ผมขอยืนยันอีกครั้งว่าผมไม่ถนัด “โซนฝั่งธนฯ” เท่าไหร่
แต่แอบบอกตั้งแต่หัวเรื่องเลยว่าโครงการนี้ผมเอานะครับ อิอิอิ
ถ้าใครเข้ามาสู่วงการ “เล่นคอนโด” มาเกิน 1 ปีแล้ว คงเคยได้ยินข่าวเกี่ยวกับโครงการนี้มาบ้างแล้วล่ะ
เพียงแต่รอกันว่าจะเปิดตัวเมื่อไหร่
น้อง Sale ที่ Whizdom สาขาอื่นบอกกับผมว่า ตลอดหลายเดือนที่ผ่านมามีคนโทรเข้ามาถามที่ Sale Gallery (สาขาอื่น) เกี่ยวกับ “Whizdom ท่าพระ” ทุกวัน
ก็ไม่น่าแปลกใจนะครับ ทำเลแบบนี้
ตอนนี้ก็ได้ชื่อที่เป็นทางการออกมาแล้วว่า “Whizdom Station Ratchada – Thapra”
ใครที่ยังไม่เคยรู้จักโครงการนี้มาก่อน ผมขอชี้แจงเรื่องทำเลก่อนว่าอยู่ตรงไหน ทำไมถึงมีคนถามถึงเยอะแยะ
เอาง่ายๆ ก็คืออยู่ตรงข้าม The Mall ท่าพระ เป๊ะเลย และถ้าเทียบกับ BTS ก็อยู่ห่างจากสถานีตลาดพลูเพียงแค่ 80 เมตร
มีอย่างหนึ่งของโครงการที่ผมชอบก็คือ
สะพานลอยข้ามฝั่งที่เชื่อมเข้า The Mall มาเกยอยู่ข้างคอนโดเลย
ถ้าพูดแบบเข้าข้างตัวเองก็คือ มี The Mall เป็นของตัวเอง ฮ่าฮ่าฮ่า
ผมมีเรื่องเล่าลือเกี่ยวกับสะพานลอยนี่นิดหน่อย จริงหรือเปล่าไม่รู้นะครับ ลองอ่านกันดู
เดิมที The Mall เคยติดต่อขอเจ้าของที่ให้สะพานลอยมาลงตรงหน้าที่ดินเลย
แต่เนื่องด้วยเจ้าของที่ดินเป็นคนเชื้อสายจีน ซึ่งจะถือเรื่อง "สะพาน" มาก
จึงไม่ยินยอมให้มีสะพานลอยมาลงหน้าที่ ตัวสะพานลอยจึงต้องเลื่อนไปนิดหน่อย ดังที่เห็นทุกวันนี้
ซึ่งน่าจะเป็นการตัดสินใจที่ถูก เพราะที่ Magnolia ซื้อที่ดินนี้ ก็อาจจะเพราะไม่มีสะพานลอยมาลงตรงหน้านี่ละครับ
เพราะตัว Magnolia เองก็เป็นบริษัทคนจีน (เจ้าสัว CP น่ะครับ) ที่คำนึงถึงเรื่องฮวงจุ้ยค่อนข้างมาก
ซึ่งในความเป็นจริง ถ้าสะพานลอยมาจ่อหน้าโครงการจริงๆ ก็คงจะวุ่นวายน่าดู ไม่น่าอยู่หรอกครับ แบบนี้น่ะ Perfect แล้ว
สำหรับระยะห่างจาก BTS ตลาดพลู 80 เมตร ผมกลับมองว่าเป็นข้อดี
เพราะตรงสถานีตลาดพลู ผมว่าถนนตรงนั้นรถวิ่งกันเร็วและเสียงดัง การเว้นระยะมาสัก 80 เมตรถือว่ากำลังดี และเดินสบายๆ เลย
สำหรับผมแล้ว แค่ 2 ข้อนี้ ก็ถือว่าทำเลได้เปรียบโครงการอื่นๆในละแวกแล้ว
แต่เอาล่ะ เมื่อมีข้อดี มันก็ต้องมีข้อเสียด้วย
ลองหาข้อเสียดูบ้างเป็นไร
สำหรับคนที่ขับรถมาจากฝั่งสาทร ถ้าจะเข้าโครงการก็จะต้องเลี้ยวซ้ายผ่านหน้า The Mall เพื่อไปกลับรถไกลพอสมควร แถมพอกลับรถมาแล้ว ก่อนจะเข้าโครงการยังต้องผ่านตลาดตรงข้าม The Mall ซึ่งรถติดมากอีกด้วย (แต่ข้อเสียในข้อนี้จะหมดไป ถ้าคุณใช้ BTS)
จริงๆ มีเพื่อนผมที่เป็นคนในพื้นที่ฝั่งธนฯ พยายามจะอธิบายว่า มีทางลัดที่ดีกว่าทางที่ผมว่ามา
แต่ฟังยังไงก็ไม่เข้าใจ ใครพอรู้ก็บอกกันได้นะครับ ฮ่าฮ่าฮ่า
แล้วก็เรื่องของราคา ที่ถือว่าเป็นเพดานของคอนโดในละแวกนั้นเลย
ด้วย Supply ที่มีโครงการใหม่มาเปิดเยอะพอสมควร จนไม่แน่ใจว่าเลย Demand หรือยัง
