หลังจากช่วงปี 2012 เราจะได้ยินข่าวเกี่ยวกับวันสิ้นโลกกันอยู่เรื่อยๆ เนอะ
เดี๋ยวแตกวันนั้น เดี๋ยวแตกวันโน้น รอแล้วรอเล่าก็ไม่เห็นแตกเสียที แรกๆ ก็กลัว ต่อมาก็เฮ้ออ แตกเสียทีเถอะ เบื่อโลกแย่แล้ว 5555
แต่เรื่องวันสิ้นโลกนี่จะเห็นกันหลายตำรับตำราเลย ตะวันตกบ้างตะวันออกบ้าง คนบางกลุ่มก็เชื่อกันจริงๆ จังๆ เลยก็มี
หลายคนบอก ถึงโลกจะไม่แตก แต่ทุกวันนี้มันก็เหมือนใกล้แตกอยู่แล้ว
คิดไปคิดมาก็จริง... อย่างน้อยเรื่องของภัยพิบัติในโลกเรามันก็ทวีความรุนแรงขึ้นทุกปีๆ น้ำท่วมบ้าง แผ่นดินไหวบ้าง พายุบ้าง
ไม่นับรวมสงครามกับโรคระบาดทั้งหลายอีก เอาตรงๆ ก็คือช่วงปีสองปีมานี้โลกเราต้องเจอกับมหันตภัยชนิดดาหน้าเข้ามาไม่หยุดหย่อน ไม่มีเวลาพักให้ได้หายใจหายคอกันเลย
สุดท้ายก็เผลอคิดไปว่า ถ้าเรามีบังเกอร์หลบภัยจะดีกว่านี้หรือเปล่า?
แต่บังเกอร์ที่ผุดเข้ามาในหัวก็ดันเป็นบังเกอร์สมัยสงครามโลก จำพวกห้องใต้ดินเก่าๆ ทึบๆ ทุกอย่างรอบข้างเป็นสีเทา เป็นโลหะ เป็นอะไรที่ดูอยู่แล้วรู้สึกไม่สบายเพราะไม่มีสิ่งอำนวยความสะดวกใดๆ ทั้งสิ้น
ไงก็ตาม ชาวสหรัฐฯ กลุ่มหนึ่งเค้าหัวใสครับ
คนกลัวมหันตภัยกันนักใช่มั้ย ทำไมเราไม่สร้างบังเกอร์หลบภัยให้มันหรูหราไปเลยล่ะ!
ความคิดแบบนี้ดูไปแล้วสุดจะเบียว เราอยู่ในโลกอนิเมะหรือเปล่านะ แต่ทำเป็นเล่นไป ไอ้โครงการที่ว่านี่มีคนทำจริง ที่สำคัญดันมีคนบ้าจี้ซื้อหมดในเวลาอันรวดเร็วเสียด้วย
บังเกอร์หลบภัยสำหรับวันสิ้นโลกยุคใหม่ของเรานั้นมีชื่อว่า "Survival Condo" แค่ชื่อก็รู้สึกว่าปลอดภัยแล้วอ่ะ หรือจะเถียง 5555
โครงการนี้เป็นคอนโดย่อมๆ เลยแหละ (อันที่จริงก็ไม่เชิงย่อม เพราะไซส์ใหญ่มาก เดี๋ยวลงรายละเอียดทีหลัง) มีแลนด์มาร์กอยู่ที่รัฐแคนซัส อเมริกา
เก๋กว่าตรงที่เค้าดัดแปลงมาจากคลังเก็บขีปนาวุธนิวเคลียร์ อย่าง "Atlas F missile silo" ซึ่งภายหลังปรับเปลี่ยนมาให้เป็นคอนโดมิเนียมสุดหรู สร้างลึกลงไปใต้ดินถึง 15 ชั้น หรือราวๆ 200 ฟุตจากพื้นดิน ทุกชั้นมีลิฟต์เชื่อมถึงกันไม่ต้องลำบากเดิน
ได้ยินมาว่าห้องพักของเค้าถูกขายหมดเกลี้ยงภายในเวลาเพียงเดือนเดียวเท่านั้น และยังมีคนเซ็นชื่อรอเป็นเจ้าของกันอีกเพียบ คนรวยนี่คิดอะไรก็แตกต่างแฮะ
