BTS : สายหยุด / /
28 Aug 2020 19:27
ย้อนกลับไปในช่วงเวลานี้ของปีที่แล้ว ตอนนั้นรถไฟฟ้าสายสีเขียวส่วนต่อขยายยังไม่ได้เปิดให้ผมได้ไปโฉบเฉี่ยวโซนนั้นเท่าไหร่
แต่พอได้ข่าวว่า The Base สาขาสะพานใหม่สร้างสำนักงานขายเสร็จ ผมกลับเร่งหาเวลาเพื่อไปยลโฉมอย่างเร็วไว
เหตุผลหลักก็คงเพราะ The Base เป็นแบรนด์ของพี่สิบหมื่นที่ผมชื่นชอบเป็นพิเศษ ราคาเข้าถึงง่าย ดีไซน์โดดเด่น และเน้นเจาะตลาดกลุ่มวัยรุ่น (อย่างผม) เป็นหลัก 55555
หนึ่งปีผ่านไปวงในแอบรายงานมาว่าโครงการนี้ขายดิบขายดี และตอนนี้ก็เตรียมพร้อมที่จะให้ลูกบ้านเริ่มโอนกันแล้วด้วย
มีหรอผมจะมัวรอช้า... ขอกลับไปย้ำเตือนความทรงจำเพื่อสร้างความประทับใจกับโครงการนี้อีกซักที!!!
ก่อนจะไปดูอัพเดตโครงการกัน ถ้าใครอยากย้อนไปอ่านความรู้สึกของผมเมื่อหนึ่งปีที่แล้วกับโครงการนี้
ตามไปอ่านได้เลยที่ พาไปชมความ Best ที่ "THE BASE สะพานใหม่" คลิก!!!
ตัวโครงการ "THE BASE Saphanmai" ปักหมุดอยู่ที่บีทีเอสสถานี "สายหยุด" หยุดหยุดชีวิต หยุดกับคนนี้~
ซึ่งเป็นเรื่องที่ผมแอบเสียใจตรงที่หนึ่งปีผ่านไป... สถานีนี้ก็ยังไม่เปิดให้บริการ 55555
แต่ก็ไม่ใช่ข่าวร้ายไปทั้งหมดนะ เพราะจากแผนของทาง BTS เองก็แง้มออกมาแล้วว่า จะเปิดบริการสถานีสายสีเขียวที่เหลือทั้งหมดภายในปลายปีนี้อย่างแน่นอน
ฉะนั้นแล้วถ้าใครที่ยังกังวลเกี่ยวกับการเดินทางอยู่ก็อดใจรอกันอีกหน่อย ไม่แน่กว่าเพื่อน ๆ จะลากกระเป๋าเข้าอยู่สถานีสายหยุดอาจจะเปิดให้บริการก่อนแล้วก็ได้ ฮ่า ๆๆๆ
ข่าวดีก็คือ... ถ้าสถานีสายหยุดเปิดให้บริการเมื่อไหร่ เราลงจากสถานีมาปุ๊ปก็จะเจอกับทางเข้าโครงการพอดิบพอดี
ส่วนใครที่เดินทางด้วยรถยนต์ส่วนตัวเป็นหลัก ตัวโครงการตั้งอยู่ติดกับถนนพหลโยธิน ไม่ไกลจากวงเวียนหลักสี่ หาง่ายครับ
จุดเด่นอีกอย่างของโครงการนี้ก็คือตัวโครงการตั้งอยู่ในทำเลที่ดี ก่อนถึงโครงการผมแอบเห็น Tesco Lotus ด้วยล่ะ
แต่ถ้าใครที่อยู่โครงการนี้จริง ๆ แล้วขับรถส่วนตัวเป็นหลัก ผมแนะนำให้ขับเลยสถานีสายหยุดแล้วไปกลับรถเพื่อเข้าโครงการจะสะดวกกว่า
เพราะจะมี Big C ไว้ให้พวกเราได้แวะช้อปก่อนกลับเข้าสู่โครงการการด้วย เรียกว่าโครงการนี้ถูกขนาบด้วย Tesco Lotus และ Big C เลยก็ว่าได้
ซึ่งถ้าวัดจากระยะทางแล้ว Big C จะใกล้โครงการมากกว่าหน่อย เอาเป็นว่าก็คือเป็นพิกัดที่ดีเนอะ มีห้างให้เลือกขนาบโครงการทั้ง 2 ฝั่งเลย
