สวัสดีครับ ติดดอยคอยดื่ม คราวนี้ ขอแถม ติดดอยคอยกิน มาด้วยนะครับ
ไหนๆเจออาหารอร่อยแล้ว ก็เลยไม่อยากจะอ้วนคนเดียว อยากชวนทุกท่านมาอ้วนเป็นเพื่อนกัน 555
ครั้งนี้ขออนุญาตพากลับมาชิมดื่มกันที่ร้าน Peppina สาขาท่ามหาราช กันอีกสักครั้ง
อย่าพึ่งเบื่อก่อน และผมไม่เคยรู้จักอะไรเป็นการส่วนตัวกับร้านนี้นะ
แค่บังเอิญมาทำธุระแถวนี้บ่อยมาก
ไม่ได้ค่าโปรโมทแต่อย่างใด แต่ถ้าจะให้ ก็ไม่ว่ากันนะครับ 555
เอาล่ะ มาเข้าเรื่องเบียร์ของเรากันดีกว่า
แน่นอนครับ ร้านอาหารอิตาเลี่ยนก็ต้องชิมเบียร์อิตาลี
สำหรับวันนี้เป็นคิวของ Duchessa จาก brewery ที่ชื่อว่า Birra Del Borgo ขวดใหญ่ขนาด 750 ml. ABV. 5.8%
สำหรับเบียร์ขวดนี้ ถูกจัดอยู่ในหมวด Saison หรือ Farmhouse Ale
ถ้าบางท่านไม่ทราบว่าคืออะไร ก็อ่านบรรทัดต่อไปได้เลยครับ
เรามาทำความรู้จักกับ Saison จากข้อมูลใน beerwiki กันก่อนดีกว่า
คำว่า Saison เป็นภาษาฝรั่งเศส (ออกเสียงว่า เซ-ซอง โดยที่เน้นเสียงสูงคำแรก) แปลเป็นภาษาอังกฤษว่า Season นั่นเอง
เดิมถูกทำขึ้นในแถบการเกษตรของเบลเยียม ที่มีการใช้ภาษาฝรั่งเศสในการสื่อสาร ทำขึ้นสำหรับให้คนงานดื่มเพื่อความสดชื่น
ดังนั้นมันจึงจะเน้นซ่าๆ สดชื่นๆ และดีกรีไม่สูงมาก
อย่างไรก็ดี ถึงแม้ว่าเบียร์ชนิดนี้จะได้รับความนิยมพอสมควร และแพร่หลายไปยังหลายๆประเทศในยุโรป
เบียร์ชนิดนี้ก็ยังไม่มีลักษณะเด่นเพียงพอให้มันได้รับการจัดเป็นเบียร์ชนิดหลักๆ
โดยมันถูกจัดให้อยู่ในหมวด Pale Ale ซะเป็นส่วนใหญ่ และบ่อยครั้งที่มันได้รับชื่อเล่นว่า Farmhouse Ale ตามต้นกำเนิดของมัน
ตามตำราแล้ว Saison มักจะมีลักษณะซ่า (high carbonation), fruity, spicy และส่วนใหญ่จะเป็นชนิด bottle conditioned (เบียร์ที่ทำปฏิกริยาในขวด และเกิดฟองโดยธรรมชาติในขวด)
ลองสั่ง Duchessa มาเลยดีกว่า
แว่บแรกที่เห็นคือขวดสวยหรูมากมาย หน้าตาเหมือนขวดไวน์เท่ห์ๆมากกว่าเบียร์นะ
ฉลากสวยงามมีข้อมูลเท่าที่จำเป็นตามสไตล์การออกแบบของอะไรก็ตามที่เป็นอิตาลี
เสริฟเบียร์ด้วยแก้วก้านทรงทิวลิป เบียร์สีทองๆส้มๆงดงาม ฟองไม่หนามาก แต่ดูแน่นและไม่ยุบง่ายๆ
สรุปว่า ‘To the eyes’ ผ่านฉลุยได้ไป 5 กะโหลกไปเลย
ลองยกแก้วขึ้นดม
ได้กลิ่นผลไม้อ่อนๆ หอมแบบซ่อนตัวนิดๆ ไม่ได้ฟุ้งออกมารุนแรง แต่กลิ่นแบบว่าน่าค้นหาชะมัด
‘To the nose’ ก็ผ่านสบายๆตาม character ของเค้านะ
ลองชิมเลยดีกว่า
มีรสซ่านำ ตามด้วยรสผลไม้ซึ่งมีความลงตัวของผลไม้เปรี้ยวและหวาน
มีรสขมติดลิ้นนิดหน่อย (สำหรับนักดื่มสายที่ชอบฮ๊อพอาจจะอยากได้ความขมมากกว่านี้นะ)
ดื่มง่าย ลงตัว สดชื่น อร่อยมาก อาจจะซ่ากว่าเบียร์ทั่วไปหน่อย แต่ว่าก็เหมาะกับอากาศร้อนๆของบ้านเราชะมัด
‘To the mouth’ ก็ clear กันได้สบายๆ
ดื่มแล้วอยากจะเข้าไปกราบคนปรุงเบียร์ชะมัด
ทุกอย่างลงตัวละมุนละไมไปซะหมด ดื่มแล้วอยากดื่มต่อแน่นอน
