มันกลับมาแล้ว มันกลับมาอีกครั้ง และมันไม่อ่อนข้อให้เราแม้แต่น้อย!
อ่อ พูดถึงหน้าร้อนอยู่ 5555 เดือนเมษาแล้วก็ได้เวลาเหงื่อไหลไคลย้อยกันอีกหนเนอะ
อันที่จริงประเทศเรานี่ไม่ต้องรอให้ถึงเดือนเมษาหรอก ไม่ว่าเดือนไหนๆ ก็ร้อน หน้าหนาวที่ผ่านมาคุณได้ซีนแล้วแต่ซีนคุณแย่มากเพราะไม่หนาวเลยแม้แต่น้อย เลยไม่ได้แปลกใจนักที่ปีนี้จะร้อนเร็วและดูจะทวีความรุนแรงขึ้นกว่าเก่าด้วย
หนักกว่านั้นคือ หน้าร้อนปีนี้ออกจากบ้านไม่ได้!
โอ้โห พอคิดได้แบบนี้แล้วเหมือนอากาศรอบกายมันจะร้อนขึ้นกว่าเดิมไงไม่รู้ หรือว่าคิดไปเองกันนะ พี่ความร้อนศักดิ์สิทธิ์จริงๆ ครับ ไม่กล้าลบหลู่แล้วครับ
แต่มันแย่จริงๆ นะ ร้อนแบบนี้ดันออกไปตากแอร์ในห้างสรรพสินค้าไม่ได้ ได้แต่กักตัวอยู่แต่ในบ้าน ทั้งร้อนทั้งประสาทจะกิน สุดท้ายเลยได้แต่นั่งเหม่อแทน
และร้อนแบบนี้แถมออกไปข้างนอกก็ลำบาก ดังนั้นสิ่งที่ต้องมาแน่อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้คือ...บิลค่าไฟ
เรียกว่ายกมือปาดเหงื่อกันเป็นพักๆ ตั้งแต่เดือนที่แล้ว เดี๋ยวคอยดูเดือนนี้เถอะว่าค่าไฟจะเปล่งประกายกันขนาดไหน
แต่คนเราต้องเรียนรู้ที่จะปรับตัวสู้อากาศดิ เรื่องค่าไฟนั่นมันหลีกเลี่ยงไม่ได้อยู่แล้ว แต่มันก็มีอีกหลายวิธีที่จะช่วยลดค่าไฟให้เราได้ไม่มากก็น้อย
ก็นี่ไง วิธีทำให้คอนโดเราเย็นขึ้น อันที่จริงก็มีหลายวิธีเลย ถ้าจัดการดีๆ แล้วก็สามารถช่วยเบาเรื่องการเปิดแอร์ไปได้ไม่น้อยเลยนะ
โอ๊ยยย ไม่พูดมากแล้ว รีบไปอ่านกันดีกว่าจะได้รีบลงมือปรับเปลี่ยนห้องของเราให้เข้ากับหน้าร้อนครั้งนี้ ซัมเมอร์นี้พี่จะไม่ง้อแอร์อีกต่อไป!