พักเรื่องทำเลแล้วมาดูตัวโครงการกันบ้างดีกว่า ผ่านไปหนึ่งปี ตอนนี้โครงการเสร็จพร้อมโอนแล้ว จะมีมีอะไรโดนใจชาวติดดอยกันบ้าง
เริ่มจากตัวสำนักงานขายเก่าที่ตั้งอยู่ด้านหน้าโครงการก่อนเลย พอตัวโครงการเสร็จเค้ามีการปรับมาเป็นคลับเฮาส์ให้ลูกบ้านมาใช้งานได้ 24 ชั่วโมง
ซึ่งกิจกรรมในคลับเฮาส์ด้านหน้าโครงการนี้เท่าที่ผมสำรวจแล้วจะเป็นพื้นที่ทำงานหรือศัพท์คุ้นหูอย่าง Co-Working Space นั่นเอง
พื้นที่ใช้สอบภายในมีทั้งหมด 2 ชั้น สามารถรองรับคนใช้งานพร้อม ๆ กันได้ประมาณ 20 คน ชั้นบนจะมีที่นั่งเยอะกว่าข้างล่างหน่อย
แต่ที่ผมชอบก็คือเค้ามีห้องน้ำในตัว และมีลิฟท์ขนาดย่อม ๆ ไว้ให้บริการด้วย ซึ่งตอบโจทย์กับ Universal Design ที่เอื้อต่อการใช้งานของทุกคนนั่นเอง
ถัดมาอีกนิดแต่ยังไม่เข้าโครงการ น้อง ๆ เซลล์กวักมือหยอย ๆ บอกว่าอยากให้แวะมาดูของดีที่เค้าแอบซ่อนไว้อีกจุดก่อน
"ห้องลับ" แอบซ่อนอยู่ด้านข้างของทางเข้าล็อบบี้ กิจกรรมของห้องนี้ก็คือพื้นที่ห้อง "ล็อกเกอร์" แปลกดีใช่มั้ยล่ะ คอนโดที่นี่มีล็อกเกอร์ส่วนกลางด้วย
สาเหตุที่เค้าทำห้องนี้ออกมาก็เพราะตอบโจทย์กับคนรุ่นใหม่ที่มีการค้าขายออนไลน์มากขึ้น เอาไว้ฝากของแล้วให้แมสเซนเจอร์มารับโดยที่ไม่ต้องไปส่งเองงี้ ที่สำคัญเค้ามีที่ให้ลูกบ้านนั่งแพคของด้วยนะ 555
พูดถึงแมสเซนเจอร์แล้วอีกหนึ่งบริการที่มาแรงคงหนีไม่พ้นบริการ "ส่งพัสดุหรืออาหาร" ผ่านแอปพลิเคชั่นต่าง ๆ โครงการนี้เค้าก็ใส่ใจโดยออกแบบให้มีพื้นที่สำหรับรับส่งของด้วย
ที่ผมชอบก็คือเค้าออกแบบให้ตอบโจทย์ยุค New Normal สามารถรับของได้โดยลดการสัมผัส มีลักษณะเป็นเคาท์เตอร์ที่มีแค่ช่องรับส่งของให้เท่านั้น คล้าย ๆ กับเวลาเราไปธนาคารหรือตามห้างต่าง ๆ นั่นเอง
ออกจากห้องลับเลี้ยวขวาเข้าสู่ ล็อบบี้ กันต่อเลย ตัวล็อบบี้โครงการนี้ผมรู้สึกสดชื่นแบบประหลาด มีความโมเดิร์นแต่ก็แฝงพื้นที่สีเขียวอย่างลงตัว
ถึงแม้พื้นที่ล็อบบี้เมื่อเทียบกับจำนวนยูนิตและขนาดของโครงการแล้วจะไม่ได้รู้สึกกว้างขวางซักเท่าไหร่ แต่ถ้ารวมคลับเฮาส์ด้านหน้าที่เปิด 24 ชั่วโมงก็ถือว่าเหลือ ๆ เลย
ผมลืมบอกไป... ความพิเศษอีกอย่างของโครงการนี้คือส่วนกลางเค้าเปิดให้บริการ 24 ชั่วโมง ไม่ใช่แค่คลับเฮาส์ด้านหน้าเท่านั้น!!!
ย้ำอีกที... โครงการนี้มีพื้นที่ส่วนกลางเปิด 24 ชั่วโมง 555 (ค่าส่วนกลาง 49 บาท/ตร.ม.)
