ต้องพูดเลยนะว่ายุคนี้สมัยนี้คนหันมาให้ความสนใจกับแพลตฟอร์มการสั่งซื้อสินค้าออนไลน์กันมากขึ้น
และไม่ใช่แค่สินค้า แต่เรื่องของอาหารการกินก็ถูกจัดให้ง่ายกว่าเดิมเพียงแค่ใช้ปลายนิ้วสัมผัส
เราอยากจะกินอะไรก็เลื่อนๆ หาเอาในมือถือ ร้านที่ไม่เคยลอง ไม่อยากไปต่อคิว แต่เรา want มาก อยากจะลองชิมสักหนหนึ่ง ก็แค่จิ้มๆ ในมือถือแล้วนั่งรออยู่บ้าน เดี๋ยวก็มีคนมาส่ง
ยิ่งไปกว่านั้นในยุคที่ธุรกิจชะลอตัวลงเพราะวิกฤติโควิดแบบนี้ หลายๆ ธุรกิจเค้าก็ทรุดกันทั่วหน้าแหละครับ ธุรกิจร้านอาหารเองก็ไม่เว้น ไม่ว่าจะที่บ้านเราหรือที่ต่างประเทศ เรียกได้ว่าอ่วมกันไปข้างหนึ่ง
ยังดีที่มีคนคิดแอปพลิเคชั่นสั่งอาหารแบบเดลิเวอรี่ขึ้นมา มันเลยช่วยทำให้อะไรต่อมิอะไรง่ายขึ้น ปลอบโยนพยาธิในท้องได้เพียงแค่นั่งรอจ่ายเงินที่บ้าน
วันนี้หมีอยากจะมาพูดถึงแอปพลิเคชั่นส่งอาหารสักนิด แต่ไม่ใช่ของไทยนะ เป็นของกรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษโน่นนน แต่คอนเซ็ปต์เค้าจะมาแบบแหวกแนวหน่อย
ถามว่ามันแหวกแนวยังไง? มันก็เป็นแอปสั่งอาหารทั่วไปนี่แหละครับ แต่มันพิเศษกว่าตรงที่มันเน้นเฉพาะกลุ่มร้านแบบไฟน์ไดนิงเท่านั้น
พูดง่ายๆ คือเป็นร้านราคาสูงๆ ที่คนมีเงินชอบทานกันนั่นแหละ
แอปพลิเคชั่นที่ว่านี้เรียกว่า "Supper" ครับ
อย่างที่บอกไปว่าความพิเศษของมันคือเป็นแอปพลิเคชั่นสั่งอาหารเฉพาะกลุ่ม และเพราะมันเฉพาะกลุ่ม แน่นอนว่ากลุ่มผู้ใช้งานก็จะต้องเป็นกลุ่มคนที่มีกำลังซื้อมาก เรียกง่ายๆ คือคนมีเงินนั่นแหละ
"Supper" เค้าเปิดตัวตั้งแต่ปี 2015 แล้วครับ ไม่นับว่าเป็นแอปใหม่อะไรเลยเนอะ แต่ถามว่ามันบูมมากๆ ช่วงไหนก็น่าจะช่วงล็อกดาวน์นี่แหละ เพราะเห็นว่าในช่วงนั้นแอปพลิเคชันมียอดผู้ใช้งานพุ่งสูงขึ้นมากถึง 700% เลยเชียว
ไปอ่านเจอมา เค้าบอกว่าช่วงล็อกดาวน์นี่มีร้านอาหารอีกกว่า 100 ร้านติดต่อเข้ามาหาทาง "Supper" เพื่อแจ้งว่าต้องการอยู่ในลิสต์รายการร้านของทางแอปด้วยนะ
มีเข้ามาเยอะแบบนี้แอปมันก็ต้องรักษาความ exclusive ของตัวเองเหมือนกัน ไม่ใช่ว่าใครขอเข้าร่วมรายการก็ได้ แต่จะคัดเลือกกันก่อนแล้วให้ไปรอใน Waiting List ส่วนร้านไหนที่ไม่เข้าเกณฑ์ก็จะปฏิเสธไปเลย จะได้ไม่ต้องให้ทางร้านเค้ารอเก้อ เป็นเหมือนการรักษามาตรฐานการใช้บริการของเค้าด้วยเหมือนกัน
ตรงจุดนี้หมีมองว่ามันคือการเพิ่มสเกลการบริการที่เข้าท่าอยู่ แบบว่าเพิ่มร้านอาหารเข้ามาในแอปได้นะ แต่ว่าจำนวนร้านจะไม่เพิ่มเยอะเกินไป ต้องเป็นไปตามมาตรฐานดั้งเดิมเพื่อคงความเป็นตัวเองไว้อะไรทำนองนี้
