ช่วงนี้บทความหมีก็จะอินๆ โควิดหน่อย อันที่จริงไม่อินก็ไม่ได้นะ เพราะมันใกล้ตัวเรามาก เหมือนเป็นอากาศรายล้อมรอบตัวเราจนสยองไปหมด
ยิ่งตอนนี้เราต้องใส่ใจในเรื่องของ "Social Distancing" หลายบริษัทหลายหน่วยงานที่สามารถยกเว้นการเข้าออฟฟิศของพนักงานได้ ก็ประกาศให้พนักงาน "Work From Home" กันเพื่อหยุดยั้งการแพร่ระบาดของไวรัสร้ายนี่
แต่เอาเข้าจริงการนั่งทำงานอยู่บ้านมันไม่ได้ง่ายดายขนาดนั้น
หมีเองเป็นหมีจำศีล ชอบอยู่บ้านแต่ไม่ชอบไวรัสไง! ขลุกตัวอยู่บ้านแบบนี้ทั้งวันก็เริ่มเข้าใจน้องหมาเวลามันส่ายหางดีใจที่จะได้ออกไปเที่ยวนอกบ้านบ้างแล้ว 55555
พูดถึงเรื่องการทำงานอยู่ที่บ้านนี่มันก็ยากจริงๆ นะที่จะปลุกตัวเองให้มีเอเนอร์จี้มาทำงานได้ ส่วนหนึ่งเพราะบ้านในความคิดของทุกคนเป็นสถานที่พักผ่อนไม่ใช่สถานที่ทำงาน ดังนั้นพอคิดว่าต้องกระตุ้นตัวเองให้แอคทีฟเตรียมพร้อมตลอดเวลามันเลยค่อนข้างจะยากอยู่ใช่มั้ยล่ะ
แต่ไม่ต้องห่วง...หมีมีวิธี
แค่เปลี่ยนคอนโดของเราเพียงเล็กน้อย รู้จักจัดแต่งบางอย่างให้เหมาะสม แค่นี้ก็เหมือนเป็นพลังเสริมกระตุ้นให้เรา Work From Home ได้แบบมีประสิทธิภาพแล้ว!
ว่าแต่จะมีอะไรบ้างนั้น เลื่อนลงไปอ่านกันได้เลยคร้าบบบ
1. เฟอร์นิเจอร์คือหัวใจหลัก
ไม่มีใครอยากบ่นปวดหลังทุกวันหรอกจริงมั้ย แต่สมัยนี้บางคนอายุน้อยๆ ก็เริ่มมีอาการปวดเมื่อยเนื้อตัวไม่สมอายุแล้วเพราะต้องนั่งหลังขดหลังแข็งทั้งวัน
สำหรับหมีนั้นคิดว่าสิ่งสำคัญที่สุดสำหรับการทำงานที่มีประสิทธิภาพคือเฟอร์นิเนอร์นี่แหละ!
การจัดวางเฟอร์นิเจอร์จำพวกโต๊ะหรือเก้าอี้ทำงานนั้นควรใส่ใจเป็นอันดับแรกเพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาจำพวก Office Syndrome เดี๋ยวจะกลายเป็นว่าหนีจากออฟฟิศมาแล้วยังต้องกลายเป็น Home Syndrome ไปอีก
เพราะงั้นเราควรใส่ใจเลือกเฟอร์นิเจอร์ในคอนโดหน่อย อย่างเก้าอี้ทำงานนี่ต้องเลือกแบบที่สามารถรองรับสรีระตอนนั่งทำงานให้ดีที่สุด ปรับพนักเก้าอี้ให้ตรง เลือกแบบที่นั่งแล้วสบายรับกับกระดูกสันหลัง (แต่สบายเกินก็ชวนให้อยากหลับก็มีนะ 5555)
การปรับเก้าอี้ก็สำคัญ เพราะถ้าเราปรับช่วงที่วางแขนให้อยู่ในระนาบเดียวกันกับขอบโต๊ะทำงานหรือใกล้เคียงกันแล้วก็จะทำให้เราไม่รู้สึกเมื่อยช่วงไหล่ เพราะเราวางข้อมือลงไปได้ตรงๆ ไงล่ะ
ส่วนใหญ่คงใช้คอมพิวเตอร์กันเนอะ ตรงส่วนนี้ควรจัดขอบบนของหน้าจอคอมพิวเตอร์ให้อยู่ในระดับสายตาของเราพอดี ถ้าวางต่ำไปมีเมื่อยคอแน่ๆ พาลจะคิดไปว่ามีผีขี่คอแบบในหนังชัตเตอร์ไปอีก (ไปโน่นนนน แหะๆๆ)
2. จัดตำแหน่งภายในและมุมที่ทำงานอย่างเหมาะสม
มุมใครคิดว่าไม่สำคัญ ผิดนะคร้าบบบบ อันนี้สำคัญเป็นอันดับต้นๆ เหมือนกัน
แต่แน่นอนว่าถ้าคอนโดเราใหญ่มันก็ไม่มีอะไรยุ่งยากหรอก จะปรับเปลี่ยนยังไงก็ไม่มีอะไรให้คิดมาก แต่คนที่มีพื้นที่คอนโดจำกัดนี่ก็อีกเรื่องหนึ่ง
