แสนสิริเผยแผนพัฒนาอสังหาริมทรัพย์แนวราบในปี 2559 เปิด 10 โครงการใหม่ มูลค่ารวม 15,000 ล้านบาท เน้นทำเลกรุงเทพฯ และรุกต่อยอดในทำเลที่เคยพัฒนามาก่อนและได้รับการตอบรับที่ดี วางแผนพัฒนาโครงการระดับบนต่อเนื่องทั้งแบรนด์เศรษฐสิริ และ บุราสิริพร้อมต่อยอดเปิดแบรนด์สราญสิริและคณาสิริรองรับความต้องการลูกค้า ไตรมาสแรกเปิดตัว 3 โครงการใหม่ ในช่วงปลายเดือนมี.ค. นี้ ตั้งเป้ายอดขายรวมโครงการแนวราบปี 2559 ประมาณ 14,000 ล้านบาท เติบโตขึ้น 30%
นายเมธา อังวัฒนพานิช รองกรรมการผู้จัดการอาวุโสสายงานพัฒนาธุรกิจและพัฒนาโครงการแนวราบ บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า
ในปี 2559 บริษัทมีแผนเปิดตัวโครงการที่อยู่อาศัยแนวราบ โครงการใหม่ประมาณ 10 โครงการ มูลค่ารวมประมาณ 15,000 ล้านบาท แบ่งเป็น
โครงการบ้านเดี่ยวประมาณ 7 โครงการ
โครงการทาวน์เฮาส์อีก 3 โครงการ
โดยในช่วงไตรมาสแรกของปีนี้ บริษัทจะเปิดตัว 3 โครงการที่อยู่อาศัยใหม่ ได้แก่
บ้านเดี่ยวทำเลกรุงเทพฯ โซนรังสิต – ลำลูกกา "โครงการเศรษฐสิริ วงแหวน – ลำลูกกา" มูลค่ารวมโครงการ 2,300 ล้านบาท
บ้านเดี่ยวใน "โครงการบุราสิริ รังสิต" มูลค่าโครงการ 1,940 ล้านบาท
"โครงการเศรษฐสิริ พัฒนาการ" มูลค่าโครงการ 3,100 ล้านบาท ในช่วงประมาณปลายเดือนมีนาคมนี้
"สำหรับแนวทางการพัฒนาโครงการแนวราบในปี 2559 บริษัทจะยังนำเสนอโครงการสร้างเสร็จพร้อมอยู่ 100% เพื่อตอบรับความต้องการเข้าอยู่อาศัยได้ทันทีซึ่งจะส่งผลต่อการรับรู้รายได้ที่รวดเร็วอีกด้วย รวมทั้งจะมีกลยุทธ์การเปิดตัวโครงการที่อยู่อาศัยที่ครอบคลุมเกือบทุกระดับราคาเพื่อตอบรับทุกความต้องการของลูกค้า
ทั้งนี้บริษัทเตรียมเปิดตัวบ้านเดี่ยวที่ครอบคลุมแบรนด์ที่อยู่อาศัยแนวราบ ทั้งเศรษฐสิริ – บุราสิริ – สราญสิริ – คณาสิริ รวมถึงทาวน์เฮาส์ภายใต้แบรนด์ ทาวน์ อเวนิว รวมทั้งจะมีการต่อยอดเปิดโครงการแนวราบในตลาดต่างจังหวัดที่มีความต้องการที่อยู่อาศัยสูงจากคนที่อยู่อาศัยและทำงานในพื้นที่ เช่น ภูเก็ต เป็นต้น ทั้งนี้ บริษัทตั้งเป้าหมายยอดขายสำหรับโครงการแนวราบในปีนี้ประมาณ 14,000 ล้านบาท เติบโตจากปี 58 ซึ่งมียอดขาย 11,000 ล้านบาทประมาณ 30%" นายเมธา กล่าว
สำหรับภาพรวมสถานการณ์บ้านเดี่ยวครึ่งปีแรก 2559 คาดว่าอุปทานจะเพิ่มขึ้น โดยมี ปัจจัยสนับสนุนจากภาครัฐโดยเฉพาะมาตรการกระตุ้นอสังหาฯ ผ่านการลดค่าธรรมเนียมการ โอนกรรมสิทธิ์และค่าจดจำนองเหลือร้อยละ 0.01 ซึ่งเป็นตัวเร่งที่ส่งผลให้ลูกค้าตัดสินใจซื้อที่อยู่อาศัยได้รวดเร็วขึ้น
ในขณะที่ราคาบ้านในปีนี้คาดว่าจะยังทรงตัวไม่มีการขยับราคาขาย เนื่องจากต้นทุนค่าก่อสร้างที่ถูกลงตามการปรับราคาน้ำมัน ขณะที่ค่าแรงงานและค่าที่ดินยังคงที่ยังคงมีราคาสูง
สำหรับอุปทานบ้านเดี่ยวจำนวน 11,404 ยูนิต คาดว่าอุปสงค์ต้องใช้เวลาดูดซับประมาณ 9 เดือน โดยอาศัยการเติบโตของระบบเศรษฐกิจภายในประเทศเป็นปัจจัยสำคัญในการสนับสนุนให้อุปสงค์ขยายตัวเพิ่มขึ้น โดยการสำรวจเบื้องต้นพบอุปทานใหม่เตรียมเข้าสู่ตลาดในช่วงครึ่งปีแรก 2559 อีกไม่น้อยกว่า 6,000 ยูนิต คาดว่าจะให้น้ำหนักการลงทุนไปที่สินค้าระดับกลาง-บน ราคา ตั้งแต่ 5.00-9.99 ล้านบาทมากขึ้น
สำหรับภาพรวมตลาดทาวน์เฮาส์ มองว่า หากภาครัฐมีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้แก่ผู้บริโภคอย่างต่อเนื่อง และการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านรถไฟฟ้าในเส้นทางต่างๆ มีความคืบหน้ามากยิ่งขึ้น อาจส่งผลให้ปริมาณอุปทานและ อุปสงค์ในตลาดทาวน์เฮาส์ ช่วงครึ่งปีแรก 2559 เติบโตสูงขึ้นได้ โดยเฉพาะทาวน์เฮาส์ในกลุ่มราคา 1.00-4.99 ล้านบาท และคาดว่าจะสามารถดูดซับอุปทานคงค้างในตลาดกว่า 13,000 ยูนิต ได้ภายในระยะเวลา 7 เดือนที่มา : Thai PR