ส่วนเรื่องคนใช้งานก็คงเป็นพวกคนมีเงินนี่แหละ แต่ว่าอย่างเราๆ ก็คงโหลดแอปไว้ติดเครื่องเหมือนกัน แบบว่านานๆ ทีก็กินของแพงๆ หน่อยให้พอชุ่มชื้นหัวใจเนอะ 5555
พูดถึงแอปนี้เค้ามีร้านอาหารระดับมิชลินสตาร์มาร่วมทัพอยู่หลายร้านเลย
ร้านดังๆ จำพวก Cinnamon Kitchen, Farzi Café, By Chloe, Homeslice หรือ Jean Georges at the Connaught ก็มีในลิสต์ครับ ซึ่งหมีเห็นมีร้านไทยขึ้นหน้าเว็บของเค้าด้วยนะ เป็นร้านชื่อ Som Saa ครับผม
มาพูดถึงเรื่องการให้บริการกันบ้างดีกว่า ส่วนตัวหมีมองว่ามันมีความเป็นเอกลักษณ์มากๆ เลยแหละ
ไดร์เวอร์ของแอปเดลิเวอรี่บ้านเราขี่มอเตอร์ไซค์แบบของใครของมันไปเลยใช่มั้ยล่ะ มีเสื้อผ้าใส่กันพอเป็นแพทเทิร์น แต่ไดร์เวอร์ของแอปนี้เค้าจะขี่สกูตเตอร์แบบญี่ปุ่นส่งอาหารกันครับ
เจ้าสกูตเตอร์ตัวนี้หน้าตาน่ารักไม่หยอก (ในเว็บของ Supper ใช้คำว่า “cute Japanese scooters” เลยนะ proud to present มาก 5555) นอกจากจะมีหลังคาแล้วตรงส่วนท้ายรถยังมีตู้เคลื่อนที่เล็กๆ ติดอยู่ด้านหลังด้วย
ซึ่งไอ้ตู้ตัวนี้มันสามารถควบคุมอุณหภูมิของอาหารและป้องกันไม่ให้อาหารจากร้านที่เราสั่งกระจัดกระจายจนเละเทะไม่เหลือเค้าเดิมระหว่างขนส่งนี่เอง
แบบนี้ก็ดีเหมือนกันนะ เพราะร้านอาหารหลายๆ ร้านเค้าก็จัดแต่งหน้าตาอาหารเพื่อ "ขาย" กันอยู่แล้ว พอมาอยู่ในรูปแบบของเดลิเวอรี่แบบนี้ สิ่งที่ลูกค้าอย่างเรากังวลก็คงจะหนีไม่พ้นเรื่องที่ว่าอาหารที่เราสั่งจะมาถึงมือเราในสภาพไหนนี่แหละ
พอมันมีการจัดการแบบนี้เราเลยไม่ต้องกลัวว่าสภาพอาหารจากร้านดังของเราจะเละไม่พร้อมทาน หน้าตาออกมาไม่ตรงปกจากการขนส่ง (แอบคิดว่าตรงจุดนี้เดลิเวอรี่ในบ้านเราสามารถนำเอามาปรับใช้ได้เหมือนกัน)
Supper นั้นจะจำกัดอยู่แค่ที่ London Zone 1 ครับ มีค่าธรรมเนียมคงที่ที่กำหนดโดยร้านอาหาร นอกจากนี้ยังมีค่าบริการ 9% สำหรับการสั่งอาหารด้วย ส่วนในเรื่องของคำสั่งซื้อนั้นเราสามารถสั่งล่วงหน้าได้ถึงหนึ่งสัปดาห์ด้วยกัน
ไม่รู้มีใครอยู่ลอนดอนแล้วลองใช้แอปพลิเคชั่นนี้บ้างมั้ย หมีเอามาแชร์กันเพราะรู้สึกว่าน่าสนใจดี
ร้านอาหารในแอปไม่เยอะเพราะเน้นความ exclusive มาพร้อมยานพาหนะหน้าตาน่ารัก แถมจำนวนคนใช้งานก็ไม่ใช้น้อยๆ ไม่รู้ที่ไทยจะมีเดลิเวอรี่เฉพาะกลุ่มแบบนี้มั้ยในอนาคต แม้ราคาจะสูงแต่คงต้องขอลองสักครั้งให้รู้เหมือนกัน 555