"สะพานพระรามแปด" จัดว่าเป็น 1 ในสะพานที่ผมใช้บริการอยู่เกือบทุกสัปดาห์ จะบอกว่าเป็นส่วนหนึ่งของวงจรชีวิตผม ก็ว่าได้

 

        เนื่องด้วยระหว่างที่รอรับลูกสาววัยแสนซนโรงเรียนเลิก ผมมักจะแอบไปโต๋เต๋ พลางหาขนมติดไม้ติดมือที่ "Central ปิ่นเกล้า" อยู่บ่อยครั้ง 

 

        จาก Central ข้ามสะพานพระรามแปด ไปแถวเทเวศร์ ใช้เวลาแค่ ไม่กี่สิบนาทีเอง 

 

        ในหลายๆครั้ง ผมมักจะสะดุดตากับ คอนโดโครงการหนึ่ง "Chewathai ปิ่นเกล้า" ซึ่งตั้งอยู่บริเวณตีนสะพานพระรามแปดฝั่งจะข้ามไป "พระนคร"

 

        ก่อนจะเอ่ยถึงข้อมูลโครงการ ขอย้อนอดีตเล็กน้อย 

 

        สมัยเด็กๆ ที่บ้านจะหนีบผมมากิน "อาหารเหลา" (โต๊ะจีน) แถวนี้บ่อยๆ เป็นแหล่งร้านอาหารเลิศรสหลายร้านเลย เช่น Jade Garden , เอี่ยวไถ เป็นต้น

 

        เออ มีอีกร้านอยากแนะนำด้วย ข้าวต้มปลาท่าฉลอม ไปสั่งได้เลย "ข้าวต้มปลาเก๋า" อร่อยมากก ปลาชิ้นใหญ่ ไม่คาว จะสั่งแบบลวกจิ้มก็เด็ด เดี๋ยวๆพอก่อนๆ ไม่ได้มารีวิวร้านอาหารนะ 5555

 

        ด้วยความที่โซนนี้ มีชุมชุนดั้งเดิมอยู่มากโข เรื่องอาหารการกินจึงค่อนข้างสมบูรณ์ มีร้านค้า หรือรถเข็น เป็นระยะๆ

 

        7-Eleven ใกล้สุดจะประมาณ 200 ม. อยู่เข้ามาใน ซ.อรุณอมรินทร์ 49 เล็กน้อย ซึ่งเป็นซ.ที่ทะลุไปเจอกับ ซ.จรัญฯ 40 เป็นทางลัดมาสู่ MRT "สถานีบางยี่ขัน" ระยะจะประมาณ 1 กม.พอดี

 

        ใครไม่อยากสิ้นเปลืองพลังงาน โบกพี่วินเอาได้เลย 

 

        พอนึกถึงสมัยละอ่อนแล้ว ไม่เคยคิดเลยว่า วันหนึ่งๆจะมีคอนโดมาผุดที่นี่ขนาดนี้

 

        "รถไฟฟ้า" และ "สะพานพระรามแปด" ช่างเป็นตัวกระตุ้น "ทำเล" ชั้นดีจริงๆ

 

        ไหนๆก็พูดถึงทำเลแล้ว ก็ขอพูดถึงทำเลของโครงการต่อเลยดีกว่า

 

        จัดว่าเป็นโครงการที่มีห้างอยู่ใกล้ๆ ไม่ไกล อยู่หลายห้างเลย ใกล้สุดจะเป็น พาต้า 300 กว่าม.เอง เดินไปได้ สบายๆ 

 

        เขยิบออกมาอีกหน่อย มี Central ปิ่นเกล้า , Tesco Lotus ปิ่นเกล้า , The Sense , Major ปิ่นเกล้า อยู่ด้วยกันเป็นก้อนเลย แถมตรงนั้นยังมีพลาซ่าให้เดินเผาเงินช้อปปิ้งอีกด้วยนะ 

 

        เขยิบออกมาอีกนิด มี ตั้งฮั่วเส็ง ธนบุรี ที่ยอดฮิตของเหล่าแม่บ้าน หรือพ่อบ้าน เก่งฉกาจงานฝีมือ ล้วนต้องมาซื้ออุปกรณ์ที่นี่

