เมื่อประมาณราว ๆ 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา โซเชียลมีเดียอย่างทวิตเตอร์ มีกระแสการพูดถึงและเปรียบเทียบประเทศไทยกับประเทศเกาหลีใต้อย่างกว้างขวาง
เกาหลีใต้นับเป็นประเทศที่เจริญอย่างมากในปัจจุบันนี้ เพราะนอกจากจะเป็นประเทศแห่งนวัตกรรมอันดับหนึ่งของโลกแล้ว (ข้อมูลจาก Global Innovation Index 2019 - การจัดอันดับประเทศทั่วโลกที่มีการลงทุนและพัฒนานวัตกรรมประจำปี 2019) เกาหลีใต้ยังส่งต่อวัฒนธรรมผ่านอุตสาหกรรมบันเทิงที่แพร่สะพัดไปทั่วทั้งโลกไม่ว่าจะเป็นกระแส K-Pop , K-Drama , K- Beauty ฯลฯ อย่างล่าสุดวงการภาพยนตร์เกาหลีใต้เอง ก็ยังได้ไปผงาดบนเวทีระดับโลกด้วยการคว้ารางวัลออสการ์จากหนังเรื่อง Parasite มาแล้ว
ต้องยอมรับว่า ขณะนี้คำว่า "เกาหลี" ค่อย ๆ คืบคลาน และกลายเป็นกระแสหลักในหมู่คนไทยเป็นจำนวนมาก ซึ่งไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจเท่าไหร่นัก หากจะมีการนำมาเทียบกับประเทศไทยอยู่บ่อย ๆ
ซึ่งเหตุผลหลัก ๆ ก็คือ ทำไมเกาหลีใต้ถึงเจริญเติบโตอย่างก้าวกระโดด ทั้ง ๆ ที่ความจริงแล้ว เกาหลีใต้เป็นประเทศที่อยู่ในความขัดแย้งอยู่แท้ ๆ รวมถึงเป็นประเทศที่เพิ่งผ่านสงครามมาไม่นานนัก แล้วทำไมประเทศเค้าไปได้ไกลถึงขนาดนี้ล่ะ?
คำถามนี้ ก็ยังคงเป็นคำถามที่ผมเองก็ยังไม่รู้ว่าจะตอบยังไง แต่เอาเป็นว่า ตั้งแต่เจอทวิตเรื่องนี้บ่อย ๆ เข้าก็ทำให้ผมสนใจเรื่องราวของประเทศเกาหลีใต้ขึ้นมาโดยทันที นอกจากจะไปหาอ่านแล้ว ยังพยายามหาหนังมาดูเพิ่มความอรรถรสอีกด้วย
เช่นเคยครับ เป็นธรรมเนียมดูแล้วเก็บไว้คนเดียวไม่ได้ต้องหยิบมาป้ายยาเพื่อน ๆ กันสักหน่อย ด้วยการชวนดูเกาหลีใต้ผ่านภาพยนตร์ ว่าประเทศเค้าเคยผ่านอะไรมาบ้างกว่าจะเป็นได้อย่างทุกวันนี้
1. Ode to My Father (กี่หมื่นวัน ไม่ลืมคำสัญญาพ่อ)
ภาพยนตร์เรื่องนี้อ้างอิงประวัติศาสตร์เกาหลีใต้หลากหลายเรื่องราวในภาพยนตร์เรื่องเดียว โดยเล่าผ่านตัวละครที่มีชื่อว่า "ดุกซู" ตลอดช่วงชีวิตตั้งแต่วัยเด็กจนถึงวัยชรา หนังเริ่มตั้งแต่เหตุการณ์เมื่อปี 1950 การอพยพของชาวเกาหลีเหนือจากสถานการณ์สงครามเกาหลี (ช่วงที่ทำให้เกาหลีถูกแบ่งออกเป็นสองประเทศ เหนือ-ใต้) ช่วงที่คนเกาหลีใต้นิยมเดินทางไปทำงานเหมืองประเทศเยอรมันในช่วงปี 60's ช่วงที่เกาหลีใต้ส่งกำลังคนเข้าเสริมทัพในสถานการณ์สงครามเย็นประเทศเวียดนามในช่วงปี 80's จนถึงปัจจุบัน ดุกซู จากเด็กชายชาวเกาหลีเหนือที่อพยพมายังเกาหลีใต้ จนถึงชายชราที่ยังคงยึดมั่นในคำสัญญาของพ่อที่พลัดหลในวันที่อพยพ ว่าจะต้องมาเจอกันที่ร้านขายของของป้าในเมืองปูซาน เกาหลีใต้