เพราะฉะนั้น ถ้าจะซื้อที่นี่ ก็ต้องคำนึงถึงความเสี่ยงตรงจุดนี้ด้วยนะครับ
แต่พอดีได้เกร็ดเล็กๆ น้อยๆ มาเล่าให้ฟัง
ตัวผมเองรู้สึกสนใจโครงการนี้เป็นพิเศษ เลยได้คุยกับทางทีมงานมาบ้าง จึงมีข้อมูลที่พอจะเล่าให้ฟังแบบสนุกๆ ได้
ผมถามว่าทำไมโครงการนี้ถึงเปิดช้าจัง เพราะได้ข่าวมาเป็นปีแล้ว
จนท.เล่าให้ฟังว่า ผู้บริหารของ Magnolia นั้นเน้นเรื่อง “Good Governance” ครับ สำหรับเรื่อง EIA ที่ทางโครงการจะไม่ใช้ “ทางลัด” (ผมไม่นิยามนะครับว่าทางลัดแปลว่าอะไร ฮ่าฮ่าฮ่า) ถ้ายังไม่ผ่าน EIA ก็จะแก้แบบ ปรับปรุง ไปเรื่อยๆ จนกว่าจะผ่าน
ซึ่งตอนนี้ Whizdom Station Ratchada – Thapra ก็ผ่าน EIA ไปเรียบร้อยแล้ว
อีกเรื่องก็คือ ถึงแม้ MQDC จะใช้ชื่อแบรนด์ Whizdom มาหลายโครงการแล้ว แต่ทางบริษัทหมายมั่นปั้นมือว่า Whizdom Station Ratchada – Thapra จะเป็นตัวที่สร้างความรับรู้แบบจริงจัง ให้กับแบรนด์ “Whizdom” ทั้งในแง่ “ทำเล” และ ”Product”
เรื่องห้องน้ำของโครงการนี้ ก็น่าสนใจเช่นกัน
ผมทักเรื่องห้องน้ำของ Whizdom ท่าพระ ว่ามันใหญ่กว่าปกตินะ โดยเฉพาะห้องขนาด 22 ตร.ม. มันทำให้ดูห้องเล็กไปเลย
คำตอบที่ผมได้รับซึ่งทำให้ผมชอบก็คือ
สาเหตุที่ห้องน้ำใหญ่ เนื่องจากว่า
Whizdom ท่าพระ ทำระบบท่อสำหรับห้องน้ำไว้ภายนอก
ข้อดีก็คือ ในอนาคตหากห้องไหนที่มีปัญหาเกี่ยวกับห้องน้ำ ก็สามารถซ่อมได้ที่ห้องใครห้องมันได้เลย อ่ะอ่ะอ่ะ คนที่อ่านมาถึงตรงนี้แล้วไม่เข้าใจว่า “แล้วมันดียังไง” ผมจะบอกว่าถ้าใครอยู่คอนโดมานานพอ จะเข้าใจเรื่องนี้เป็นอย่างดี
เพราะคอนโดทั่วไป (เกือบทั้งประเทศไทย) ถ้าห้องน้ำคุณเสีย คุณจะต้องขออนุญาตเจ้าของห้องข้างล่างหรือข้างบนของห้องคุณเพื่อเข้าไปซ่อมระบบน้ำในห้องน้ำของพวกเค้า
การทำระบบท่อน้ำด้านนอกนี่ ต้นทุนจะแพงกว่าระบบท่อน้ำปกติ ซึ่งทาง Magnolia เอง ทำระบบแบบนี้แค่ที่ Icon Siam เท่านั้น สำหรับในแบรนด์ Whizdom ที่ท่าพระจะเป็นที่แรกที่ทำ
ผมยังฟังสิ่งต่างๆ ที่จนท.ของ Whizdom เล่าให้ผมฟังอย่างเพลิดเพลิน เช่น สีที่ใช้ทาเป็นสีที่ปลอดภัย คือทาวันนี้ พรุ่งนี้เข้าอยู่ได้เลย หรือระบบ Ventilation ก็ออกแบบมาให้ลมโกรกเข้าห้องทุกห้องได้อย่างดี ห้องไม่อับ ไม่ร้อน เป็นต้น
ผมว่าเค้าเอาใจใส่กับการ “อยู่อาศัย” จริงๆ นะครับ
พล่ามซะยาวเลย เอาล่ะ กลับเข้าเรื่องลงทุนดีกว่า
Whizdom ท่าพระ เปิดราคามาที่แถวๆ 100,000 บาท/ตร.ม. (โดยที่อาจจะมี 9 หมื่นปลายๆ เล็กน้อย) สำหรับผมแล้วถือว่าราคาปกติ ไม่ถูกไม่แพง
ถ้าเทียบกับห้องเล็กที่สุดก็คือขนาด 22 ตร.ม. ราคาแถวๆ 2.3 ล้านบาท เราต้องการค่าเช่า 12,000 บาท/เดือน เพื่อรับยิลด์ 6%
ปัจจุบัน Ideo สาทร-ท่าพระ ห้องขนาด 21 ตร.ม.เช่ากันอยู่แถวๆ 10,000 บาท/ตร.ม.ซึ่งถ้าเทียบกัน ก็ต้องยอมรับว่า Whizdom ทำเลดีกว่า ส่วนโครงการอื่นๆ แถวนั้นอาจจะไม่มีห้องขนาดเดียวกันให้เปรียบเทียบ (ส่วนใหญ่จะ 30 ตร.ม.)
