เรียกว่าไปสุดจริงๆ สำหรับนายโควิด-19 ตัวร้ายกับยัยไทยแลนด์

 

        เพราะแม้ว่าประเทศไทยเราจะเป็นประเทศแรกๆ ที่ได้รับผลกระทบจากโรคที่ว่า แต่จนถึงตอนนี้ตัวเลขคนติดเชื้อกลับพุ่งไม่หยุด พุ่งเร็วไม่ต่างจากโซนิกเจ้าเม่นสายฟ้า อีกไม่นานคงถึงหลักพันแล้ว

 

        แต่ไม่ใช่แค่ในเรื่องของสุขภาพน่ะสิที่เราต้องสังเวยให้กับเจ้าโควิค-19 แต่ไม่ว่าเรื่องอะไรก็ล้วนแต่ได้รับผลกระทบไปหมด

 

        อุตสาหกรรมเอย การท่องเที่ยวเอย เศรษฐกิจเอย ไม่ว่าด้านไหนก็โดนกันทั้งนั้น ขึ้นอยู่ว่าจะมากหรือจะน้อยเท่านั้นเอง

 

 

        แล้วตลาดคอนโดบ้านเราล่ะ เป็นยังไงบ้าง?

 

        โอ๊ย นี่ก็ไม่รอดครับ หมีนั่งตบยุงเหงาๆ ไม่ได้ออกไปร่วมงานของผู้ประกอบการเจ้าไหนเลยช่วงนี้เพราะทุกงานก็เลื่อนหนีโควิด-19 กันหมด

 

        และเพราะมันกระทบไปเสียทุกส่วนทุกฝ่ายแบบนี้ มาดูกันดีกว่าว่าตลาดคอนโดในประเทศไทยเขามีวิธีรับมือกันอย่างไร แล้วสามารถทำอะไรได้บ้างในช่วงที่สถานการณ์มีแววย่ำแย่ลงขนาดนี้

 

        สร้างความเชื่อมั่นให้กับลูกบ้าน

 

 

        ไม่แปลกใจที่ผู้ประกอบการทั้งหลายจะหันมาใส่ใจความปลอดภัยของลูกบ้านกันเยอะขึ้นในช่วงนี้

 

        เจลแอลกอฮอล์ที่ติดตั้งอยู่แทบทุกจุดทั่วตัวโครงการ การทำความสะอาดพื้นที่ต่างๆ ในโครงการอย่างเข้มงวด ที่วัดไข้ หรือสิ่งอำนวยความสะดวกเพิ่มเติมที่มอบให้เพื่อให้ลูกบ้านมั่นใจว่าอย่างน้อยพวกเขาก็จะปลอดภัยไร้โควิด-19 ที่คอนโดแน่ๆ

 

        สิ่งพวกนี้นับได้ว่าเป็นการ “โชว์ศักยภาพ” ประเภทหนึ่งก็ได้มั้ง อย่างน้อยก็ต้องทำให้ลูกบ้านมั่นใจก่อนเป็นอันดับแรก และสิ่งพวกนี้ที่หมีว่ามาถือเป็นอะไรที่มาตรฐานสุดๆ เลยนะ

 

        เพราะว่ากับบางโครงการเขาก็มีมาตรการการรับมือที่มากกว่านี้ด้วยซ้ำ (เห็นบางเจ้าเขาขนเครื่องพ่นฆ่าเชื้อมาด้วย) เอาใจลูกบ้านขนาดนี้ก็นับเป็นอีกหนึ่งสิ่งที่บรรดาผู้ประกอบการให้ความสนใจกันมากที่สุดในช่วงโควิด-19 ระบาดหนักล่ะนะครับ

 

        นั่นก็โปร นี่ก็โปร โน่นก็โปร

 

 

        โปรโมชั่น... โปรโมชั่นเต็มไปหมดเลย

 

        อย่างที่บอกไปว่าช่วงนี้หมีไม่ค่อยได้ไปงานที่ไหน ดังนั้นข่าวอสังหาจำพวกโครงการใหม่พวกนี้จึงไม่ค่อยมีนัก แต่ข่าวหนึ่งที่ขยันมาในช่วงนี้กลับเป็นโปรโมชั่นซะนี่

 

        หลายโครงการเลยที่ออกมาจัดโปรกันรัวๆ ลดแล้วลดอีก ลดไม่พอยังเสริมของสมนาคุณมาล่อใจกันไม่มียั้ง

 

        นี่ก็นับได้ว่าเป็นสิ่งที่ผู้ประกอบการทั้งหลายเบนเข็มมาทำกันในช่วงที่ต้องระงับแผนโครงการใหม่ๆ กันไปก่อน ในเมื่อสร้างใหม่ไม่ได้ ก็ต้องทำยอดขายตัวเก่าให้ดี!