ส่วน After taste มีรสเบียร์ติดลิ้นพอสมควร
แต่ไม่ได้พลุ่งพล่านหรือขมติดลิ้นอย่างพวก IPA ถ้าจะได้คะแนนน้อยสุดก็หมวดนี้ล่ะ
แต่ถึงยังไงก็ยังสอบผ่านนะ
เบียร์ระดับนี้เล่นเอาผมอยากลองสำรวจเบียร์สาย Saison กันต่อเลยทีเดียว
มาที่อาหารกันบ้าง
ไหนๆก็เกริ่นนำแต่แรกว่า ตอนนี้มีพ่วงติดดอยคอยกินกันด้วย
มื้อนั้นโต๊ะผมสั่งอาหารสี่อย่างครับ
จานแรกเป็น beetroot salad
เสริฟมาดูน่ากินมาก beetroot ที่นี่หอมหวานมากครับ
ถึงจะดูป่าๆหญ้าๆหน่อย แต่สลัดจากนี้อร่อย และทานง่ายมาก
ขนาดคนไม่ค่อยทานผักอย่างผมยังชอบเลย
นำสลัดคลุกเคล้ามาเปรี้ยวๆหอมๆลงตัวมาก
จานต่อมาเป็น Pizza Ham (ขออภัย ผมจำชื่อ Ham ไม่ได้ คล้ายๆ Parma Ham แต่ไม่ใช่)
ถ้าคุณมา Peppina ผมบอกเลยว่า Pizza นี่เป็นอะไรที่คุณต้องสั่ง
ทีเด็ดเค้าอยู่ที่แป้งพิซซ่าที่อบมาด้วยความร้อนที่พอดิบพอดี
จานนี้ผมบอกเลยว่า เด็กๆแย่งกันกินขอบพิซซ่านะ
ไม่ใช่ว่า Ham ไม่อร่อยนะ แต่ว่าแป้งเค้ามันเป็นทีเด็ดกว่า
เคี้ยวได้สนุกปากมาก มีรสเค็มล่อน้ำลายเล็กน้อย
สั่งมาเท่าไรก็เกลี้ยง ไม่เคยพอสักครั้ง
จานต่อมาเป็น Cold Cuts
ซึ่งก็คือแฮมชนิดต่างๆ 4-5 อย่าง หั่นสดๆจากในครัวเสริฟพร้อมกับแป้งพิซซ่า (อีกแล้ว แต่ก็หมดนะ แป้งถังนี้) และเครื่องเคียงที่เป็นของหมักดองต่างๆ เช่น มะกอก, ตับบด, แครอท, ปลาเค็มฝรั่ง
จานนี้ชนะเลิศเรื่องรูปลักษณ์
ผมสังเกตว่าสั่งกันหลายโต๊ะมาก โต๊ะไหนสั่งมาพอโต๊ะอื่นเห็นก็สั่งตาม
สำหรับรสชาตต้องบอกตรงๆว่า แฮมค่อนข้างเค็ม และมันสำหรับผม
เครื่องเคียงก็เค็มตามท้องเรื่องอยู่แล้ว
ถ้าไม่มีแป้งพิซซ่าจืดๆมาตัดนี่ คงลำบากเหมือนกัน
แต่จานนี้เข้ากับเบียร์ Duchessa ได้ดีเลยล่ะ
จานสุดท้ายเป็น pan-fried Seabass
จานนี้ทำออกมาได้ดีกว่าที่ผมคิดไว้
เนื้อปลากำลังนุ่มสุกพอดี มีความฉ่ำ ไม่แห้งเลย
หนังปลา กรอบอย่างไม่น่าเชื่อ
ผักที่เสริฟคู่กัน ก็อร่อยมาก
ไม่ชอบอย่างเดียวคือ ซอสแดงๆที่เสริฟมาด้วยผมว่ารสชาตแปลกๆ แต่ไม่เป็นไร ไม่ทาซอสก็อร่อยสุดๆอยู่แล้วนะ
โดยรวมแล้วอาหารวันนี้เข้ากันได้ดีกับเบียร์ Duchessa เลยล่ะ
กลับมาที่บทสรุปของเบียร์ดีกว่า
ก่อนที่คอลัมน์นี้จะกลายเป็นคอลัมน์ชวนชิมไปซะก่อน 555
สรุปว่า Duchessa โดย Birra Del Borgo ตัวนี้ “highly recommend” เลยครับ
ดื่มง่าย อร่อย ดีกรีไม่แรง ซ่าๆหน่อยเหมาะกับอากาศร้อน ดื่มแล้วสดชื่นมากๆ
เบียร์ตัวนี้เห็นขายใน wishbeer ที่ 650 บาท
สำหรับราคาในร้านอาหาร ถ้าผมจำไม่ผิดน่าจะประมาณ 750 บาท
ราคาสูงนิดๆแน่นอนสำหรับเบียร์ขวดใหญ่ใน segment นี้
แต่รับรองว่ารสชาตคุ้มราคาแน่นอน ควรจะลองชิมด้วยประการทั้งปวง
ผมว่าเบียร์ดาวเดียวยอดฮิต Estrella Damm Inedit ที่เคยครองอันดับบนๆของเบียร์พรีเมียมตามร้านอาหารฝรั่งในเมืองไทย ได้เจอคู่แข่งที่สมน้ำสมเนื้อแล้วล่ะ
สำหรับใครที่ยังไม่เคยอ่าน Estrella Damm สามารถตามไปอ่านต่อได้ที่ link นี้เลยครับ