ถ้าถามว่ามีหนังเรื่องไหนที่เหมาะจะดูในปีนี้มากที่สุด หมีคิดว่าทุกคนน่าจะมีคำตอบไว้ในใจกันอยู่แล้ว และคำตอบนั้นก็น่าจะคล้ายกันด้วย
เพราะหนังเรื่องที่ว่าคือ "Train to Busan: Peninsula" พูดง่ายๆ คือภาคต่อของหนังซอมบี้เกาหลี "Train to Busan" หนังที่สร้างกระแสฮือฮาเป็นวงกว้างสมน้ำสมเนื้อฝีมือหนังเกาหลีจริงๆ
ก็นั่นแหละนะ หมีบอกไปแล้วว่าไม่มีปีไหนที่เหมาะจะดูหนังเรื่องนี้เท่ากับปี 2020 Covid-19 คลั่ง อีกแล้วครับ 5555
ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อนะว่าเรารอภาคต่อของหนังเรื่องนี้กันมานานทีเดียว
เพราะ "Train to Busan" นั้นฉายไปเมื่อปี 2016 มานั่งนับนิ้วดูตอนนี้ก็ถือว่านานทีเดียวที่ Train To Busan มาสร้างปรากฏการณ์ K-Zombie ให้เราตื่นตาตื่นใจกันไป
และตอนนี้ "Train to Busan: Peninsula" ก็ได้ฤกษ์ลงจอใหญ่กันเสียที ที่บ้านเราเตรียมจะฉายวันที่ 23 กรกฎาคมนี้แล้วด้วย
ภาคแรกเค้ากวาดรายได้ไปทั่วโลกกว่า 140 ล้านเหรียญแน่ะ บ้านเราก็ขึ้นแท่นหนังเกาหลีทำรายได้สูงสุดในไทยด้วย เดี๋ยวต้องมาดูกันต่อไปว่าเรื่องนี้จะกวาดรายได้ไปมากน้อยแค่ไหน
แต่ก่อนจะตีตั๋วไปดูหนัง เรามาดู 5 ข้อต้องรู้ก่อนไปจ่ายเงินนั่งในโรงกันดีกว่าครับ ว่ามีอะไรที่เราต้องรู้เกี่ยวกับเจ้า "Train to Busan" กันบ้าง
1. K-Zombie
ต้องบอกก่อนว่าหนึ่งในสิ่งที่ทำให้คนตื่นตาตื่นใจกันมากน่าจะเป็นประเด็นของ K-Zombie นี่แหละ เพราะเขาทำออกมาได้ดีแบบโอ้โหเลยเชียว ทั้งน่ากลัว ทั้งตื่นเต้น แถมมีประเด็นในเรื่องของด้านมืดในจิตใจมนุษย์เข้าเสริมมาอีก ซอมบี้ว่าร้าย คนสิร้ายกว่า อะไรทำนองนั้น
พูดถึงตรงนี้ก็ต้องพูดเสริมอีกนิดว่าหนังมันมีความ Emotional มากๆ เชื่อว่าซีนท้ายๆ น่าจะทำให้ทุกคนเห็นพ้องต้องกันได้ดี (พี่กงยูครับ กระซิกๆ) และเพราะมันครบรสไปหมดแบบนี้ ทำให้ "Train to Busan" ถูกฉายไปกว่า 160 ประเทศทั่วโลก กวาดรายได้ไปถล่มทลายทีเดียว
แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ถ้าพูดกันตามตรง "Train to Busan" นับได้ว่าเป็นภาคที่สองนะ เพราะก่อนหน้านี้จะมีออกมาก่อนหนึ่งภาค เป็นแอนิเมชั่นสปินออฟที่ชื่อว่า "Seoul Station" ฉายในปี 2016 เหมือนกัน กำกับโดยผู้กำกับคนเดียวกันด้วย ใครที่ยังไม่ได้ดูก็ไปหาดูกันได้นะคร้าบบบ
2. การล่มสลายของคาบสมุทรเกาหลี
ถ้าจำกันได้เราจะเห็นว่า ใน "Train to Busan" นั้นเน้นฉากไปที่รถไฟเป็นหลัก เป็นรถไฟสายมรณะที่แล่นตรงไปปูซานที่เดียวเลย แวะจอดไหนก็ไม่ได้เพราะมันไม่มีสถานีไหนให้จอดแล้วเนื่องจากซอมบี้ยึดครองไปหมด ขนาดสถานีไหนมีทหารเข้ามาคุมยังจัดการไม่ได้ สุดท้ายต้องกลายเป็นกองร้อยซอมบี้ตามไปอีก
และเพราะเราได้เห็นแล้วว่าระหว่างการโดยสารรถไฟไปปูซานนั้น ชาวเมืองที่อยู่ระหว่างทางกลายเป็นซอมบี้ไปหมด นั่นน่าจะหมายความว่าเมืองอื่นๆ คงไม่น่ารอดเหมือนกัน
แต่ถึงอย่างนั้นในช่วงท้ายของเรื่องเราก็ได้รู้ว่า เฮ้ย จริงๆ แล้วกองทัพยังปกป้องเมืองปูซานเอาไว้ได้นะ ซึ่งถ้าเรากางแผนที่ดูจะเห็นว่าปูซานเป็นเมืองติดทะเลครับ ดังนั้นคำตอบมันเลยเชื่อมไปยังภาคใหม่ของเราว่าคนที่รอดชีวิตออกไปได้ต้องอพยพออกไปทางเรือเท่านั้นแหละ
