ช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมานี้ บริษัทเริ่มไฟเขียวให้พนักงาน Work from home ทำงานที่บ้านกันเยอะมากขึ้น
หนึ่งในนั้นก็คือคอนโดติดดอยของเราเองด้วยแหละ อิอิ
จริง ๆ การ Work from home (เกือบจะ)ทั่วทั้งกรุงเทพขนาดนี้ ถือเป็นครั้งแรกของประเทศไทยเราเลยมั้ง ที่โรคระบาด ส่งผลต่อการทำงานะเป็นวงกว้างขนาดนี้
เห้ย ไม่ใช่ Work from home แบบนี้!!!!
Work from home นอกจากจะมีประโยชน์กับตัวพนักงานที่นั่งทำงานอยู่บ้านไม่ให้เสี่ยงออกไปติดเชื้อข้างนอกแล้วเนี้ย มันยังสามารถช่วยให้ไม่มีผู้ติดเชื้อเพิ่มมากขึ้น หรือ เป็นผู้แพร่เชื้อเพิ่มมากขึ้นนั่นเอง
แต่ก็นะ ทำงานที่บ้าน ห่างไกลสายตาเจ้านาย แถวหันหลังไปก็เจอที่นอน หมอน ผ้าห่มแล้วเนอะ แหมมม
"ช่วงนี้ Netflix ก็มีหนังใหม่มาลงเยอะเลย" "โอ้ยยย แอร์ที่บ้านมันเย็นจัง"...บรรยากาศชวนเคลิ้มขนาดนี้ ก่อนเชื้อโควิดจะเข้าสู่ร่างกาย เชื้อขี้เกียจเข้าสู่กระแสเลือดก่อนเลย งานไม่เดิน หัวไม่แล่น เสียงาน เสียการ กันหมด (อันนี้อ้างอิงจากตัวเองล้วน ๆ )
ท่องไว้ว่าเรา Work from home ไม่ได้ลาพักร้อนนะเอออ
จริง ๆ นอกจากความขี้เกียจที่อาจจะเกาะกุมหัวใจ5555 อีกสิ่งหนึ่งที่ต้องรับมือหนักมาก ๆ คือสิ่งเร้าจากคนรอบตัวนี่แหละ ที่อาจจะมารบกวนสมาธิการทำงานของเราได้ ยิ่งใครที่อยู่บ้าน แบบเป็นครอบครัว มีพ่อ มีแม่ มีลูก มีหลาน (ช่วงนี้ปิดเทอมแล้วด้วย)
เห็นมั้ยล่ะว่า การ Work from home ในช่วงนี้ นอกจากจะมีข้อดีแล้ว ข้อเสียก็มีไม่น้อยเช่นเดียวกัน วันนี้หมีก็เลยจะมาแนะนนำวิธี Work from home ที่บ้านแบบมีประสิทธิภาพ ไม่ต้องเสียงานเสียการกันหน่อยดีกว่ามั้ย
ก่อนอื่นเลยนะ ปิด!! สหายผู้กองเดี๋ยวนี้ ส่วนคนนั้นน่ะเลิกวิ่งหนีผีดิบในยุคโชซอนได้แล้ว เลื่อนลงไปข้างล่าง งานของเราจะต้องสำเร็จ เริ่ม!!
To do list
การทำ To do list เพื่อกำหนดเป้าหมายในแต่ละวัน ถือเป็นตัวช่วยที่สำคัญมาก ๆ ก่อนอื่นอย่างที่บอกว่า เราต้องทำความเข้าใจว่า Work from home ก็คือการทำงานแบบปกตินั่นแหละ เพียงแค่เปลี่ยนจากการนั่งทำงานที่ออฟฟิศมาเป็นบ้านของเราแทน ดังนั้นเนื้องานในแต่ละวันของเราก็จะยังคงเหมือนเดิม
อยู่บ้านน่ะมันเพลินอยู่แล้ว แต่การจด To do list ตอนเริ่มวันก่อนทำงาน ก็ทำให้เรารู้รายละเอียดงานของตัวเองในวันนั้น ๆ ได้นะจ๊ะ พอหมดเวลาทำงาน ตอนเย็นก็ค่อยมาเช็คดูว่า เราทำงานชิ้นไหนสำเร็จไปแล้วบ้างนะ? วิธีนี้จะช่วยให้เราวางแผนการทำงานได้ดี และช่วยกันไม่ให้เรากลายเป็นดินพอกหางหมูได้อย่างแน่นอน ที่สำคัญเดี๋ยวนี้เค้ามี To do list แบบสำเร็จรูปแล้วด้วยนะ ใครสายคิ้วท์ ๆ หรือใครที่เพิ่งเริ่มต้นเขียน To do list ก็ลองหาซื้อกันได้
ที่นอนไม่ใช่ที่ทำงานจ้า ลุกขึ้น ไปทำงานบนโต๊ะ!!