ผมว่านี่ข้อนี้แหละที่เป็นจุดขายของเค้าเลย ด้วยความที่ตัวโครงการตั้งอยู่ใกล้กับ สนามบินดอนเมือง มาก เดินทางไม่เกิน 20 นาทีถึง
ซึ่งบุคคลากรที่ทำงานสนามบินนอกจากจะมีกำลังซื้อกำลังเช่าที่พอดิบพอดีกับโครงการแล้ว รูปแบบการใช้ชีวิตที่ไม่เป็นเวลาก็เหมาะเจาะกับพื้นที่ 24 ชั่วโมงเช่นกัน
กลับมาเข้าสู่ตัวโครงการกันต่อ อย่างที่ผมได้บอกไปว่าพื้นที่ภายในของโครงการนี้มีความใส่ใจเกี่ยวกับพื้นที่สีเขียวเป็นพิเศษ
โดยพื้นที่เชื่อมต่อมายังโซนพักอาศัย ทางโครงการก็ยังแทรกพื้นที่สีเขียวมาสร้างความสดชื่นให้เราได้อิ่มเอมตลอดทาง
บริเวณโถงทางเดินของห้องพักอาศัยชั้น 2-6 จะมีรูปแบบเป็นพื้นที่เปิดโล่งด้านล่าง ช่วยให้อากาศเกิดการหมุนเวียน และรู้สึกปลอดโปร่งมากขึ้น
เรื่องห้องตัวอย่างในบทความนี้ผมขอข้ามไปนะ เพราะผมได้เคยพาชมไปในบทความก่อนหน้าแล้ว ซึ่งจากที่ผมสำรวจก็ไม่ได้แตกต่างจากห้องตัวอย่างสมัยในสำนักงานขายเท่าไหร่
อีกอย่าง... ผมอยากพาเพื่อน ๆ ไปส่องพื้นที่ส่วนกลางด้านบนที่น่าจะโดนใจใครหลาย ๆ คนมากกว่า ไหน ๆ เค้าเปิด 24 ชั่วโมงทั้งที เราต้องขยี้ให้สุด 5555
วาปขึ้นมาสู่ชั้น 14 ที่เป็นไฮไลท์ของโครงการกันเลย พื้นที่ชั้นนี้ครึ่งหนึ่งจะเป็นที่พักอาศัย และอีกครึ่งหนึ่งจะเป็น พื้นที่ส่วนกลางที่เปิดตลอดวันตลอดคืน
ไฮไลท์เด่นสุดผมขอยกให้กับห้องออกกำลังเลยนะ เพราะทุกคนจะต้องเพลิดเพลินวิวพาโนรามาเหมือนผมแน่นอน 555
ผมเป็นคนนึงที่เวลาไปออกกำลังกายตามห้างแล้วจะรู้สึกอึดอัด นอกจากเครื่องเล่นจะวางเรียงเยอะจนล้นแล้ว ทัศนียภาพก็ไม่ค่อยสวยงามเท่าไหร่
แต่พอมาที่นี่แล้วความรู้สึกผมมันต่างไปเลย เครื่องออกกำลังกายต่าง ๆ วางเรียงอย่างหลวม ๆ รู้สึกสบายตัวแต่ก็ยังมีจำนวนเครื่องเล่นอย่างครบครัน
ซึ่งระหว่างทางก่อนจะมาห้องออกกำลังกายก็ยังมี CHILLAXING ZONE ไม่ว่าจะดูหนังสักเรื่อง นั่งชิลกับเพื่อนที่บาร์ หรือจัดปาร์ตี้ส่วนตัวก็จัดเต็มไปตลอดเวลาเช่นกัน 555
ลืมบอก... ถ้าใครไปดูโครงการอย่าลืมแวะเข้าไปชมห้องน้ำในชั้นนี้ด้วยล่ะ น้องเซลล์บอกว่าเค้านำเข้าหินจากอิตาลีมาทำห้องน้ำนี้เลยนะ
ระหว่างที่ผมกำลังจะเดินเข้าลิฟท์ไปดูชั้นด่านฟ้า น้องเซลล์ก็รีบวิ่งมาดักหน้าพร้อมบอกว่าขึ้นลิฟท์มันธรรมดาไป ที่นี่มี Spiral Bridge ให้เดินชมวิวไปดาวฟ้าได้!!!
เห้ย!!! ไฮไลท์จะเยอะไปไหน 5555
ซึ่งระหว่างที่เดินบน Spiral Bridge นี้ ใครที่ไม่ชอบความสูงก็อาจจะมีขาสั่นอยู่หน่อย ๆ เพราะระหว่างทางเรามองเห็นวิวด้านล่างหมดเลย
แต่ถ้าใครชอบออกกำลังการแบบเปิดโล่งนี่น่าจะชอบมากเป็นพิเศษ เพราะตัวพื้นเค้ามีการปูพื้นแบบพิเศษที่ช่วยซัพพอร์ตการวิ่งด้วย
และไม่ใช่แค่เพียงทางเดินนี้นะ ทางโครงการทำทางเดินเชื่อมต่อไปยังพื้นที่บนชั้นดาดฟ้าให้สายวิ่งสามารถวิ่งได้อย่างต่อเนื่องด้วย
ซึ่งบนชั้นดาดฟ้านี้จะมี Infinity Lap Pool ให้เพื่อน ๆ ได้ว่ายน้ำพร้อมสัมผัสความงามของเส้นขอบฟ้าด้วยนะ แค่คิดก็ฟินล้าววว 555
และนี่ก็คือความพิเศษของ THE BASE Saphanmai ที่ผมว่าเพื่อน ๆ ชาวติดดอยหลายคนน่าจะชอบ ที่สำคัญนี่ยังเป็น THE BASE เพียงตัวเดียวที่ติดรถไฟฟ้าแบบ 0 เมตร (ในตอนนี้) เลยด้วยนะ!!!