จากเรื่องนี้เราจะเห็นความบอบช้ำของคนเกาหลีผ่านหลาย ๆ เหตุการณ์ หลาย ๆ ยุคสมัย นอกจากจะได้ความรู้เชิงประวัติศาสตร์แล้ว เรื่องนี้ค่อนข้างสนุกไม่น่าเบื่อ ส่วนตัวผมมองว่าคนที่ไม่ใช่คอหนังประวัติศาสตร์หรือหนังสงคราม ก็สามารถดูได้อย่างสบาย ๆ ครับ ที่สำคัญงานภาพอลังการมาก ๆ ซีนคนเกาหลีเหนือขึ้นเรืออพยพท่ามกลางฤดูหนาวที่หิมะตกหนัก ต้องบอกเลยว่าทุ่มทุนสร้างมาก ๆ เลยทีเดียว มีการถ่ายทำทั้งในและนอกประเทศ (ปล.มีถ่ายทำในประเทศไทยของเราด้วยนะ)
2. May 18 (วันเผด็จการสังหารประชาชน)
ปัจจุบันเกาหลีใต้จัดเป็นประเทศที่มีการปกครองในรูปแบบประชาธิปไตยที่มีเสถียรภาพมากที่สุดเป็นอันดับที่ 21 ของโลก และเป็นอับดับหนึ่งของเอเชีย แต่หากมองย้อนกลับไปเมื่อ 40 ปีก่อน หรือปี 1980 เกาหลีใต้เคยถูกปกครองด้วยระบอบเผด็จการทหารมาก่อน และยังได้เกิดเหตุการณ์นองเลือดครั้งที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์เกาหลีร่วมสมัย นับจากเหตุการณ์สงครามเกาหลี (คาดว่ามีผู้คนล้มตายในเหตุการณ์นี้ราว ๆ 200 คน และบาดเจ็บอีกหลายพันคน) ภาพยนตร์เรื่อง May 18 บอกเล่าเรื่องราวการลุกฮือของประชาชนในเมืองกวางจู เพื่อคัดค้านระบอบเผด็จการของนายพลชอนดูฮวาน ส่งผลให้เมืองกวางจูถูกประกาศใช้กฎอัยการศึกมีการส่งกำลังทหารไปยังเมืองกว่าแสนนาย โดยในขณะที่เกิดเหตุผู้คนภายนอกไม่ได้ล่วงรู้เรื่องราวที่ประชาชนกวางจูการล้อมปราบโดยทหารเลย
ถือเป็นภาพยนตร์ที่ค่อนข้างสะเทือนอารมณ์เป็นอย่างมาก เนื่องจากเรื่องนี้ถูกเล่ามาจากเหตุการณ์ที่เคยเกิดขึ้นจริง มีผู้คนบาดเจ็บล้มตายจริง เป็นหนังการเมืองที่ดูแล้วหดหู่ แต่ก็สนุก ซึ่งน่าตั้งคำถามอยู่เหมือนกันครับว่า กว่าที่ประเทศเค้าจะถูกจัดอันดับให้เป็นประเทศที่มีประชาธิปไตยที่มีความเสถียรภาพมากที่สุดในเอเชีย ก็ยังเคยผ่านเหตุการณ์นองเลือดที่ยังเป็นบาดแผลในประวัติศาสตร์ร่วมสมัยของเกาหลีใต้มาจวบจนถึงปัจจุบัน
