ผมเชื่อว่าตอนที่เพื่อน ๆ ทุกคนดู Iron Man หลายคนต้องแอบคิดอยากจะมีเลขาคู่ใจอย่าง Jarvis มาไว้ที่บ้านเหมือนผมกันใช่มั้ยล่ะ
ซึ่งในโลกปัจจุบันนี้ผมว่ามันก็อาจจะมีเทคโนโลยีที่ฉลาดใกล้เคียงแล้วนะ เพียงแต่เราไม่สามารถเข้าถึงและนำมาใช้เป็นเลขาส่วนตัวเราได้
แต่ถ้าพูดถึงเทคโนโลยีที่ช่วยควบคุมอุปกรณ์ต่าง ๆ ภายในบ้านจำพวก IoT ละก็... ผมว่ามีเพียบ แต่ก็ติดตรงที่ส่วนใหญ่ยังไม่เข้าใจภาษาไทยของเราอยู่ดี 55555
แล้วก็เป็นโชคดีของผม... ที่อยู่ ๆ ช่วง WFH ที่ผ่านมาก็บ้าช้อปออนไลน์ จนได้ไปเจอกับเจ้าลำโพงตัวนึงที่คอยช่วยเหลือเป็นผู้ช่วยส่วนตัวของเราได้!!!
และเจ้าลำโพงที่ผมกำลังจะมารีวิวให้เพื่อน ๆ อ่านกันในวันนี้ก็คือ "Google Nest Mini" ลำโพงอัจฉริยะจากอากู๋ของเรานั่นเอง
อย่างที่พวกเรารู้กันดีว่าอากู๋ของเรานั้นมีผู้ช่วยส่วนตัวอย่าง Google Assistant ให้บริการอยู่ก่อนแล้ว พอเค้านำมาใส่กับลำโพงทำให้กลายเป็นอุปกรณ์ตัวช่วยที่น่าสนใจขึ้นมาก ๆ
เพราะการมีเครื่องนี้จะช่วยให้บ้านของเรามีชีวิตชีวามากขึ้น และจะเปลี่ยนบ้านธรรมดาให้กลายเป็น Smart Home สุดไฮเทคเลยล่ะ
หลาย ๆ คนอาจจะคุ้นเคยกับอุปกรณ์ Google Home รุ่นก่อนหน้าที่เป็นลำโพงอัจฉริยะ มี Google Assistant หรือผู้ช่วยอัจฉริยะของกูเกิล
รองรับการสั่งงานด้วยเสียง ช่วยอำนวยความสะดวก และทำให้ชีวิตของเราไร้รอยต่อมากขึ้น ซึ่งเจ้า Google Nest Mini เป็นรุ่นน้องที่พัฒนาอีกระดับ
สิ่งสำคัญที่สุดที่ผมว่าน่าสนใจสำหรับ Google Nest Mini ก็คือ น้องเค้าสามารถสั่งงานด้วยเสียงภาษาไทยได้ด้วย!
