เสียหายกันไปเท่าไหร่แล้วกับคำว่า “โปรโมชั่น”
ผมเองก็เป็นคนนึงนะ ที่แอบเสียเงินให้กับโปรในวงการอสังหาที่ขยันกันปล่อยออกมากระตุ้นเศรษฐกิจ ในช่วงโควิดที่ผ่านมาเหมือนกัน ฮ่าๆๆๆ
ถึงแม้ตอนนี้สถานการณ์ต่าง ๆ เริ่มจะดีขึ้น และโปรต่าง ๆ ก็เริ่มมีน้อยลงไปแล้ว แต่การทำตลาดของวงการอสังหาเรายังไงก็ต้องมาคู่กับ “โปรโมชั่น” เพื่อดึงดูดกำลังซื้ออยู่แล้ว
แต่ แต่ แต่... โปรโมชั่นแบบไหนถึงจะเหมาะ และตอบโจทย์กับเงินที่เราจะเสียไปล่ะ เพราะโปรก็มีหลายแบบจนบางทีก็แอบสับสนอยู่เหมือนกัน 555
เพื่อน ๆ ล่ะ... โดนโปรไหน โครงการอะไร ล่อลวงเงินในกระเป๋ากันไปหรือยัง ถ้าใครที่ยังอดใจไหวก็ดีเลย เพราะวันนี้ผมจะมาเจาะลึกโปรโมชั่นให้ดู
ว่าถ้าเพื่อน ๆ จะลงทุนซื้อคอนโดซักห้อง แต่มีหลายโครงการ หลายโปรมาให้เราเปรียบเทียบชั่งใจ เราจะต้องเลือกซื้อโปรไหนถึงคุ้มค่ามากที่สุด
1. โปรโมชั่น “ลดราคา”
เริ่มที่โปรโมชั่นที่เราพบเจอกันมากที่สุดอย่างการ “ลดราคา” ซึ่งโดยปกติแต่ละโครงการก็จะมีปารประกาศลดราคามาโดยตลอด
จะสังเกตุได้จำคำฮอตฮิตตามสื่อต่าง ๆ ที่เปลี่ยนชื่อโปรคอนโดให้น่าสนใจ พอเราผู้เป็นเหยื่อเห็นก็จะสะดุดตา และรู้สึกว่ามันต้องรีบ ช้าไม่ได้ เช่น “โปรลับ”, “ลดครั้งใหญ่”, “ทุบราคา”
ทีนี้เหยื่ออย่างเราจะรู้ได้ยังไงว่าราคาที่เห็นราคาที่คุ้มค่าจริง ๆ
จากที่ผมเกาะติดวงการอสังหามา ถ้าโครงการนี้เพิ่งเปิดขายใหม่ เราจะรู้สึกได้ทันทีว่าจริง ๆ แล้วโครงการที่ออกโปรแบบนี้มักจะตั้งราคาสูงเผื่อลดไว้อยู่แล้ว
หรือถ้าเป็นโครงการผ่านการขายมาสักพักแล้ววิธีการเช็คก็ง่ายนิดเดียว เพื่อน ๆ แค่ลองหาข้อมูลราคาของโครงการช่วง Presale, ช่วง VIP, VVIP หรือราคาก่อนหน้านี้ดู
ซึ่งข้อมูลที่ว่าก็หาได้ง่าย ๆ ตามเว็บไซต์อสังหาต่าง ๆ อย่าง
คอนโดติดดอย ของเราเนี่ยแหละ (แอบขายของไปในตัว 555)
เพราะบางทีพอเราเห็นคำว่าลดราคาก็กระเป๋าสั่นอยากรีบเสียเงินซื้อ กลัวกันไปก่อนว่าห้องราคาดีจะหมด หรือจะไม่ได้ราคานี้อีกแล้ว
แต่ความจริงถ้าเรายอมเสียเวลาศึกษาข้อมูลสักนิด เราอาจจะสามารถหาคอนโดที่ตอบโจทย์ และคุ้มค่าใกล้เคียงกันในราคาที่ถูกกว่าจริง ๆ ได้