1. เลือกทิศห้องถูก มีชัยไปกว่าครึ่ง
ขั้นตอนนี้เหมาะกับคนที่วางแผนอยากมีคอนโดเป็นของตัวเอง หรือวางแผนว่ากำลังจะซื้อคอนโดอยู่ในเร็วๆ นี้ แต่คนที่ซื้อแล้วอยู่แล้วก็อาจจะข้ามขั้นตอนนี้ไปเลยก็ได้นะ
อันดับแรก ถ้าเราเลือกห้องทางทิศตะวันออก ห้องของเราจะได้รับแสงแดดในช่วงเช้า ซึ่งแดดตอนเช้ามีประโยชน์กับผิวใสๆ วิ๊งๆ ของเรา แถมเป็นแดดอ่อนๆ ไม่รุนแรงเท่าช่วงบ่ายด้วย
ถ้าเราเลือกห้องทางทิศตะวันตก ตัวห้องก็จะได้รับแสงในช่วงบ่ายไปตลอดวัน ฟังดูร้อนเนอะ แต่ข้อดีก็คือห้องเราจะโปร่งมาก ระบายอากาศได้ดีสุด หมดปัญหาเรื่องกลิ่นอับ แถมได้รับลมตามฤดูกาลด้วย
ส่วนห้องทางทิศเหนือหรือทิศใต้นั้นจะไม่มีปัญหาเรื่องความร้อนจากแสงแดด เป็นทิศที่เหมาะกับคนไม่ค่อยชอบแสงแดด ไม่ชอบความร้อน แต่ก็ต้องทำใจว่าอาจจะเกิดปัญหาในเรื่องของความอับชื้นเหมือนกัน
2. เปลี่ยนม่านหน้าต่าง
อันดับต่อมาที่ต้องใส่ใจคือม่านหน้าต่าง เห็นอย่างนี้แล้วม่านเป็นส่วนประกอบสำคัญในห้องเหมือนกัน ถ้าจัดแต่งดีๆ เลือกรูปแบบที่เหมาะสม เราจะได้เห็นความแตกต่างของอุณหภูมิในห้องเลยล่ะ
สำหรับม่านที่มีสกิลการสะท้อนแสงได้ดีที่สุดคือม่านพับ ม่านม้วน แล้วก็บานพับทั้งหลาย
แต่ถ้าอยากได้ผ้าม่านที่เมื่อนำมาใช้กับคอนโดเราแล้วให้ฟีลเป็นธรรมชาติไม่ดูรกหูรกตาชวนให้อารมณ์เสีย หมีแนะนำว่าให้เลือกใช้ม่านที่ทำจากผ้าฝ้ายหรือผ้าขนสัตว์ครับ
ตัวม่านที่ใช้เลือกติดแบบสองชั้นดีกว่า บางหนึ่งหนาหนึ่ง เป็นเรื่องสุดเบสิกเลยล่ะ จะได้สามารถปรับเปลี่ยนการป้องกันแสงได้เข้ากับแดดในทุกช่วงเวลาของวันได้ แล้วก็เปิดหน้าต่างให้ลมพัดเข้ามาก็เย็นเหมือนกัน ช่วงนี้ดีหน่อยที่แม้จะร้อนแต่ก็มีลมพัดเรื่อยๆ พอเอาตัวรอดไปได้
3. เปลี่ยนชุดเครื่องนอนใหม่
อาจฟังดูแปลกๆ แต่ใช้แล้วได้ผลจริงนะ
ชุดเครื่องนอนของเราถ้าใส่ใจหน่อยจะรู้ว่าแต่ละชนิดมันมีคุณสมบัติแตกต่างกัน บางแบบเป็นแบบหนานุ่ม บางแบบก็เป็นแบบบางกรอบ เอ๊ย! ไม่ใช่พิซซ่าเสียหน่อย บางแบบเป็นแบบเบาสบายต่างหาก
ตรงส่วนนี้ต้องเลือกให้เหมาะสมกับอากาศบ้านเรา บางคนขี้ร้อนแต่ซื้อชุดเครื่องนอนแบบหนามามันก็ไม่มีวันเย็นขึ้นหรอก
สำหรับตอนนี้ซัมเมอร์มาแล้วก็ได้ฤกษ์เปลี่ยนชุดเครื่องนอนเสียใหม่ ลองเปลี่ยนเป็นชุดเครื่องนอนที่ผลิตจากผ้าคอตตอนดูแล้วกันครับ
ผ้าคอตตอนนี่มีคุณสมบัติช่วยให้ถ่ายเทอากาศได้ดีแถมยังเบาสบาย เวลาเรานอนลงไปทำให้ไม่รู้สึกร้อนหรืออึดอัด เนี่ย แค่นี้ก็ทำให้เราไม่ต้องนอนกระสับกระส่ายเพราะร้อนเกินไปในตอนกลางคืนแล้ว