ถ้าใครที่อ่านมาถึงตรงนี้... เพื่อน ๆ คงจะเดาได้ไม่ยากว่าจุดที่ผมชอบที่สุดของโครงการนี้ก็คือ "พื้นที่ส่วนกลาง" นอกจากจะสวยงาม ใช้ได้จริงร่วมสมัยแล้ว ยังเปิด 24 ชั่วโมงใช้งานได้ตลอดวันตลอดคืน
ส่วนตัว "ยูนิตพักอาศัย" ผมค่อนข้างประทับใจที่ทางโครงการเลือกขายแบบ Fully Furnished เพราะสิ่งที่เค้าให้ถือว่าให้แบบคุ้มค่าในราคาที่เราจ่ายไปจริง ๆ
ถ้าใครที่กำลังมองหาโครงการในทำเลรถไฟฟ้าส่วนต่อขยายโซนสะพานใหม่ ผมว่า THE BASE Saphanmai ถือเป็นอีกหนึ่งตัวเลือกทมี่น่าสนใจอยู่เหมือนกัน
ถึงแม้ค่าตัวของโครงการอาจจะจะสูงกว่าเพื่อนบ้านโดยรอบ แต่เทียบกับการเดินขึ้นรถไฟฟ้าแบบ 0 เมตรพร้อมพื้นที่ส่วนกลาง 24 ชั่วโมง ก็ถือว่าเป็นตัวเลือกที่คุ้มค่าอยู่นะครับ :)
“โอ้โห ได้วิวนี้เลยเรอะ คอนโดอยู่ตรงนี้เลยจริงดิ นี่มันอยู่ท่ามกลางดง รีสอร์ท โรงแรม เลยนะ“ ผมเผลอหลุดปากออกมา เมื่อได้เห็นภาพโครงการครั้งแรก
"LIFE สาทร - นราธิวาส 22"...นี่น่าจะเป็น คอนโด LIFE ที่มีคนสนใจมากที่สุดในปี 2025
"KAVALON" พัฒนาโดย "เจ้าพ่อแคมปัสคอนโด" แห่งยุคอย่าง AssetWise ซึ่งนี่ก็เป็นโครงการที่ 6 แล้ว ในโซน ม.กรุงเทพ รังสิต
ในที่สุดที่ดินตรงหัวมุมพญาไท ต้นซอยรางน้ำ ที่ล้อมรั้วกันที่ไว้นานน๊านนานแล้วก็ลุ้นกันอยู่เป็นปีว่าจะขึ้นโปรเจกต์อะไร สรุปวันนี้ก็ได้ออกหัวออกก้อยแล้วในที่สุดครับ
ถ้าใครแวะไปสีลมจะเห็นได้ว่าเดิมทีมันมีที่ดินว่างติด BTS ศาลาแดง บริเวณข้าง Silom Complex อยู่
เอ๊ะ!! ปีนี้แบรนด์ 'Life' จาก AP มาติดๆ กันเลยแหะ!!
วันนี้มีโอกาสได้เข้าไปร่วมฟังเสวนาในหัวข้อ 'อยู่สูงอย่างมั่นใจอาคาร SC ปลอดภัย 100%'
"MX27" ช่วง "อโศก-พร้อมพงษ์" นี่มันดงโรงแรมชัดๆ
เหตุการณ์แผ่นดินไหวเมื่อวันที่ 28 มีนาคม 2568 ที่ผ่านมา แม้ว่าจุดศูนย์กลางจะอยู่ที่ประเทศเมียนมาร์ แต่แผ่นดินไหวครั้งนี้ กลับรู้สึกถึงแรงสั่นสะเทือนได้ถึงกรุงเทพมหานคร ที่อยู่ห่างจากจุดศูนย์กลางไกลนับพันกิโลเมตร
เมื่อคนซาก็ได้เวลาไปกิน "CHICHA San Chen" ชานมไต้หวันฉบับออริจิ้นเทียบเท่ามิชลิน 3 ดาว!
วันก่อนไปเจอคาเฟ่หนึ่งมาครับ ชื่อร้านว่า Second Cafe Wanglang ไม่ใกล้ไม่ไกล อยู่ตรอกวัดระฆัง ตรงวังหลังนี่เอง
เปิดประสบการณ์ "Pavilion Luncheon Experience" เซ็ตอาหารไทยเบาๆ 4 ที่จากโรงแรม Dusit Thani Bangkok