 

        เรื่องหาของกินของใช้ ผ่านสบายๆ

 

        อีกจุดเด่นคือ การตั้งอยู่ตรงก่อนตีนสะพานพระรามแปด ทำให้ขึ้นสะพานข้ามไปฝั่ง "พระนคร" ได้เลย โดยไม่ต้องไปเสียเวลาวน หรือกลับรถ

 

        ขากลับ พอข้ามจากสะพานมาทางฝั่ง "ธนบุรี" กลับรถตรงสี่แยก ขับอีกนิดก็กลับถึงโครงการแล้ว เหมาะกับคนที่ทำงานในโซน เขตพระนคร และใกล้เคียงยิ่งนัก ปัญหาเรื่องรถติด จะเบาไปเยอะ

 

        คนอีกกลุ่มที่เหมาะก็คือ คนที่มีวงจรชีวิตอยู่แถว "รพ.ศิริราช" ไม่ว่าจะเป็นบุคลากรของรพ. หรือคนไข้ หรือคนแถวนั้น

 

        จากหน้าโครงการ ขับไปกลับรถใต้สะพานพระรามแปด ตรงไปอย่างเดียว ข้ามสะพานอรุณอมรินทร์ เลี้ยวซ้าย ก็ถึงล่ะ

 

        ใช้เวลาสักราว 5-10 นาทีเอง ดูคลิปบางคลิปยังไม่ทันจบด้วยซ้ำ 555 

 

        ขากลับยิ่งแล้วใหญ่ ขึ้นสะพานอรุณอมรินทร์ แล้วตรงโลด ประมาณ 1 กม.กว่าๆเอง ก็ถึงล่ะ

 

        อ๋อ จากโครงการประมาณ 1 กม.จะมี "ท่าเรือด่วนเจ้าพระยา" ด้วย เอาไว้เป็นอีกทางเลือกหนึ่งในการเดินทางได้ ช่วงวันหยุดมาล่องเรือเที่ยวเล่น ก็เพลินดีนะ มีจุดเที่ยวให้แวะพักเพียบ 

 

        อีกจุดที่ชอบคือ ตรง "สะพานพระรามแปด" ฝั่งธนบุรี จะมีสวนสาธารณะขนาดใหญ่ "สวนหลวงพระรามแปด" เหมาะมานั่งพักผ่อนหย่อนใจมาก จะนั่งตรงสวน หรือริมแม่น้ำ ก็ดีทั้งนั้น ไม่ต้องกลัวท้องจะว่างด้วยนะ มีรถเข็นของกินมาขายเพียบ เหมาะกับผมยิ่งนัก 5555

 

        เอาล่ะ มาที่ข้อมูล "Chewathai ปิ่นเกล้า" กันบ้าง

 

        - จัดว่าเป็นคอนโด High rise ที่ค่อนไปทาง Low rise เพราะสูงแค่ 13 ชั้น+1 ชั้นใต้ดิน เท่านั้นเอง 

 

        - มีทั้งหมด 593 ยูนิต แบ่งเป็น ยูนิตพักอาศัย 588ยูนิต และ ร้านค้า 5 ยูนิต 

 

        - จอดรถได้ประมาณ 43%(รวมจอดซ้อนคัน)  

 

        - บริเวณโครงการส่วนใหญ่เป็นอาคารพาณิชย์ ไม่มีตึกสูงระยะประชิด เพราะฉะนั้น ชั้น 5 ขึ้นไป วิวค่อนข้างเคลียร์ล่ะ

 

        - การออกแบบตึก ทำออกมาได้แปลกตา จึงทำให้มีความโดดเด่นอยู่พอตัว เมื่อมองจากระยะไกล

 

        - ส่วนกลางที่นี่ ออกแบบให้ยกขึ้นมาไว้บนชั้น 9 บริเวณด้านหน้าโครงการ ทำให้ทุกห้องสามารถขึ้นมาเทควิวสะพานพระรามแปดได้ ชมพลุตามงานเทศกาลต่างๆเต็มตาเลย

 