แล้วโปร “ลดราคา” เหมาะกับใครกันล่ะ
สำหรับผมแล้ว... ผมว่าโปรโมชั่นลดราคาเป็นการตลาดที่ตอบโจทย์สำหรับคนทุกกลุ่ม ไม่ว่าจะซื้อเพื่อยยู่อาศัยเอง ปล่อยเช่า หรือเก็งกำไรก็ตาม
แต่มีข้อแม้หลักที่ว่าราคาที่ได้นั้น จะต้องเป็นราคาที่ลดราคาจริง ๆ ไม่ใช่ราคาหลอกที่ตั้งไว้สูง แล้วลดเพื่อให้เราตกหลุมพลางเท่านั้น
เพราะอย่าลืมว่าการซื้อคอนโด ก็คือการลงทุนรูปแบบหนึ่ง เราต้องมองไกล ๆ และหวังผลเติบโตได้ในอนาคต ไม่ใช่ซื้อเพียงเพราะถูกใจราคาเท่านั้น
เมื่อสถานการณ์กลับมาเป็นปกติ ราคาคอนโดมิเนียมก็จะกลับมาอยู่ในสภาวะปกติเช่นเดียวกัน การซื้อในราคาที่ถูกกว่าราคาจริง ก็เท่ากับว่าเราได้กำไรมาแล้ว
นอกจากนี้เมื่อเวลาผ่านไปราคาโครงการที่เราซื้ออาจจะเพิ่มสูงขึ้นได้อีก นั่นก็เท่ากับว่าการลงทุนของเราเป็นผลถือเป็นกำไรที่เพิ่มขึ้นจากการลงทุนของเรานั่นเอง
ดังนั้นการดูเพียงราคาอาจจะไม่เพียงพอ อย่าเห็นแก่ของถูก เราจะต้องดูความคุ้มค่าของโครงการที่เราจะซื้อให้รอบด้านด้วย
ต้องเช็คจนมั่นใจว่าเป็นโครงการที่ดี ห้องที่ดี และทำเลที่ดี เพื่อที่จะสามารถปล่อยเช่า หรือขายต่อได้ง่าย เพราะถ้าไม่ดูจุดนี้ เราอาจจะได้ราคาถูกก็จริง แต่จะเสี่ยงขาดทุนในอนาคตก็ได้
2. โปรโมชั่น “อยู่ฟรี-ผ่อนให้”
เป็นโปรโมชั่นที่เราจะเห็นได้เยอะมากที่สุดในช่วงสถานการณ์ที่ผ่านเลยก็ว่าได้ สำหรับโปรโมชั่น “อยู่ฟรี-ผ่อนให้” ของฟรีใครก็ชอบใช่มั้ยล่ะ 555
ทั้งนี้ก็เพราะบรรดานักพัฒนาเค้าก็รู้จุดอ่อนของเราเหมือนกันนั่นแหละ ช่วงที่ผ่านมาเศรษฐกิจค่อนข้างแย่ หลายคนก็ขาดสภาพคล่อง หมุนเงินไม่พอที่จะลงทุนอะไรใหญ่ ๆ
แต่เพื่อน ๆ รู้กันมั้ยว่า... ถ้าเราวัดที่ความคุ้มค่าในการลงทุนแล้ว โปรแบบนี้ก็ไม่ต่างจากโปรโมชั่นลดราคาในข้อที่ผ่านมานั่นแหละ
เพราะโปรนี้ก็คือ การซื้อคอนโดมิเนียมในรูปแบบกู้สินเชื่อมาซื้อ ซึ่งเมื่อเราโอนกรรมสิทธิ์ได้ภายในระยะเวลาที่กำหนดในโปรโมชั่น เราจะไม่ต้องผ่อนจ่ายค่าคอนโดมิเนียมเป็นเวลา 2 หรือ 3 ปี ตามเงื่อนไข