เท่าที่ผมลองใช้ดูแล้วก็ต้องบอกว่าประทับใจเลยนะ เวลาจะให้น้องช่วยอะไรก็พูดว่า “OK Google” และตามด้วยคำสั่งประโยคภาษาไทยได้เลย
ไม่ว่าจะเป็นการสั่งให้เล่นเพลง วีดีโอ หรือภาพ ถามสภาพอากาศ ถามคำถามสัพเพเหระอะไรน้องก็ตอบได้หมด
เพียงแต่จะตอบถูกใจเราหรือเปล่านั้นอีกเรื่องนึง (บางคำน้องอาจจะไม่คุ้นกับภาษาไทยบ้าง แต่ก็พยายามเรียนรู้คำใหม่ ๆ อยู่เรื่อยๆ)
นอกจากนี้แล้วสำหรับใครที่เป็นสายขี้เกียจอย่างผม ถ้าได้นั่ง ได้นอนแล้วก็ไม่อยากจะลุกไปทำอะไรให้ร่างกายสูญเสียพลังงาน 555
น้องเค้าก็สามารถช่วยควบคุมอุปกรณ์ IoT ภายในบ้านได้ด้วย ไม่ว่าจะเป็นการ เปิด-ปิดเครื่องใช้ไฟฟ้า เพิ่ม-ลดเสียงและอุณหภูมิ
รวมถึงการเป็นผู้ช่วย คอยเตือนตารางงานให้เรา ตั้งนาฬิกาปลุกให้เรา อันนี้ผมชอบมากนะ เพราะไม่ต้องกดตั้งเองในมือถือแล้ว
แค่พูดว่า “OK Google - ตั้งนาฬิกาปลุกตอน XXX โมง” แค่นี้น้องก็รู้เรื่อง พอถึงเวลาที่ตั้งปลุกน้องงก็จะส่งเสียงออกมาปลุกเรา
พอผมบอกให้น้อง
หยุด!!! น้องก็หยุด... หยุดโดยไม่มีอะไรมากั้น ฮ่าๆๆๆๆๆ
อีกหนึ่งไฮไลท์ฟีเจอร์ที่ผมว่าคนชอบฟังเพลงน่าจะชอบกันก็คือ น้องสามารถสั่งงานด้วยเสียงให้เปิดเพลง หรือเลือกเพลงจากเพลย์ลิสต์ส่วนตัวได้
ซึ่งแพลตฟอร์มที่น้องจะเปิดเพลงให้เรานั้น เราสามารถตั้งค่าได้นะว่าจะเลือกใช้ Spotify หรือ youtube music ซึ่งจะมีให้เลือกผูกบัญชีตั้งแต่ตอนเริ่มใช้งานครั้งแรกเลย (เปลี่ยนทีหลังผ่านแอพได้)
ทีนี้เวลาเราอยู่ห่างจากมือถือ แล้วอยากฟังเพลง ก็ทำได้แบบไร้รอยต่อ แค่พูดว่า “OK Google - เปิดเพลง XXXX” แค่นี้น้องก็รู้เรื่อง
และเวลาเราบอกให้น้อง หยุด!!! น้องก็หยุด... หยุดโดยไม่มีอะไรมากั้นเช่นกัน 55555555555555
แต่บอกก่อนว่าถ้าจะให้น้องเปิดเพลงจากชื่อเพลงอย่างที่ผมบอกต้องเป็นสมาชิกแบบ Premium ทั้ง Spotify หรือ youtube เลยนะ
ถ้าใครสายฟรี ผมลองแล้วบอกได้แค่หมวด เช่น เล่นเพลงเศร้า เล่นเพลงรัก ประมาณนี้
ส่วนใครลังเลใจ เห็นว่าน้องเค้ามีไซส์เล็ก ๆ เสียงจะไม่ดีหรือเปล่า... ส่วนตัวผมแล้วผมว่าเสียงโอเคเลยนะ ดังดี ดังไกลด้วย
จากคำเคลมของเค้าบอกมาว่าเป็นลำโพงเสียง Surround 360 องศา และเขาบอกว่า
เสียงเบสแน่นกว่าเดิมถึง 2 เท่าเลยนะ (เมื่อเทียบกับ Google Home รุ่นแรก)
เรื่องการพูดคุยกับน้องก็ไม่จำเป็นต้องอยู่ข้างน้อง เพราะน้องมาพร้อมกับไมโครโฟน 3 ตัว สามารถรับเสียงได้ระยะไกลถึง 5 เมตร