        - ส่วนกลางที่นี่ อาจไม่ได้ใหญ่อลังการ แต่ก็มีครบถ้วน สระว่ายน้ำ , ฟิตเนส , สวนหย่อม , Steam room , Kids room , Co-Working Space , Lobby , Movie Club และ Ev Charger มีการออกแบบส่วนกลางต่างๆให้มีความสูงโปร่ง แลดูน่าใช้งานดีนะ ไม่อึดอัด ไว้สร้างเสร็จเมื่อไร แวะไปดูอีกทีดีกว่า

 

        - รูปแบบห้องของที่นี่มีตามนี้เลย 1 Bedroom ขนาด 28-29 ตร.ม. และ 2 Bedrooms ขนาด 43.00 – 56.00 ตร.ม.

 

        - ทุกห้องที่นี่ จะได้เป็น "ครัวแบบปิด" หมดกังวลเรื่องกลิ่นมารุกรานจมูกได้ 555 จะทำหนัก ทำเบา ก็เอาอยู่

 

        - 1 Bedroom ที่นี่ จะมี 2 แบบ คือ แบบครัวใหญ่ และครัวปกติ

 

        - โดยส่วนตัวแล้ว ผมชอบแบบครัวใหญ่แหะ เพราะบานประตูเป็นไม้ มันแลดูทำให้ห้องมีความอบอุ่นดี ส่วนอีกห้อง บานกั้นห้องครัวจะเป็นกระจก มีข้อดีคือ ทำให้ห้องดูโปร่ง แสงส่องเข้ามาได้มากกว่า เลือกกันตามใจชอบได้เลย

 

        - อีกจุดเด่นที่น่าสนใจคือ Home Automation System ที่มีติดมาให้ทุกห้อง

 

        - ระบบนี้ของที่นี่ น่าสนใจตรงที่ว่า ไม่ใช่แค่ควบคุมไฟในห้องได้เท่านั้น

 

                -- สามารถควบคุมแอร์ได้ แม้ว่าจะเปลี่ยนแอร์เครื่องใหม่ในวันข้างหน้า ก็ยังสามารถเอามาเข้ากับระบบได้

 

                -- สามารถควบคุมการจ่ายไฟของปลั๊กได้ (ไม่ใช่ทุกจุด) อันนี้ดีมาก ทำให้เราควบคุมการใช้ไฟฟ้าได้

 

                -- เวลามีเพื่อนมาหา หรือมีคนมาส่งของ จะมีเครื่องตรงแถว Lobby ติดต่อมาที่ห้องเราได้ เราสามารถกดรับสายผ่านเครื่องในห้อง เพื่อพูดคุยโดยเห็นใบหน้าของอีกฝ่าย (อีกฝ่ายไม่เห็นเรา) และเรายังสามารถปลดล็อคประตูให้ขึ้นมาหาเราได้อีกด้วย

 

                -- เราสามารถปลดล็อคประตูห้อง ปลดล็อคการเข้าอาคาร และเปิดปิดไม้กั้นทางเข้าโครงการ ผ่าน App ในมือถือ 

 

                -- ด้วยความที่สามารถควบคุมได้หลายอย่าง เพื่อการใช้ง่ายที่สะดวกขึ้น เราสามารถสร้าง Shortcut สิ่งที่ต้องควบคุมบ่อย มาขึ้นที่หน้าจอหลักของเครื่องในห้องได้ 

 

        - โครงการจะสร้างเสร็จพร้อมอยู่ปี 2565 

 

        สำหรับคนที่สนใจ ตอนนี้ทางโครงการจัดโปรฯ ราคาเริ่มต้นที่ 2.39 ล้านบ. (ห้อง 29 ตร.ม.) ผ่อน 0% 10 เดือน*(หลังโอน) แถมฟรีเฟอร์นิเจอร์ครบชุด และ Gift Voucher Central 5,000 บ.* ถ้าชอบจริงๆก็ลองไปดูด้วยตาตัวเองดูนะ เผลอๆอาจต่อรองส่วนลด หรือของแถมเพิ่มได้ ก็เป็นได้(อิอิ) คลิกที่นี่ เพื่อขอข้อมูลเพิ่มเติมได้เลยครับ