4. ถอดปลั๊กเครื่องใช้ไฟฟ้าออกเมื่อไม่ใช้งาน
เท่าที่หมีสังเกตดู คนรอบตัวหมีมักจะมีนิสัยชอบเสียบปลั๊กไฟคาไว้นานๆ
หลายคนอาจจะไม่รู้ แต่แม้เราจะปิดเครื่องใช้ไฟฟ้านั้นๆ แล้วแต่ไม่ดึงปลั๊กออกมันก็จะยังมีกระแสไฟไหลเวียนอยู่นะ นั่นหมายถึงเครื่องใช้ไฟฟ้าตัวนั้นมันยังทำงานอยู่ พอมันทำงานอยู่ค่าไฟก็ยังหมุนติ้วๆ ไงล่ะ
ที่สำคัญคือเครื่องใช้ไฟฟ้าตัวนั้นๆ มันยังสามารถปล่อยความร้อนออกมาได้อยู่ ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมห้องเรามันจะดูร้อนแบบนี้
เพราะงั้นหลังจากใช้เครื่องใช้ไฟฟ้าเสร็จ ไม่ว่าจะคอมพิวเตอร์ โทรทัศน์ ที่ชาร์จแบตมือถือ ฯลฯ เมื่อไม่ใช้งานแล้วแนะนำให้ถอดปลั๊กออกครับ จะได้ช่วยลดอุณหภูมิความร้อนในคอนโดเราได้ ช่วยลดค่าไฟ แถมป้องกันไฟฟ้าลัดวงจรอีกต่างหาก เซฟมันนี่ เซฟมายไลฟ์นะจ๊ะ
5. ใช้ประโยชน์จากต้นไม้ และกรรมวิธีแบบบ้านๆ
การปลูกต้นไม้นอกจากจะช่วยให้เราผ่อนคลายแล้วยังช่วยลดอุณหภูมิความร้อนในห้องเราได้ด้วยนะ จะเลือกเป็นไม้กระถางก็ได้จะได้ดูแลเคลื่อนย้ายได้สะดวก แต่ถ้าใครไม่ค่อยมีเวลาดูแล หมีแนะนำให้เลือกเป็นไม้เลื้อยครับ
ไม้เลื้อยนับเป็นอีกตัวเลือกหนึ่งที่เข้าท่ามากๆ ในช่วงหน้าร้อน เพราะไอ้เจ้าพวกนี้มันค่อนข้างอึดถึก ไม่ต้องการการเอาใจใส่มากนัก เติบโตไว แข็งแรง ที่สำคัญยังทนต่อทุกสภาพอากาศ ลองปลูกไว้ที่ผนังด้านนอกของห้องก็สามารถช่วยลดและกรองแสงได้ด้วยนะ
นอกจากนี้อย่าลืมกรรมวิธีแบบบ้านๆ ที่ช่วยคลายร้อนให้คอนโดเราได้ ไม่ว่าจะเป็นการดื่มน้ำก่อนเข้านอน ที่ช่วยให้ร่างกายเราไม่ร้อนระหว่างที่กำลังหลับฝันในตอนกลางคืน อย่าลืมปิดไฟตอนนอนด้วยนะ เพราะการเปิดไฟทิ้งไว้เป็นการทำให้พลังงานความร้อนจากหลอดไฟส่งผ่านมาหาเราได้
นอกจากนี้การแขวนผ้าเปียกไว้บริเวณหน้าต่างก็ใช้ได้เหมือนกัน เวลาลมพัดมาก็จะได้ไอเย็นลอยมาเลยล่ะ
ส่วนวิธีที่สามัญหน่อยแต่ได้ผลดีมาตั้งแต่สมัยโบราณคือการวางน้ำแข็งใส่ถาด นี่มันแอร์ยุคโบราณชัดๆ! หรือจะวางไว้ตรงหน้าพัดลมก็เข้าที รู้สึกเหมือนนั่งในห้องแอร์เลยนะเนี่ย
แม้อากาศจะร้อนจนแทบทนไม่ไหว จะเปิดแอร์ทั้งวันก็ไม่สู้การจ่ายราคาค่าไฟอันยิ่งใหญ่ในทุกๆ สิ้นเดือน ยิ่งเศรษฐกิจแบบนี้การออมเงินเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดด้วยแล้ว ยังไงลองใช้ทริคพวกนี้ดูแล้วกันครับ จะได้ช่วยเราเซฟเรื่องค่าไฟไปได้ไม่น้อย ต่อให้ใช้ชีวิตอยู่ในห้องทั้งวันก็ยังไหว