ซึ่งค่าใช้จ่ายในระหว่างนั้นทางนักพัฒนาเค้าจะเป็นคนผ่อนจ่ายให้เรา เท่ากับว่าเงินส่วนนั้นก็คือ “ส่วนลด” ที่ทางโครงการลดให้เรานั่นเอง
แต่ข้อดีของโปร “อยู่ฟรี-ผ่อนให้” ที่มากกว่าโปรลดราคาก็คือ มันตอบโจทย์กลุ่มลูกค้าที่อยากลงทุนอสังหา แต่ไม่อยากเสียเงินก้อนใหญ่ในสภาวะเศรษฐกิจแบบนี้
คนกลุ่มนี้เลยเลือกที่จะเก็บเงินไว้กับตัวก่อน ไม่ต้องกังวลกับภาระที่ต้องผ่อนแต่ได้ได้อสังหามาไว้ในครอบครอง แถมดอกเบี้ยช่วงนี้ยังถูกมาก ๆ โปรนี้เลยทำให้คนกล้าที่จะออกมาเลือกซื้อคอนโดมิเนียมมากขึ้น
แล้วโปร “อยู่ฟรี-ผ่อนให้” เหมาะกับใครกันล่ะ
ก่อนอื่นเพื่อน ๆ ควรต้องเชคให้ดีว่าการ “อยู่ฟรี-ผ่อนให้” ที่โฆษณานั้น ทางโครงการเค้าผ่อนให้ทั้งเงินต้นและดอกเบี้ยไหม
เพราะถ้าเค้าผ่อนให้แค่ดอกเบี้ย มันก็เท่ากับว่าเมื่อเราเริ่มผ่อนเราก็ต้องมาเสียดอกเบี้ยเท่าเดิมอยู่ดี เพราะเงินต้นเหลือเท่าเดิม
แต่เค้าถ้าผ่อนให้หมดทั้งต้นและดอก... โปรนี้ถือว่าคุ้มมาก ๆ สำหรับคนที่ซื้อเพื่ออยู่อาศัยเอง นอกจากจะได้ส่วนลดจำนวนมากแล้ว ยังไม่ต้องเป็นหนี้ในอนาคตอันใกล้ด้วย
รวมไปถึงนักลงทุนที่กู้ธนาคารมาลงทุน โปรนี้ก็คุ้มค่ามากเช่นกันนะ เพราะเราสามารถปล่อยเช่าได้โดยที่ไม่ต้องผ่อนธนาคาร เท่ากับว่าเงินค่าเช่าที่ได้ก็คือกำไรของเราเต็ม ๆ
และหลังจากที่จบโปรโมชั่นผ่อนคอนโดให้ (ส่วนใหญ่อยู่ที่ 2-3 ปี) เราก็สามารถปล่อยขายเพื่อเก็บ Capital Gain ได้อีก โดยที่ไม่ต้องเสียเงินสักบาท
แต่ทั้งนี้ไม่ใช่ของฟรีจะอยู่เสมอไป เมื่อหมดโปรแล้วเราก็ต้องผ่อนต่อเองอยู่ดี ดังนั้นถ้าควรคำนวณค่าเช่า ค่าใช้จ่าย และภาระในอนาคตให้ดี จะได้ไม่หนักใจในอนาคตกันนะ
3. โปรโมชั่น “ราคาเดียว”
มาถึงโปรโมชั่นอสังหาอย่างสุดท้ายที่ฮอตตลอดปี ไม่ว่าจะอยู่ในสถานการ์ไหน ๆ อย่าง “One Price ราคาเดียวทั้งโครงการ”
โปรราคาเดียวแบบนี้จริง ๆ แล้วทางนักพัฒนาก็มักไม่ค่อยใช้กันพร่ำเพรื่อเท่าไหร่ เพราะมันไม่สามารถสร้างมูลค่า และทำกำไรได้เท่าแบ่งราคาหลายระดับ
ส่วนใหญ่จะใช้เป็นโปรปิดท้ายสำหรับโครงการที่เหลืออยู่ไม่มาก เป็นการกระตุ้นการขายโค้งสุดท้ายให้เกิดการ Sold Out และปิดตึก ปิดโครงการได้อย่างรวดเร็วยิ่งขึ้น