นี่จึงเป็นที่มาของประเด็นที่ว่าทำไมภาคนี้ถึงได้ชื่อว่า "Peninsula / 반도" ที่แปลว่าคาบสมุทร อารมณ์แบบ...สิ่งที่ปิดกั้นการแพร่ระบาดของเชื้อได้คือมหาสมุทร ประมาณนี้
3. หนีซอมบี้ด้วย คนก็ต้องระวังด้วย
เนื้อเรื่องหลักๆ ของภาคนี้เป็นเนื้อหา 4 ปีให้หลังของเหตุการณ์รถไฟสายมรณะของเรา หนนี้พี่กงยูเค้าส่งไม้ต่อให้ คังดงวอน พระเอกชื่อดังอีกคนของเกาหลี มาในบทของนายทหารที่หนีตายไปใช้ชีวิตที่ฮ่องกง แต่ต่อมาได้รับการว่าจ้างให้ไปกู้ซากรถบรรทุกที่จอดทิ้งไว้ในกรุงโซล (ซึ่งน่าจะเดาได้ว่าไอ้รถคันนี้มันต้องมีบางอย่างไม่ชอบมาพากลแน่นอน 5555)
เพราะผลประโยชน์ที่ได้รับ เขากับพรรคพวกเลยตัดสินใจล่องเรือกลับไปเหยียบคาบสมุทรเกาหลีอีกหน ที่ซึ่งตอนนี้กลายเป็นเขตกักกันเชื้อมีซอมบี้วิ่งพล่านกันทั้งเมืองไปแล้ว
แต่ก็นั่นแหละ การกู้รถครั้งนี้มันไม่ง่าย เพราะระหว่างทางพี่พระเอกถูกโจมตีโดยกลุ่มกองกำลังที่เรียกตัวเองว่า "หน่วยพิเศษ 631" เป็นกลุ่มแก๊งที่มีพฤติกรรมประหลาดเสียหน่อย สมความเป็นแก๊งตัวร้ายในหนังโลกาวินาศเลยครับ
4. ยืนหยัดฝ่าวิกฤตเพื่อมีชีวิตรอด
ตีกับพวกซอมบี้ก็แย่พออยู่แล้ว ยังต้องมาตีกับชาวแก๊งพวกนี้อีก นับว่าพี่พระเอกอ่วมไม่น้อย โชคดีที่ได้รับความช่วยเหลือจากคนอีกกลุ่มที่ก็เป็นกลุ่มคนรอดชีวิตเหมือนกันแต่อยู่คนละฝ่ายกับหน่วยพิเศษ 631
หลักๆ ก็นี่แหละครับ น่าจะเป็นประเด็นเกี่ยวกับการพยายามกู้รถบรรทุกและหาทางหนีออกจากเกาหลี รวมไปถึงการช่วยเหลือเพื่อนร่วมทีมของพระเอก ช่วยกันยืนหยัดฝ่าวิกฤตเพื่อมีชีวิตรอด แต่หนังจะมีประเด็นอื่นที่นอกเหนือจากที่เราได้เห็นกันในตัวอย่างหรือเปล่า อันนี้เราคงต้องไปหาคำตอบกันเองในโรงแล้วล่ะ
5. คลั่งจริงสมการรอคอย
"Train to Busan: Peninsula" จะได้ทีมนักแสดงชุดใหม่มารับช่วงต่อกันจากภาคที่แล้วครับ แต่คนที่รับหน้าที่สานต่อเรื่องราวในภาคยังคงเป็น "ยอนซังโฮ" ผู้กำกับคนดีคนเดิมของเรา
ซึ่งยอนซังโฮเค้าเคยออกมาบอกนะว่า “Train to Busan: Peninsula” ได้แรงบันดาลใจมาจากหนังดังอย่าง "Mad Max" และมังงะชื่อดังอย่าง "Akira" ฟังแบบนี้แล้วก็เหมือนได้กลิ่นความคล้ายโชยมาเหมือนกันแฮะ จำพวกแนวคิดการสร้างโลกใหม่ที่ล่มสลายและรกร้างอะไรประมาณนี้
แต่ที่หมีอยากจับตาดูคือซอมบี้ในหนังเรื่องนี้สี่ปีผ่านไปจะมีวิวัฒนาการอะไรหรือเปล่า เพราะภาคก่อนก็นับได้ว่ามีพละกำลังแข็งแกร่งอยู่นะ น้องกวางตอนต้นเรื่องโดนรถชนไปแล้วยังลุกมาเดินปร๋อเลยเห็นมั้ย ไม่แน่ภาคนี้อาจจะมีอะไรให้เซอร์ไพรส์กันก็ได้ ลุ้นๆ
ยังไงเดี๋ยวไปสานต่อปรากฏการณ์ด่วนนรกฟีเวอร์กันได้พร้อมกันในวันที่ 23 กรกฎาคมนี้ในโรงภาพยนตร์ครับ มารอดูกันว่าตั๋วจะขายได้กี่ใบ เพราะที่เกาหลีใต้นั้นนับว่าเปิดตัวแรงมาก คนเกาหลีเค้าแห่ไปซื้อตั๋วดูกันกว่า 170,000 ใบ ทุบสถิติยอดจองตั๋วล่วงหน้าสูงสุดในปี 2020 เลย แต่เอาจริงนะ...ผมเข้าไปอ่านรีวิวสั้นๆ ของชาวเน็ตเกาหลีมา ไหงได้เสียงตอบรับไม่ค่อยดีเลยก็ไม่รู้...
ไงก็ตาม...ดูเทรลเลอร์ทิ้งท้ายแล้วกันครับ