวัดนกระบาดกันแน่นอน(ช่วงนั้นไม่กล้ากินไก่เลยทีเดียว) ซึ่งในขณะนั้น เชื้อมันติดต่อมาจากสัตว์ปีก ก่อนจะเข้าสู่คนที่บริโภคมันไปอีกที แต่ในหนังเนี้ย แอดวานซ์ครับ เพราะเชื้อมันติดจากคนสู่คนได้อย่างที่ผมบอกไปข้างบนนั่นแหละ
เมื่อมีโรคระบาด ทุกอย่างก็ต้องควบคุม
เราจะรู้สึกว่าโรคระบาดมันร้ายแรงขนาดไหนก็ต่อเมื่อรัฐบาลเค้ามาควบคุมนี่แหละ(แต่อาจจะใช้ไม่ได้กับประเทศแถว ๆ นี้มั้ง) เมื่อเกิดการระบาด คนทั้งเมืองติดเชื้อที่ไม่มียารักษา คนตายเยอะเหมือนยุงโดนช๊อต ศพนอนกองมหาศาลรอให้รัฐบาลนำศพไปกำจัด ประชากรเมืองข้าง ๆ เริ่มหวาดกลัวประมาณว่า แกอย่าเข้ามาเมืองชั้นนะ อยู่เมืองแกไปเถอะ
ในหนังเรื่องนี้รัฐบาลจึงต้องเลือกระหว่างจะละทิ้งประชากรส่วนหนึ่ง เพื่อประชากรส่วนใหญ่ที่เหลือ หรือ เราจะไม่ละทิ้งประชาชน เราจะต้องช่วยเหลือเค้าสิเพราะเค้าคือประชาชนของเราเหมือนกัน ซึ่งตรงนี้ก็ถือว่าเป็นอีกหนึ่ง Conflict ที่เข้มข้นเหมือนกันนะ เพราะสถานการณ์ในหนังเนี้ย ทั้งปิดเมือง ทั้งกักกันผู้ติดเชื้อ มีปัญหาทั้งเรื่องที่อยู่และอาหาร (สถานการณ์ตอนนี้คล้ายในหนังเหมือนกันนะ)
ให้เล่าหมดคงแทบไม่ต้องไปดูหนังกันพอดี ขอสรุปเลยแล้วกันว่า หนังเรื่องนี้เป็นหนังอีกเรื่อง ที่ถ้าได้ดูในตอนนี้จะอินมาก แทบจะหยิบหน้ากากอนามัยมาดูเลยทีเดียว(เว่อร์มาก) หลาย ๆ ฉาก หลาย ๆ ซีน ผมรู้สึกว่า เออนี่แหละ มันคือฤทธิ์เดชของโรคระบาด มันน่ากลัวและแพร่เชื้อได้ขนาดนี้เลยเนี้ยแหละ
บางคนอาจจะคิดว่า ไม่เป็นไรหรอก เดี๋ยวโรคมันก็หายไปเองแหละ เดี๋ยวหมอก็มียารักษา ซึ่งขอบอกเลยว่า เป็นความคิดที่ผิดถนัดมาก ๆ ครับ เพราะเชื้อไวรัสมาเคาะประตูอยู่หน้าบ้านเราได้ทุกเมื่อ เอาล่ะ ตอนนี้เราอาจจะไม่ใช่ผู้ที่ถูกเลือก(ขนาดนี้เลยนะ) แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเราจะไม่มีโอกาสติดเชื้อนะครับ!!! เสาร์อาทิตย์นี้ใครที่ไม่มีแพลนจะทำอะไร ลองหยิบหนังเรื่องนี้มาดูกันได้ หมีเชื่อว่าถ้าได้ดูแล้ว คงจะตระหยักถึงคำว่าโรคระบาดกันมากขึ้นอย่างแน่นอนฮะ