 

        เพราะฉะนั้นนี่อาจนับได้ว่าเป็นโอกาสทองของ Real Demand เลยก็ว่าได้ เพราะมองไปทางไหนก็ลดราคาเต็มไปหมด ซึ่งในส่วนนี้หมีแนะนำคนที่กำลังมองหาที่อยู่อาศัยว่าลองดูเยอะๆ หลายๆ เจ้า เพราะบางเจ้าก็ไม่ได้อัดงบโปรโมทกันมาก อาจจะลดเงียบๆ อยู่ในที่ของเขา ดังนั้นเราที่ต้องการจริงๆ ก็ต้องขยันสอดส่องดูหน่อยเพื่อราคาที่ดีที่สุด 55555

 

        ธนาคารกับมาตรการช่วยเหลือลูกหนี้จาก Covid-19

 

 

        อาจจะไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับคอนโดมากนัก แต่ก็นับได้ว่ามีเอี่ยวอยู่บ้างไม่มากก็น้อย เพราะจะให้พูดว่าไม่เกี่ยวเลยก็คงพูดได้ไม่เต็มปาก

 

        ในช่วงที่โควิด-19 ระบาด แน่นอนว่าส่งผลต่อเงินในกระเป๋าอยู่แล้ว จะจับจ่ายใช้สอยก็ไม่สะดวกเอาเสียเลย

 

        บางคนรายได้น้อยลงเพราะไม่มีการจ้างงาน บางคนโดนลดเงินเดือนจากทางบริษัท นี่เรา Work from hell กันอยู่หรือเปล่านะ

 

 

        เพราะลำบากกันถ้วนหน้าแบบนี้ ทางธนาคารแห่งประเทศไทยเลยมีนโยบายให้ธนาคารพาณิชย์ออกมาตรการช่วยเหลือเยียวยาลูกหนี้ในช่วงนี้ ซึ่งมันก็เกี่ยวกับตลาดคอนโดตรงนี้แหละ

 

        เอาจริง วงการตลาดคอนโดไม่ว่าจะเป็นในส่วนของตัวผู้ประกอบการหรือผู้บริโภคนั้นส่วนใหญ่ก็ต้องอาศัยสถาบันการเงินทั้งนั้น อีกฝ่ายไปกู้ธนาคารมาสร้าง ตัวเราเองก็ไปกู้ธนาคารเพื่อมาซื้อ พอโควิด-19 ระบาดแล้วทางธนาคารออกมาตรการมารองรับแบบนี้มันก็เลยอุ่นใจไม่น้อย

 

        รอลุูกค้าต่างชาติคัมแบ็ค

 

 

        ในส่วนนี้คงต้องพูดถึงลูกค้าชาวจีนอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

 

        เพราะว่ากันแล้ว...ลูกค้าจีนนี่ก็นับได้ว่าเป็นโดมิโนตัวหนึ่งในตลาดคอนโดบ้านเราเหมือนกันนะ

 

        หลายฝ่ายเค้าก็ออกมาพูดแล้วด้วยว่า ไวรัสโควิด-19 หายไปเมื่อไหร่ คนจีนคงมีแนวโน้มแห่มาซื้ออสังหาในประเทศไทยเรามากขึ้นแน่นอน

 

        ที่สำคัญคือเตรียมจับตาดูไว้ได้เลย สถานการณ์การแพร่ระบาดคลี่คลายลงเมื่อไร คนที่ซื้ออสังหาฯ ในช่วงนี้จะสามารถต่อรองได้มากขึ้นชัวร์ เพราะการซื้อขายที่ถูกอุดเอาไว้ก่อนหน้านี้จะต้องทะลักออกมาลงทุ่งข้าวสาลีแน่ๆ

 

        ในช่วงที่ความไม่แน่นอนกำลังรุมเร้า คนไม่กล้าออกจากบ้าน มีวิกฤติในวิกฤติอีกที แต่สำหรับบรรดาผู้ประกอบทั้งหลายในตอนนี้ก็คงต้องพลิกวิกฤติให้เป็นโอกาสให้ได้เหมือนกัน เพราะความไม่แน่นอนที่ลอยตุ๊บป่องอยู่เต็มอากาศในเมืองไทยแบบนี้มันพาลทำให้คนเริ่มแช่แข็งการใช้จ่ายเงินของตัวเองขึ้นมาไม่น้อยนี่นา