อาคารของ "Survival Condo" นั้นถูกออกแบบมาให้สามารถรับมือได้กับทุกๆ สถานการณ์ภัยพิบัติเลยครับ ในนั้นยังมีที่เก็บอาหารและน้ำสะอาดเพียงพอสำหรับการเลี้ยงคน 70 คนได้สบาย ใช้พลังงานจากแหล่งพลังงานต่างๆ รวมถึงกังหันลมและระบบไฮโดรโปนิกส์ด้วย
เรื่องของความปลอดภัยก็ไม่ต้องกังวลเลย ไม่น้อยหน้าการเป็นคลังเก็บขีปนาวุธนิวเคลียร์เก่า
เพราะโครงการให้กำแพงหนาถึง 9 ฟุต สามารถป้องกันการโจมตีจากหัวรบนิวเคลียร์ขนาด 12 กิโลตันและรองรับแรงสั่นสะเทือนต่างๆ ได้ด้วย อ้อ ที่นี่เค้าใช้หน้าต่างกันกระสุนด้วยนะครับ แจ่มไปเลยมั้ยล่ะะะ
และอย่างที่บอกไปว่ามันไม่ใช่บังเกอร์ธรรมดาๆ นอกจากจะเสริมแกร่งด้านความปลอดภัยแล้ว ความสำเริงสำราญต่างๆ ก็ต้องจัดมาให้พร้อม!
ภายในคอนโดใต้ดินของเรานั้นมีสถานที่และกิจกรรมต่างๆ เพื่อให้ความบันเทิงแบบจัดเต็ม ทั้งสระว่ายน้ำขนาดใหญ่มาพร้อมสไลเดอร์ ห้องออกกำลังกาย กำแพงปีนเขา สนามยิงปืน โรงหนัง บาร์ ศูนย์การแพทย์ ห้องเรียน ห้องสมุด ฯลฯ เพียบ!
หลบภัยนานๆ มนุษยชาติด้านนอกกำลังจะล้มตายหมดโลกแล้ว แต่ไอ้เราดันนึกถึงวันคืนเก่าๆ สมัยมนุษยชาติยังรุ่งเรือง ทำไงดีล่ะ
ตบบ่าหน่อย ไม่ต้องเศร้าใจไปนะเพื่อน เพราะแม้โลกภายนอกถูกทำลายจนพังพินาศไปแล้ว แต่ด้านในบังเกอร์จะมีวีดีโอเอาไว้คอยฉายภาพเก่าๆ สมัยมนุษยชาติยังรุ่งเรืองให้เราได้หวนคิดถึงกันครับผม
มาดูเรื่องห้องพักบ้างดีกว่า
ห้องพักในโครงการของเค้ามีทั้งแบบ full-floor unit ราคา 3 ล้านเหรียญ และ half-floor unit ที่มีราคาหดมาจาก full-floor unit ครึ่งหนึ่ง กับเพนท์เฮ้าส์ราคาเริ่มต้น 4.5 ล้านเหรียญให้เราเลือกสรรกันครับ
full-floor unit ของโครงการจะมีขนาดราวๆ 170 ตร.ม. ขนาด 3 ห้องนอน 2 ห้องน้ำ ครัว ห้องทานอาหาร ห้องโถง รองรับคนได้ตั้งแต่ 6-10 คน
ด้าน half-floor unit นั้นมีขนาดประมาณ 83 ตร.ม. เหมาะกับครอบครัวที่มีสมาชิก 3-5 คน มีให้เลือกแบบ 1 หรือ 2 ห้องนอน 1 ห้องน้ำ ห้องครัว และห้องโถงจ้า
ส่วนเพนท์เฮ้าส์นั้นมีขนาดราว 334 ตร.ม. เป็นแบบที่สามารถปรับแต่งห้องได้ตามความต้องการของเราครับผม
รายละเอียดเพิ่มเติมไปอ่านต่อไปที่
เว็บไซต์ ของเค้านะ มีรูปมีข้อมูลพร้อม
เอาจริงๆ ก็น่าสนใจนะ น่าสนใจกว่าที่มีคนซื้อด้วย แต่ก็เข้าใจแหละว่าอาจไม่ได้อยากจะหลบภัยอะไร แต่พอดีมีเงิน ซื้อไว้เพื่อความแปลกใหม่อะไรทำนองนี้ก็มี 555