3. A Taxi Driver (แท็กซี่สายฮาฝ่าสมรภูมิโหด)
เหตุการณ์เดียวกันกับเรื่อง May 18 ด้านบน โดย A Taxi Driver ถูกนำมาเล่าในอีกมุมมองหนึ่ง เรื่องนี้ถูกนำเสนอผ่านพ่อหม้ายหนุ่มคนหนึ่งซึ่งทำอาชีพเป็นคนขับแท็กซี่ประจำกรุงโซล ที่วันดีคืนดีก็ได้งานใหญ่ เงินหนักเนื่องจากมีนักข่าวชาวเยอรมันคนหนึ่งเหมาจ้างแท็กซี่เป็นเวลา 1 วัน โดยที่เขาจะต้องนำนักข่าวคนนี้เข้าไปยังเมืองกวางจูที่กำลังเกิดเหตุการณ์ประท้วงอยู่
ผมบอกไว้ตอนต้นว่าตลอดระยะเวลาที่เกิดเหตุการณ์นองเลือดในกวางจูนั้น ผู้คนภายนอกไม่รู้เลย แม้กระทั่งแท็กซี่กรุงโซลคนนี้ที่เป็นคนเกาหลีแท้ ๆ ก็ไม่รู้เรื่องเช่นกัน แล้วมันก็ไม่รู้เรื่องด้วยว่านักข่าวเยอรมันคนนี้นี่แหละ ที่จะไปทำข่าวให้คนทั่วโลกได้รู้ว่าเกิดอะไรที่กวางจูบ้าง เรื่องนี้ยังได้รับแรงบันดาลใจมาจากเหตุการณ์จริงที่คนขับแท็กซี่ประจำเมืองกวางจูที่สละรถของตัวเองเพื่อเข้าไปขวางการปราบปรามของเจ้าหน้าที่ ที่กำลังล้อมปราบประชาชน ส่วนตัวผมว่าเรื่องนี้ไม่ได้ดราม่าหนัก ดูแล้วหดหู่หรือเครียดเท่าเรื่องบน เพราะผสมความตลกโปกฮาเข้าไปบ้าง โดยรวมแล้วเป็นอีกเรื่องที่ควรค่าแก่การดูจริง ๆ ยิ่งใครเคยอ่านเรื่องราวเหตุการณ์ก่อกำเริบกวางจูมา เชื่อว่าคงอินและได้อรรถรสไม่น้อยเลยครับ
4. 1987 When The Day Comes
หลังจากเหตุการณ์ May 18 เมื่อปี 1980 เกาหลีใต้ยังคงอยู่ในการเมืองที่ร้อนระอุ เกิดการประท้วงต่อต้านรัฐบาลอยู่เป็นระยะ และแล้ววันนั้นก็มาถึง 1987 When The Day Comes เป็นภาพยนตร์ที่เล่าจากเหตุการณ์จริงเช่นเดียวกันครับ หลังจากนักศึกษาคนหนึ่งเสียชีวิตในระหว่างการสืบสวนของตำรวจ ต่อมาเจ้าหน้าที่ได้ทำการปกปิดสาเหตุการเสียชีวิตต่อสื่อและสาธารณะชนเนื่องจากขณะนั้นเกาหลีใต้ยังคงถูกปกครองด้วยระบอบเผด็จการของชอนดูฮวาน ส่งผลให้มีการควบคุมสื่อและจำกัดเสรีภาพ แต่ในขณะเดียวกันก็ยังมีสื่อบางสื่อและกลุ่มนักศึกษาที่พยายามสืบหาข้อเท็จจริงถึงสาเหตุการตายในครั้งนี้
หลังจากเหตุการณ์การเสียชีวิตของนักศึกษาครั้งนี้ส่งผลให้ประชาชนเริ่มออกมาเคลื่อนไหวกันอย่างต่อเนื่อง รวมถึงมีการเปิดเผยเรื่องราวความจริงในอดีตเมื่อ 7 ปีที่ผ่านมา (เหตุการณ์ May 18 ขณะนั้นถูกจดจำในฐานะประชาชนกวางจูก่อเหตุการณ์จราจล) แน่นอนครับ ภาพยนตร์เรื่องนี้ประสบความสำเร็จเป็นอย่างมาก มีผู้เข้าชมมากกว่า 10 ล้านคน จากประวัติศาสตร์บาดแผลการต่อสู้ของประชาชนที่กว่าวันนั้นจะมาถึง เป็นอีกเรื่องที่ควรค่าแก่การดูยิ่งถ้าใครดู May 18 จบ แนะนำว่าให้ต่อด้วยเรื่องนี้จะยิ่งได้อรรถรสมากขึ้นอีกเยอะครับ