อันนี้อาจจะไม่ได้เป็นกันทุกคน แต่ข้อนี้อ้างอิงจากตัวเองล้วน ๆ แหะ แหะ เวลากลับมาบ้าน แลปทอปของเราไม่ได้มีไว้ทำงานกันซักเท่าไหร่หรอก ส่วนใหญ่ก็มีไว้ดูซีรี่ย์นี่แหละ และช่วงเวลา Relax Time ด้วยซีรี่ย์มันก็ต้องใช้เวลาบนที่นอนสิฟร๊ะ!!
ฉะนั้นความเคยชินเหล่านี้อาจจะทำให้เรา (เค้าเอง) ไขว้เขวได้นะ แนะนำว่าการนอนทำงานไม่ได้ส่งผลดีแต่อย่างใดครับ เพราะมันจะหลับ มันหลับแน่ ๆ วิธีที่เวิร์คที่สุด คือการนั่งทำงานบนโต๊ะให้เหมือนเวลาที่อยู่ออฟฟิศเลยครับผม
ที่สำคัญคือการจัดโต๊ะให้เหมาะสมกับการทำงาน บางบ้านอาจจะมีสิ่งเร้า(พ่อ แม่ หรือ ลูกของตัวเอง) เป็นตัวทำลายสมาธิ ดังนั้น การหามุมทำงานที่ช่วยให้สมาธิของตัวเองดีขึ้น (หรือการปลีกวิเวก) ถ้าทำได้ควรทำด่วน ๆ เลยครับ Move โต๊ะทำงานของเราออกมา หามุมสงบ ๆ ทำ รับรองว่างานเดินหน้าแน่นอน
เช็คอินเตอร์เน็ตให้ดี ข้อนี้สำคัญสุด ๆ
ถึงแม้จะเป็นช่วงของการ Work from home แต่การประชุมงานยังคงต้องดำเนินต่อไปนะ แน่นอนว่าพอปรับเปลี่ยนให้เป็นการทำงานแบบ Work from home แล้วเนี้ยหลาย ๆ บริษัทจึงใช้วิธีการประชุมแบบ VDO Conference ซึ่งสิ่งสำคัญในการประชุมในรูปแบบนี้ก็คืออินเตอร์เน็ตนี่แหละ ใครที่เน็ตอืด อาจจะทำให้เราประชุมแบบอ๊อง ๆ งง ๆ ได้นะ (เมื่อกี้เค้าพูดอะไรกันหว่า) ดังนั้น เน็ตพร้อม ใจพร้อม เราทำได้!!
