วันนี้หมีแวบมาพาทุกคนออกนอกโลกอีกแล้ว
ไม่ใช่คุยโม้จนออกนอกโลกนะ 5555 อย่าเห็นหมีเป็นคนแบบนั้น แต่หมีจะพาทุกคนไปดาวอังคารกันต่างหากครับ!
ความจริงจะพูดว่าพาออกนอกโลกไปดาวอังคารก็พูดได้ไม่เต็มปากหรอก เพราะอันที่จริงมันก็ยังเท้าติดพื้นดินอยู่นี่แหละ
แต่สภาวะหรือบรรยากาศรอบกายมันเป็นการจำลองของสภาวะของดาวอังคารครับ
เคยคิดกันมั้ยว่าถ้าวันหนึ่งมนุษย์เราและมนุษย์หมีต้องอพยพไปอยู่ดาวอังคารจริงๆ เหมือนที่เราเคยได้ยินเค้าว่ากันมาเนี่ย มันจะเป็นยังไง
รูปแบบการใช้ชีวิตของเราจะเป็นแบบไหน หน้าตาของเมืองที่เราอยู่มันจะเป็นอย่างไร หมีว่าน่าจะเคยๆ คิดกันบ้างแหละน่า
ก็นะ...ความฝันที่ว่าอยากจะเดินทางไปท่องอวกาศ เหยียบดวงจันทร์ หรือใช้ชีวิตอยู่บนดาวอังคารนี่เป็นสิ่งที่หลายคนฝันถึงกันมาตั้งแต่เด็กแล้วนี่
และเพราะเรามีฝัน เราเลยพยายามที่จะทำมันให้เป็นจริงยังไงล่ะ! (พูดอย่างกับไลฟ์โค้ชแน่ะ 5555)
ความจริงหมีก็เพิ่งไปเจอมา ว่าเค้ามีการจัดตั้งเตรียมจะสร้างเมืองจำลองการใช้ชีวิตบนดาวอังคารเอาไว้ด้วย ดูๆ ไปแล้วก็น่าตื่นตาตื่นใจไม่น้อยครับ วันนี้เลยหยิบมาเล่าสู่กันฟัง
ความจริงเรื่องนี้มันเป็นของทางองค์กร Dubai’s Mohammed Bin Rashid Space Centre (MBRSC) ครับ องค์กรนี้เค้าทำงานศึกษาด้านอวกาศของสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์
และหนึ่งในงานที่เค้ากำลังทำอยู่นี้ก็คือ ศึกษาเรื่องการเข้าไปตั้งถิ่นฐานบนดาวอังคาร!
พูดง่ายๆ คือศึกษาว่าเราจะก่อร่างสร้างเมืองกันบนดาวอังคารได้มั้ย สิ่งที่จำเป็นต้องทำนั้นมีอะไรบ้าง และเราต้องเตรียมตัวกันยังไงนั่นเอง
อันที่จริง ประเทศ UAE นี่เค้าเคยประกาศไว้ตั้งแต่ปี 2017 แล้วล่ะ ว่าประเทศของข้าพเจ้าจักสร้างนวัตกรรมเพื่อออกไปล่าอาณานิคม เอ๊ย! เพื่อออกไปสร้างบ้านสร้างเมืองบนดาวอังคารให้ได้ภายใน 100 ปีข้างหน้า!