เอาเป็นว่าใครที่มีพื้นที่จำกัด (หรือไม่จำกัด) ตำแหน่งแรกที่ควรยกให้เป็น MVP ของห้องคือพื้นที่ใกล้หน้าต่างหรือใกล้ระเบียงห้อง เพราะเป็นจุดที่แสงแดดส่องถึง แต่ก็ต้องระวังไม่ให้ส่องจนร้อนนะ เอาเป็นว่าเลือกแบบที่มีช่องแสงส่องได้แบบพอดี เพราะมันทำให้เราไม่รู้สึกอึดอัด แถมยังสามารถมองออกไปด้านนอกเพื่อพักสายตาได้ด้วย
แต่สิ่งที่สำคัญแบบถ้าเลี่ยงได้เลี่ยงคือพยายามอย่าจัดโต๊ะทำงานใกล้ประตูห้อง
ลองคิดภาพเปิดประตูเข้ามาแล้วเจอสิ่งกีดขวางอยู่ใกล้ๆ สิ หรือไม่ก็นั่งทำงานอยู่ที่โต๊ะทำงานใกล้ประตูทางเข้า มันทำให้เรารู้สึกพะวงตลอดเวลาใช่มั้ยล่ะ
ไม่ต้องพูดถึงเรื่องที่ว่าเราไม่ได้อยู่ห้องคนเดียว สมมติมีเพื่อนร่วมห้องด้วยแล้วตั้งโต๊ะทำงานติดประตูนี่ไปใหญ่เลย พาลให้ไม่มีสมาธิการทำงานไปอีก
3. โทนสีก็มีส่วนช่วยให้ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ
สีส่งผลต่ออารมณ์ของเรา เรื่องนี้ทุกคนน่าจะรู้กันดีอยู่แล้ว
ถ้าอยากให้คอนโดเราช่วยกระตุ้นให้เรามีความรู้สึกอิสระทางความคิดหน่อย มุมทำงานโทนสีฟ้าก็ใช้ได้อยู่นะ เล่นโทนสีฟ้า-ขาวจะช่วยทำให้มุมทำงานในคอนโดเราดูมีมิติมากขึ้น
แต่ถ้าอยากได้แบบปลอดโปร่ง สบายตา แน่นอนว่าหนีไม่พ้นสีขาว ยิ่งถ้าตกแต่งในสไตล์โมเดิร์นด้วยแล้วยิ่งแจ่ม ใช้โทนขาวเป็นหลัก มาพร้อมพร็อพเก๋ๆ ก็ทำให้บรรยากาศดูน่าทำงานมากขึ้นแล้ว
แต่โทนสี Monochrome เองก็ช่วยให้เราสามารถทำงานอยู่ในห้องได้อย่างมีประสิทธิภาพเหมือนกันนะรู้เปล่า
อย่างเช่นสีขาวกับสีดำแห่งความคลาสสิกนี่แหละ จะทำให้มุมทำงานในคอนโดเราดูโปรขึ้นเยอะเลย แถมยังเหมือนเป็นการบังคับตัวเองไปในตัวเพราะโทนสีเหมือนออฟฟิศส่วนใหญ่ 55555
จะตกแต่งห้องเป็นโทนสีเย็นๆ หรือเลือกสีหม่นๆ ก็ไม่ผิดนะ กลับทำให้รู้สึกสบายตา ช่วยทำให้เรามีสมาธิในการทำงานได้กว่าเดิมด้วยซ้ำ
4. จัดระเบียบมุมทำงานตามสไตล์เรา
ยุคนี้สมัยนี้คนเราเริ่มหันมาใส่ใจสุขภาพจิตในการทำงานกันแล้ว ดังนั้นโต๊ะทำงานที่เพลนๆ มีแค่คอมพิวเตอร์หนึ่งเครื่อง สมุดหนึ่งเล่ม ปากกาสองด้ามอะไรทำนองนี้นี่ดูน่าเบื่อสุดๆ
เราสามารถจัดระเบียบมุมทำงานของเราได้ด้วยการใส่ความเป็นตัวเองลงไปนี่แหละ นอกจากจะได้งานแล้วยังได้ผ่อนคลายเพราะโต๊ะทำงานมันดูเป็นเราสุดๆ สมศักดิ์ศรีมุมทำงานในบ้านจริงๆ
ใครอยากได้มุมทำงานบรรยากาศอบอุ่น ใสๆ ซอฟต์ๆ คลีนๆ ลองตกแต่งมุมทำงานของเราโดยการเน้นวัสดุไม้เป็นหลักดู ไม่ว่าจะเรื่องเฟอร์นิเจอร์หรือว่าของตกแต่งจุกจิก พวกงานหวายเล็กๆ น้อยๆ หรือคลิปบอร์ดสีเบจก็เข้าท่านะ
แต่ใครชอบความสดใสก็อาจจะเลือกตกแต่งผนังให้เด่นสะดุดตาก็ได้ สำหรับการแต่งผนังนี่ก็ทำได้หลายแบบ จะติดวอลเปเปอร์หรือเพ้นท์อะไรก็ว่าไป
สำคัญคือลองใกล้ชิดธรรมชาติด้วยการสรรหาพื้นที่สีเขียวเล็กๆ จิ๋วๆ มาไว้ดู เลือกเป็นไม้ประดับที่ดูแลง่าย เอาไว้พักสายตาเวลาทำงานจนตาล้าก็เหมาะ ใครไม่รู้จะเลือกต้นไม้แบบไหนแนะนำให้เลือกเป็นต้นไม้ที่สามารถช่วยในเรื่องการฟอกอากาศก็ดีเหมือนกัน ถือว่าได้สองต่อ
5. Gadget พร้อมมั้ย วางไว้ให้ใกล้มือ
จัดมุมทำงานเพื่อบ่งบอกความเป็นตัวเองแล้วอย่าลืมเรื่องความเป็นระเบียบและช่วยให้การทำงานเรารวดเร็วขึ้นเด็ดขาด!