สิ่งสำคัญที่พวกเราควรชั่งใจก่อนที่จะตกลงปลงใจให้โปรแบบนี้ก็คือ ของดีมักไปไวเสมอ ดังนั้นถ้าเป็นโครงการที่เหลือไม่กี่ห้องก็เท่ากับว่าตัวเลือกดี ๆ อาจจะถูกสอยไปก่อนแล้ว
แต่โลกนี้ก็ไม่มีอะไรแน่นอน... เพราะบางทีโชคดีอาจจะตกเป็นของเราก็ได้ เราอาจจะไม่่ได้ห้องที่ดีที่สุด ราคาดีที่สุด แต่ได้ห้องที่คุ้มค่ามากที่สุดมาแทน
เท่าที่ผมเคยไปสำรวจหลาย ๆ โครงการที่จัดโปรแบบนี้ออกมา บางทีก็อาจจะมีห้องที่หลุดดาว์น กู้ไม่ผ่าน ออกมาร่วมโปรราคาเดียวด้วยเช่นกัน
ฉะนั้นผมแนะนำให้ลองไปเลือกดูที่โครงการเองเลยจะเป็นการดีที่สุด เพราะเราจะสามารถเลือกชมทำเลของห้องที่เหลืออยู่ และเปรียบเทียบความรู้สึกได้ดีกว่าจองออนไลน์แล้วดูแปลนโครงการเอา
แล้วโปร “ราคาเดียว” เหมาะกับใครกันล่ะ
เนื่องจากโปรแบบนี้จะมีห้องให้เลือกหลากหลายในราคาที่เท่ากัน โปรนี้จึงเหมาะกับคนที่มีความพร้อมในการจองไม่ว่าจะอยู่เองหรือลงทุนก็ตาม
ยิ่งสำหรับคนที่กำลังมองหาคอนโดสำหรับอยู่เอง ผมว่าโปรแบบนี้ดีคือโปรที่คุณควรรีบตัดสินใจ เพราะถ้าเราไปเยี่ยมชมด้วยตัวเองแล้ว
เราจะรู้ตัวเราเองดีที่สุดว่าห้องไหนที่เรารับได้ และรู้สึกคุ้มค่ากับเงินที่จะเสียไปมากที่สุด บางห้องอาจจะไม่ได้ทำเลดี เห็นวิวสวยมากมาย แต่ถ้าเทียบกับราคาเดียวของโปรแล้วเราอาจจะพอใจกับมันก็ได้
ดังนั้นไม่ว่าเพื่อน ๆ จะซื้อเพื่ออยู่อาศัยเอง หรือซื้อเพื่อลงทุนก็ตาม ส่วนตัวแล้วผมว่าโปรราคาเดียวเป็นโปรที่จะทำให้เพื่อน ๆ ได้ห้องที่คุ้มค่าที่สุด
แต่ต้องเตือนใจตัวเองอยู่เสมอว่า #ใครเร็วใครได้ ถ้าอยากได้ห้องดีที่สุด ในราคาที่คุ้มค่าที่สุด เพื่อน ๆ ก็ต้องไวที่สุดด้วยเช่นกัน 55555
และทั้งหมดนี้ก็คือ 3 รูปแบบของโปรโมชั่นในวงการอสังหาที่ฮอตฮิตและมักจะผ่านตาพวกเราอยู่เสมอ ถ้าเพื่อน ๆ คนไหนที่กำลังมองหาโครงการคอนโดเพื่ออยู่อาศัยก็ลองนำไปประกอบการตัดสินใจกันดู
ส่วนถ้าไม่รู้จะไปหาโปรโมชั่นที่ไหนก็สามารถแวะเวียนไปชมที่
#ติดดอยบอกโปร ของเราได้ รับรองว่าผมจะสรรหาโปรเด็ด โปรดีมาคอยเสริฟเพื่อน ๆ แน่นอน สำหรับวันนี้ผมขอตัวไปล่าโปรต่อก่อนดีกว่า บ้ายบายยยย :)