5. 26 Years (26 ปีแค้นนี้ต้องชำระ)
ดูเหมือนเหตุการณ์ที่กวางจูจะเป็นเหตุการณ์ที่สร้างบาดแผลลึกของประชาชนเกาหลีใต้ เนื่องจากเหตุการณ์นี้ถูกนำมาเล่าเป็นภาพยนตร์อยู่บ่อยครั้ง อีกเรื่องอย่าง 26 Years ก็เป็นการอ้างอิงเหตุการณ์ในเมืองกวางจูเมื่อปี 1980 เช่นเดียวกันครับ เรื่องนี้ถูกเล่าผ่าน 4 ตัวละครที่สูญเสียจากเหตุการณ์ครั้งนั้นที่กวางจู น้องชายที่เสียพี่สาว ลูกสาวและลูกชายที่สูญเสียพ่อแม่ รวมถึงทหารที่สูญเสียความรู้สึกในเหตุการณ์นี้ 26 ปีผ่านไป ไม่เคยมีคำขอโทษจากผู้ออกคำสั่งในเหตุการณ์ครั้งนั้น คนกระทำยังคงไม่ได้รับบทลงโทษ ถึงเวลาสักทีที่พวกเขาเหล่านี้จะเอาคืน
ต้องบอกว่าพาร์ทหลังจากปี 1980 เป็นเหตุการณ์ที่ไม่ได้เกิดขึ้นจริงนะ เป็นหนังแนวล้างแค้นตามชื่อไทยนั่นแหละ เป็นการหยิบเอาเรื่องราวในอดีตอันแสนขมขื่นของชาวเกาหลีมาเล่าต่อ ตลอดระยะเวลาที่ชมเรื่องนี้ บอกตามตรงว่าลุ้นมาก ว่าตัวละครจะล้างแค้นสำเร็จมั้ย คนกระทำในครั้งนั้นจะได้รับโทษยังไงบ้าง ซึ่งอันนี้ผมไม่เฉลยนะ ไปดูกันเองดีกว่า อ้อหาดูง่ายมาก ๆ เพราะมีใน Netflix ด้วยนั่นเอง
6. The President’s Barber (ด้วยเกียรติยศของพ่อ)
เรื่องนี้ถือว่าแถม เป็นเรื่องล่าสุดที่ผมเพิ่งดูทาง Netflix เรื่องราวของช่างตัดผมซื่อ ๆ คนหนึ่งที่มีบ้านและร้านตัดผมอยู่ในระแวกเดียวกับทำเนียบประธานาธิบดี เค้าเองไม่ได้สนอกสนใจอะไรในเรื่องราวของการเมืองนัก แค่บ้านอยู่ใกล้ทำเนียบก็เป็นเกียรติมากพอแล้ว วันดีคืนดีก็ดันได้ไปเป็นช่างตัดผมประจำตัวของประธานาธิบดี ปาร์ค จุงฮี (ประธานาธิบดีคนก่อนหน้าชอนดูฮวาน) ขึ้นมาซะงั้น
หนังเรื่องนี้เป็นการนำประวัติศาสตร์มาเล่าอ้างอิง เป็นหนังเมโลกราม่าตลกร้ายแต่ยังแฝงไปด้วยหลายข้อคิดของสถานการณ์ทางการเมือง และผู้มีอำนาจในประเทศขณะนั้น เป็นอีกเรื่องที่หากอยากพักสมองแต่ก็ยังอยากเอาสาระ แนะนำให้เข้า Netflix ค้นหาเรื่องนี้ดูได้เลย