คู่แข่งที่สำคัญก็คือ Aspire ท่าพระ ที่อยู่ฝั่งตรงข้าม (ที่เป็นปรากฏการณ์คนต่อคิวเมื่อปีกว่าๆ ที่แล้วนั่นแหละ) ที่มีห้องขนาดเดียวกัน แต่ยังสร้างไม่เสร็จนะครับ
สำหรับผมแล้ว ค่าเช่า 12,000 บาท/เดือน อาจจะไม่ง่าย แต่ก็ไม่ยาก ด้วยทำเลที่ดีกว่า ผมว่าน่าจะพอเป็นไปได้ในอนาคต (อีก 2 ปีข้างหน้า)
สำหรับราคาห้อง ผมเชื่อว่าไปได้อีกนะครับ
โอเค บางคนอาจจะมองว่าราคาแสนต้นๆ เข้าเมืองดีกว่าไหม? อันนั้นก็จริง แต่ทำเลฝั่งธนฯ ก็มีคนในพื้นที่เค้าชอบของเค้านะครับ อย่างตอน Ideo ท่าพระ อินเตอร์เชนจ์ ที่เพิ่งเปิดตัวเมื่อเดือนก่อน ก็มีคนในพื้นที่ฝั่งธนฯ มาจองกันพอสมควร
แต่ละทำเลก็มีแฟนๆ ของตัวเองด้วย และผมก็ถือว่าตรงนี้เป็นทำเลทองของย่านฝั่งธนฯ ที่หนึ่ง
สรุปตามสไตล์คอนโดติดดอย
สำหรับการอยู่อาศัยเอง ผมว่าน่าอยู่นะ เมื่อดูจากระบบต่างๆที่เขาออกแบบมาให้ ระยะ BTS ก็ไม่ไกล จะไปห้างก็ข้ามสะพานลอยเข้า The Mall ได้เลย ถือว่าครบ สำหรับความสะดวกสบายในการชีวิตประจำวันครับ ยิ่งถ้าคุณเป็นคนที่ชอบละแวกนั้นอยู่แล้ว และมีงบพอละก็ จัดได้เลยครับ
ส่วนการเล่นสั้น พอเล่นได้ในช่วงร้อนๆครับ และบางตำแหน่งเท่านั้น ถ้าคุณไม่ใช่มืออาชีพ ก็อาจต้องเผื่อใจไว้บ้าง
สำหรับการปล่อยเช่า เมื่อเทียบกับโครงการอื่นๆในระยะใกล้เคียง ผมว่ามีโอกาสที่จะได้เรทค่าเช่าตามที่หวังนะ เมื่อโครงการเสร็จ ถือว่าพอเล่นได้ครับ
สำหรับการเก็บระยะยาว ต้องยอมรับว่า Supply แถวนั้นก็เยอะอยู่ และด้วยราคาที่ถือว่าเป็นเพดานของแถวนี้อยู่แล้วด้วย โอกาสที่ราคาจะทะยานคงยาก แต่ด้วยความที่ทำเล และคุณภาพที่ดีกว่า ในระยะยาวเชื่อว่า ราคายังไปได้อีกครับ
Whizdom Station Ratchada – Thapra ถือเป็นโครงการหนึ่งที่น่าสนใจ นอกจากเหมาะกับอยู่อาศัยเองแล้ว ยังสามารถเก็บไว้ปล่อยเช่าได้แต่อาจจะไม่ได้ผลตอบแทนสูงมากนัก ราคาก็มีโอกาสไปต่อได้ (แต่ไปไกลแค่ไหนก็แล้วแต่ตลาดหลังจากนั้น) และถ้าเลือกดีๆ ก็อาจจะพอเล่นสั้นได้ด้วยครับ
แว่วๆ ว่าปีนี้จะมีอีก 2 โครงการที่น่าสนใจ โครงการหนึ่ง“ติด MRT” และ อีกโครงการ “อยู่บนถนนที่แพงแห่งหนึ่งของกรุงเทพฯ” ถ้าสนใจก็ติดตามทางเพจเรื่อยๆนะครับ ^^
นึกถึงลงทุนคอนโด นึกถึงคอนโดติดดอย ^0^