ลองนึกภาพทำงานไปหาปากกาไม่เจอ ต้องเสียเวลาไปนั่งค้นในตู้ หรือแบตโน้ตบุ๊คหมดแต่โต๊ะทำงานดันไม่อยู่ใกล้ปลั๊กไฟ โอ้โหหหห โต๊ะสวยอย่างเดียวไม่ได้ แต่อุปกรณ์ต้องพร้อมนะคร้าบบบบ
เพราะงั้นนอกจากจะใส่ใจกับความมีสไตล์แล้ว ควรจัดการเรื่องฟังก์ชั่นการจัดระเบียบโต๊ะทำงานด้วย อาจจะหากระดานไว้สำหรับแปะโพสต์อิท กล่อง หรือชั้นวางของเล็กๆ สำหรับใส่ดินสอปากกาหรืออะไรก็ตามที่เกี่ยวข้องกับรูปแบบงานของเราไว้ด้วย
เรื่องมุมเสียบปลั๊กอุปกรณ์ต่างๆ นี่ก็อย่าลืมเชียว ไม่งั้นเดี๋ยวพ่วงสายยาวไปครึ่งห้องได้สะดุดสายไฟตายกันพอดี
6. เน้นแสงธรรมชาติดีกว่าจ่ายค่าไฟบานเบอะ
ข้อเสียอีกหนึ่งอย่างสำหรับการทำงานอยู่บ้านคือค่าไฟนี่แหละ
ยิ่งตอนนี้เดือนเมษาแล้วด้วย อากาศร้อนเอาๆ ร้อนเหมือนเราจะ work from hell ค่าไฟค่าแอร์เลยพุ่งเป็นว่าเล่น
หากใครอยากหลีกเลี่ยงก็ลองจัดวางโต๊ะทำงานให้สอดคล้องกับแสงสว่างในคอนโดก็ได้ เลือกหันโต๊ะไปทิศเหนือหรือไม่ก็ทิศตะวันออกเอา เพราะเป็นทิศที่แสงสว่างจะอ่อนกว่าทิศอื่นอยู่หน่อย
เช้าๆ นี่ไม่ถือว่าร้อนเกินไป เพราะงั้นลองเปิดหน้าต่างให้ลมพัดเข้ามาก็ดีเหมือนกัน ใช้แสงธรรมชาติใช้แอร์ธรรมชาติก็ถือว่าช่วยลดค่าไฟไปได้ส่วนหนึ่งเนอะ
หรือจะลองปรับมาเป็นเรื่องของการติดตั้งดวงไฟก็ได้เหมือนกันนะ เลือกติดตั้งดวงไฟตรงฝ้าเพดานแสงจะได้กระจายไปทั่วห้อง แถมไม่เข้มไปจนปวดตาด้วย
แต่สำหรับบางคนก็อาจจะต้องการแค่ไฟเฉพาะจุด ก็เลือกโคมไฟตั้งโต๊ะมาเป็นตัวช่วยก็ได้ ขึ้นอยู่กับความต้องการของเรา แต่ส่วนตัวหมีก็ว่าแสงธรรมมชาติดีที่สุดแล้ว
ความจริงแล้วก็ไม่ยากเลยเนอะ สำคัญที่สุดคือเลือกมุมทำงานในคอนโดให้สอดคล้องกับไลฟ์สไตล์เราที่สุดนี่แหละ แต่อย่าลืมว่าต้องมีอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้องในการทำงานเอาไว้ใกล้มือด้วยจะได้หยิบใช้ได้ง่ายๆ จัดวางมุมทำงานของตัวเองเรียบร้อยแล้วก็ไม่ต้องกังวลเรื่องสุขภาพกายและสุขภาพจิตแล้วล่ะครับ ที่สำคัญทำให้เรา Work From Home ได้อย่างมีประสิทธิภาพอีกด้วย