ทั้งหมดก็เป็นภาพยนตร์ที่อยากจะหยิบยกมาเล่าให้ฟังกัน จริง ๆ เชื่อว่าคงมีอีกหลายเรื่องที่น่าสนใจแหละ ต้องยอมรับจริง ๆ ว่ากว่าที่ประเทศเกาหลีใต้จะแข็งแกร่ง และเจริญอย่างทุกวันนี้ ประเทศเค้าเองก็ผ่านบทเรียน และเรื่องราวอันแสนเจ็บปวดไม่น้อยเลย
สุดสัปดาห์แบบนี้ ใครยังไม่รู้จะทำอะไร ก็ลองหาภาพนตร์ทั้ง 5 เรื่องนี้ชมได้ครับ รับรองว่านอกจากจะสนุกแล้ว เรายังได้เห็นเกาหลีใต้ในอีกแง่มุมที่เราอาจจะไม่เคยรู้มาก่อนเลยก็ได้นะ
Tag : ติดดอยคอยดู | หนังเกาหลี | ภาพยนตร์เกาหลี
นี่คือคอนโดที่ใกล้ "ลานชมเมืองภูเก็ต" บนเขารังมากที่สุด ทำให้คุณเห็นวิวเมืองภูเก็ตสวยๆตัดภูเขา ทะเล และท้องฟ้า ได้อย่างเต็มตา
ไม่อยากจะเชื่อว่า คอนโดที่มีค่าตัวเริ่มระดับ 7 หมื่นกลางๆ/ตร.ม. จะให้ สุขภัณฑ์อัตโนมัติ WASHLET (แบบที่ใช้ที่ญี่ปุ่นอ่ะ)
นอกจากทำเลติดถนนพระรามสี่อันโดดเด่นแล้ว ความน่าสนใจของ "The Crown Residences" แห่งนี้ ก็คือ "วิว" ที่หาได้ยากกกมว๊ากกกนี่ละ
เจ้าพ่อทำเลริมถนนเพชรเกษมนี่จะเป็นใครไปไม่ได้แล้วนอกจาก "ชัยพัฒนาที่ดิน"
"Asakan Elysium Phahol 59 Station" (อัสสกาญจน์ อีลิเซียม พหลฯ 59) จาก ASAKAN DEVELOPMENT คอนโดใกล้รถไฟฟ้าสถานีพหลโยธิน 59 เพียง 50 ม. เท่านั้น!!
'So Origin Sukhumvit 105' (โซ ออริจิ้น สุขุมวิท 105) ถ้ารู้สึกว่าชื่อมันฟังดูแล้วคุ้นๆ หูจังแหะ ใช่ครับ มันคือตัวเดียวกับ 'โซ ออริจิ้น ลาซาล' นั่นแหละ เปลี่ยนตัวห้อยท้ายนิดหน่อย (แต่ส่วนตัวแอบชอบชื่อเก่ามากกว่า)
ไหนใครกำลังจะรีไฟแนนซ์กันบ้าง ใครกำลังผ่อนบ้านอยู่เพลิน ๆ นี่ห้ามลืมเด็ดเลยนะ เพราะหนี้บ้านพอพ้น 3 ปีแรก ดอกเบี้ยจะพุ่งขึ้นแบบก้าวกระโดดเลย
วันเพ็ญเดือนสิบสอง น้ำก็นองเต็มตลิ่ง...
ใกล้รถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน MRT พระราม 9 ประมาณ 420 ม. เป็นรถไฟฟ้าสายสำคัญวิ่งเป็น Loop เชื่อมกับรถไฟฟ้าสายอื่นมากมาย จะไปไหนก็ง่ายดาย
‘ภูมิสถาปนิค‘ ท่านหนึ่งบอกกับผมว่า “Lanscape โครงการนี้สวยที่สุดเท่าที่เคยเจอมา ไม่มีที่ไหนใกล้เคียงความเป็น ‘สวนแบบ Classic’ ที่เป็น ‘quite luxury’ ได้เท่านี้แล้ว“
เฮ้ย! เนื้อที่ดีมันเป็นแบบนี้นี่เอง 5555
นูเทลล่า ทำมาจากถั่วเฮเซลนัท และ ช็อคโกแล็ต ช็อคโกแล็ตมาจากต้นโกโก้ ถั่ว และ โกโก้ = พืช พืช = ผัก กินผัก = ผอม โอเค กินเมนูนี้ได้แบบไม่รู้สึกผิดแล้ว 5555