นอกจากนี้น้องยังมี Voice Match technology ช่วยจดจำเสียงผู้ใช้งานได้สูงสุด 6 คน ถ้าใครใช้งานที่บ้าน อยู่กันหลายคนน้องก็พร้อมให้บริการทุกคน
ลืมบอกไป... Google Nest Mini ไม่จำเป็นต้องเชื่อมต่อ Wi-Fi เพื่อใช้งานตลอดเวลานะ เราสามารถพกน้องไปเปิดเพลงข้างนอกผ่าน Bluetooth ก็ได้ (แต่ต้องเสียบปลั๊กนะ)
และส่วนสุดท้ายที่ทำให้หลงรักน้อง Google Nest Mini มากยิ่งขึ้นไปอีกก็คือการได้ไปรู้มาว่าน้องเค้ามีวัสดุภายในทำจากขวดพลาสติกรีไซเคิล 100%
แถมตัวเครื่องภายนอกก็ทำจากพลาสติกรีไซเคิล 35% เท่ากับว่าการซื้อน้องมาครอบครองก็คือการช่วยลดขยะของโลกไปได้นิ๊ดดดดดดดดดดดดดนึง
เป็นไงกันบ้างทุกคน ถ้าใครที่อยากได้ ก็บุกไปช้อปทรูเลย เค้ามีโปรสำหรับลูกค้าทรูอยู่นะ โดยราคาเต็ม ๆ จะอยู่ 2,290 บาท ถ้าใช้ทรูผมได้ยินว่าลดมากสุดถึง 50% เลย
ส่วนตัวผมที่ไม่ได้ใช้ทรู และเค้าก็ไม่ได้จ้างมา เลยหาแหล่งใหม่ เสียเงินให้ร้านในแอพสีส้มไป 1590 บาท ก็ได้ผู้ช่วยอัจฉริยะมาครอบครองเช่นกัน
ท้ายสุดมาลองให้คะแนนน้องกันดีกว่า แต่บอกก่อนนะว่าคะแนนที่ผมให้เนี่ย มาจากความรู้สึกหลังการใช้จริง ๆ ของผมเองนะ
- ดีไซน์ตัวเครื่อง 9/10 - ผมชอบดีไซน์น้องเค้านะ ดูมินิมอลเข้ากับอะไรก็ได้ แถมมีที่แขวนผนังติดมาด้วย ไว้ได้หลากหลายที่ดี แต่ก็ยังแอบขัดใจกับสายไฟอยู่หน่อย ๆ เพราะไม่รู้จะซ่อนยังไง 55
- ราคา 8/10 - ผมว่าน้องเค้าเปิดราคามาโอเคอีกเช่นกัน เพราะใคร ๆ ก็จับต้องได้ ถ้าได้โปรจากทรูหรือร้านค้าก็น่าจะถูกลงไปอีก
- ประสิทธิภาพเครื่อง 7/10 - ต้องยอมรับแหละว่าน้องไม่ได้คุยได้ทุกเรื่องเหมือน Jarvis ที่เราต้องการ แถมสกิลภาษาไทยของน้องก็ยังต้องฝึกเพิ่ม
- ความเสถียรของระบบ 7/10 - น้องสามารถเข้าใจเราได้ดีเวลาเราบอกให้น้องช่วยควบคุมเครื่องใช้ไฟฟ้าอะไรให้ แต่ยังมีมึนงงอยู่บ้างบางครั้ง
- ความสามารถพิเศษ 7/10 - นอกจากการเป็นลำโพงแล้ว น้องยังเป็นผู้ช่วยส่วนตัวให้เราได้ แต่ก็ไม่ได้มีความสามารถอะไรที่มากไปกว่าลำโพง
- ความคุ้มค่า 8/10 - ลำโพงราคาพันว่าบาท ได้ดีไซน์ ราคา และความสามารถขนาดนี้ สำหรับผมว่าคุ้มมาก ดีกว่าไปซื้อของจีนเยอะแยะ
สรุปโดยรวมน้องเนสมินิก็จะได้คะแนนเฉลี่ยอยู่ที่ 8.83/10 ดังนั้นถ้้าใครกำลังมองหาลำโพงก็จัดเหอะ ยิ่งมีเครื่องใช้ไฟฟ้า IoT อยู่แล้วมีแต่คุ้ม