จัดสรรเวลา อย่าให้อิสระกับตัวเองมากจนเกินไป
หมีย้ำอีกครั้งว่านี่เรากำลัง Work from home อยู่นะ ไม่ใช่ลาพักร้อน การจัดสรรเวลาจึงเป็นเรื่องสำคัญมาก ๆ อย่างเช่นปกติเราจะต้องตื่นกันแต่เช้าเพื่ออาบน้ำเตรียมตัวไปสแกนนิ้วหรือตอกบัตรเข้างานก่อน 9 โมง เช้ากันใช่มั้ย
แต่พอเรามา Work from home แล้ว แน่นอนว่าตื่นสายกันขึ้นมาได้นิดหน่อย แต่!! ที่หมีขอแนะนำเลยก็คือการจัดสรรเวลา เป็นไปได้ ก็ควรจะอาบน้ำแต่งตัวให้ดี ๆ เตรียมพร้อมเริ่มงานในเวลาปกติ และทานข้าวกลางวันในเวลาเที่ยงเช่นเดิม หมีเชื่อว่า การทำให้เป็นกิจวัตร เหมือนกับเวลาไปทำงานที่ออฟฟิศจริง จะสามารถทำให้งานของเราไม่ค้างเติ่ง และเสร็จทันเวลาได้อย่างแน่นอน
พยายามสื่อสารกับเพื่อนร่วมงานบ่อย ๆ
หมีเข้าใจดีว่าการทำงานที่บ้านเนี้ย มันวุ่นวายกว่าทำที่ออฟฟืศอยู่แล้วเนอะ การพูดคุยแบบ Face to Face มันสามารถเข้าใจได้ง่ายกว่าการคุยทางโทรศัพท์ ดังนั้นควรหมั่นติดต่อ และ สื่อสารกับเพื่อนร่วมงานให้เข้าใจเนื้องานกันให้มาก ๆ จริง ๆ ข้อนี้หมีมองว่าเป็นการป้องกันการทำงานผิดพลาดด้วยแหละ เซฟตัวเอง เซฟงานด้วย จะได้ไม่ต้องมาแก้งานกันบ่อย ๆ เนอะ
ยืดเส้นยืดสายบ้าง เพราะอยู่บ้านกินทั้งวัน!!
นอกจากความวุ่นวายทางเสียงที่อาจจะทำให้เสียสมาธิ(ในบางบ้าน) แล้วเนี้ย อีกข้อเลยคือพอลูกอยู่บ้านทั้งที คุณแม่ขอจัดเต็มซักหน่อย นี่จากประสบการณ์ของพวกเพื่อน ๆ หมีเลยนะ คือเหล่าคุณแม่หมั่นยกขนมมาเสิร์ฟที่โต๊ะกันจริง ๆ เสิร์ฟทั้งวัน ลูกก็กินทั้งวัน ซึ่งถ้าใครไม่อยากอ้วนฉุ(โดยเฉพาะสาว ๆ) ตอนทำงานในออฟฟิศถึงจะทานเยอะแต่ อย่างน้อยก็มีบ้างที่ต้องลุกขึ้นไปถ่ายเอกสารบ้าง ไปดื่มน้ำดื่มกาแฟบ้าง แต่พออยู่บ้านนี่แทบจะไม่ต้องกระดิกไปไหนเลย
ดังนั้นพี่หมีขอเตือนว่า หมั่นลุกขึ้นมายืดเส้นยืดสายบ้างซักหน่อย อีกอย่างการยืดเส้นยืดสายแค่ลุกขึ้นเดินไปเดินมาก็ได้ อาจจะช่วยให้เรารู้สึกไม่ง่วงได้เหมือนกันนะ
ข้อนี้ล้อกับ To do list เลยครับ คือ To do list เราจะทำตอนเริ่มทำงาน ส่วนการสรุปงาน เราจะทำหลังเสร็จงานนั่นเอง ทีนี้การสรุปเนี้ยก็จะง่ายมาหน่อย ถ้าเรามี To do list ซึ่งการทำแบบนี้จะช่วยให้เราสามารถสะสางงานได้ง่ายมากยิ่งขึ้นด้วยนั่นเอง
เห็นมั้ยล่ะว่าการ Work from home เนี้ย ใช่ว่าจะมีแต่ข้อดีนะ ข้อเสียก็มีเช่นเดียวกัน ยิ่งถ้าหากเราขาดวินัยหรือวางแผนการทำงานไม่ถูกเนี้ย ส่งผลกระทบต่องานเต็ม ๆ แน่นอน
ช่วงนี้นอกจากโรคโควิด19 ที่ต้องเฝ้าระวังแล้ว โรคขี้เกียจขณะ Work from home ก็ต้องเฝ้าระวังเช่นเดียวกัน พี่หมีอยากให้ทุกคนแข็งแรง และทำงานที่บ้านอย่างมีประสิทธิภาพกันถ้วนหน้านะจ๊ะ แต่ตอนนี้พี่หมีขอตัวลาไปหนีซอมบี้ยุคโชซอนต่อล่ะ บ๊ายบาย อิอิ