และสุดท้ายก็ชะแว้บบบบ ออกมาเป็นคอนเซ็ปต์ "เมืองในโดม" นี่เองงงง
ถ้าดูหน้าตามันแล้วดูเหมือนโอเอซิสกลางทะเลทราย ไม่ก็อะไรสักอย่างที่หลุดมาจากหนัง Star Wars หรือ Martian ยังไงยังงั้นเลยเนอะ
ซึ่งเฟิร์สมิชชั่นสำหรับสถาปนิกก็คือ ต้องเอาชนะความท้าทายอันยิ่งใหญ่ในการออกแบบเจ้าเมืองในโดมท่ามกลางสภาพแวดล้อมที่แตกต่างกันระหว่างดาวอังคารและดาวโลกนี่แหละครับ
อย่างแรกเลยคือต้องสร้างเป็นเมืองที่สามารถเก็บออกซิเจนเอาไว้ข้างในได้
เจ้าโดมที่ว่านี่เลยทำหน้าที่เป็นเหมือนบาเรียกักเก็บออกซิเจนไม่ให้เล็ดลอดออกไป เพื่อทำให้มนุษย์อย่างเราๆ สามารถหายใจได้เหมือนกับอยู่บนโลก ไม่อ้าปากพะงาบๆ เป็นปลาขาดน้ำยังไงล่ะ
แต่ก็นะ ความท้าทายที่ใหญ่ที่สุดก็ไม่ได้มีแค่เรื่องของออกซิเจน แต่รวมไปถึงเรื่องของอุณหภูมิบนดาวอังคารด้วยต่างหาก
ขอเข้าสู่ช่วงทบทวนความรู้ทางวิทยาศาสตร์สมัยเรียนกันครับ ยังจำกันได้มั้ยว่าดาวอังคารเป็นดาวที่อุณหภูมิปกติจะอยู่ในระดับที่เรียกว่าหนาวเย็นเลยล่ะ เพราะค่าเฉลี่ยปกติคือ -63 องศาเซลเซียส (ตายล่ะวา...) ไม่ใช่หมูๆ เลยนะถ้าจะใช้ชีวิตอยู่ท่ามกลางอุณหภูมิที่โหดร้ายแบบนี้
นอกจากนั้นความกดอากาศบนดาวอังคารก็น้อยเหมือนกัน แบบนี้สามารถทำให้ของเหลวเปลี่ยสภาพเป็นแก๊สได้ในเวลาอันรวดเร็วเลยครับ ถือว่าเป็นความท้าทายของนักออกแบบและนักวิทยาศาสตร์เลยนะเนี่ย
นอกจากนี้แล้วเมืองในโดมของเรายังมีที่อยู่อาศัยแบบใต้ดินที่จะขุดลึกลงไปอีกราวๆ 20 ฟุต ที่ต้องทำแบบนี้ก็เพราะต้องการจะป้องกันรังสีที่อาจส่งผลกระทบต่อร่างกายมนุษย์นี่แหละ
แต่ถึงอย่างนั้น เมืองนี้ก็จะใช้พลังงานความร้อนจากดวงอาทิตย์มาช่วยสร้างความอบอุ่นให้ร่างกาย และรักษาอุณหภูมิที่คุ้นชินของมนุษย์เอาไว้ด้วยเหมือนกัน
ในแง่ของความสวยงามเค้าก็มีนะ ที่แน่ๆ คือเตรียมใส่ water skylights เอาไว้ในถ้ำใต้ดินแล้ว เจ้าสิ่งนี้ให้ฟีลคล้ายๆ อควาเรียมครับ คือเงยหน้าไปก็จะเห็นปลาว่ายไปว่ายมาอยู่ด้านบน ซึ่ง water-windows ที่ใช้นั้นก็จะมีคุณสมบัติพิเศษในการป้องกันรังสีไม่ให้เข้ามาทำอันตรายเราด้วย
เป็นคอนเซ็ปต์ที่เข้าท่า แต่ก็ยังเป็นแค่คอนเซ็ปต์ครับ ที่สำคัญคือยังไม่ไฟนอลด้วยซ้ำ เพราะเรื่องพวกนี้มันต้องใช้เวลาในการศึกษาวิจัยกันไปอีกนาน แต่เห็นว่าทาง MBRSC เค้าวางแพลนไว้แล้วนะว่าถ้าทุกอย่างเตรียมพร้อมเรียบร้อยเมื่อไหร่ ก็จะมีการสร้างเมืองในโดมนี้จริง
ส่วนพื้นที่ที่ถูกเลือกเอาไว้ว่าจะเซ็ทเป็นพื้นที่สร้างเมืองจำลองการใช้ชีวิตบนดาวอังคารในโลกของเรานั้นคือเขตทะเลทรายในเมืองดูไบครับผม
โดมบนโลกนี่ยังไม่จำเป็นต้องสร้างที่กักออกซิเจนไว้ภายในหรือป้องกันความกดอากาศใดๆ ครับ แต่เห็นเค้าออกมาบอกว่าไอ้เจ้า water skylights นี่ยังไงก็ขอสร้างหน่อยเหอะ 555
ส่วนอื่นๆ นอกจากห้องปฏิบัติการวิจัยที่จำเป็นต้องมีในโดมน้อยของเราแล้ว ก็จะมี educational facility, museum, amphitheater และ co-working office space ด้วย แจ่มว้าวไปเลย
ถือว่าน่าติดตามนะ ว่าสุดท้ายแล้วความคิดที่ว่ามนุษย์จะหนีไปอยู่ดาวอังคารนั้นจะเป็นจริงได้เมื่อไหร่ แต่แอบเห็นทัวร์อวกาศออกมาบ้างแล้วล่ะ คิดว่าเรื่องไปตั้งรกรากที่ต่างดาวก็น่าจะเป็นจริงได้ในวันใดวันหนึ่งข้างหน้าเหมือนกัน