เคยจินตนาการกันเล่น ๆ ไหมครับว่า ในอีก 10 ปีข้างหน้า ชีวิตของเราจะเป็นอย่างไรบ้าง?
ในความเป็นจริงแล้ว การคิดถึงเรื่องอนาคต ไม่ใช่เรื่องผิดปกติของมนุษย์ แต่ถ้าให้นึกถึงตัวเองในอีก 10 ปีข้างหน้า นึกยังไง ก็นึกไม่ออก แต่กลับกันถ้าหากเรานึกถึงเรื่องในอดีต หากไม่ใช่คนขี้ลืม ความจำสั้น ก็คงพอนึกออกกันอยู่บ้าง
สิ่งนี้เป็นสิ่งที่ผมฉุกคิดขึ้นมาระหว่างที่กำลังไปเจอนิทรรศการหนึ่ง ที่มีชื่อว่า A Little Letter From Someone Somewhere นิทรรศการนี้จัดขึ้น ณ JWD Art Space ซอยจุฬาลงกรณ์ 16 แถว ๆ บรรทัดทองนี่เอง
ด้วยความที่ไอไลท์ที่น่าสนใจของนิทรรศการนี้คือการให้ผู้เข้าร่วม สามารถเขียนจดหมายถึงตัวเองในอนาคตอีก 10 ปีข้างหน้า
พร้อมตู้ไปรษณีย์สีแดงที่พ้นสีตรงตู้ไว้อย่างชัดเจนว่า "เวลาไขโดยประมาณปี พ.ศ. ๒๕๗๓" บวกลบ ก็เป็นระยะเวลา 10 ปี พอดี
จริง ๆ แล้วไฮไลท์นี้นับเป็นจุดดึงดูดที่ทำให้ผมอยากจะเข้าไปเชยชมนิทรรศการแห่งนี้ โดยที่ยังไม่รู้เลยว่า ตัวงานศิลปะอื่น ๆ นั้นสื่อถึงอะไร แค่เพียงอยากเข้าไปส่งจดหมายหาตัวเองในอนาคตแค่นั้น
แต่พอเข้าไปชมแล้ว ตัวนิทรรศการน่าสนใจไม่ใช่เล่นจนอยากเอาเขียนเชิญชวนคนอื่น ๆ ให้ไปสัมผัสงานศิลปะพร้อมกับเสียงเพลงกันที่นี่ครับ
A Little Letter From Someone Somewhere คือนิทรรศการศิลปะครั้งใหม่ของ Suntur (ซันเต๋อ) ด้วยการส่งต่องานศิลปะใหม่ 26 ชิ้นที่เปรียบเสมือนจดหมายจากใครสักคน ส่งถึงผู้ชมทั้งผ่านสายตาและผ่านเสียงจากเพลงประกอบที่ทำขึ้นมาจาก 26 ศิลปิน
ตัวนิทรรศการจัดขึ้นที่ JWD Art Spac ชั้น 3 ผมมานิทรรศการในวันปกติครับ ทีแรกก็คิดว่า มาวันธรรมดาคนคงไม่เยอะมากเท่าไหร่ แต่ผมคาดเดาผิดไปเยอะครับ เพราะขนาดเป็นช่วงวันปกติ(ที่ไม่ใช่ตอนเย็น) ก็ยังมีคนเยอะมาก ๆ อยู่ดี
ประเมินจากสายตาน่าจะเป็นกลุ่มวัยรุ่น นักศึกษา ที่เข้ามาดื่มด่ำ และศึกษางานศิลปะกันเสียส่วนใหญ่ ทุกคนในนิทรรศการ ต่างก็มีหูฟังกันคนละอันพร้อมกับมือถือสำหรับการสแกนคิวอาร์โค้ดด้วย
คิวอาร์โค้ดที่ผมพูดถึง จะอยู่ด้านล่างของรูปวาดที่จัดแสดงอยู่ทุกภาพ เพียงแค่เราเปิดมือถือสแกนคิวอาร์โค้ดก็จะพาเราไปฟังเพลง พร้อมยืนชมงานศิลปะ ซึ่งก็ได้อรรถรสดีไปอีกแบบนะ เพราะเหมือนเป็นความทำความเข้าใจงานศิลปะที่นอกจากผ่านการมอง ก็ยังเป็นการฟังมาช่วยเสริมอีกด้วย
ส่วนบรรดาศิลปินทั้ง 26 คนที่มาร่วมงานในครั้งนี้ ล้วนแล้วแต่เป็นศิลปินชื่อดังที่เมื่อพูดชื่อไปแล้วหลายคนคงร้องอ๋อกันอย่างแน่ ๆ เช่น Gongkan, พงษ์สิทธิ์ คําภีร์, ป๊อด-ธนชัย อุชชิน, อะตอม ชนกันต์, แสตมป์ อภิวัชร์, Polycat, Lula, Funky Wah Wah, นวพล ธำรงรัตนฤทธิ์, Another Day Another Render, Safeplanet, Wanyai, Boss Kuno, Stoondio, The 10th Satueday, Q Flure และ Salaporr (ผมแอบยกบางส่วนให้ฟัง ให้ชมแบบเรียกน้ำย่อยสำหรับคนที่ยังไม่ได้มาชมนิทรรศการด้วยนะ)
1. Let’s get lost. - Ink Waruntorn x Suntur
2. Stamp x Suntur - SKY
3. Suntur x Lula . Please Ask . A Little Letter From Someone Somewhere
4. SOMKIAT x SUNTUR - can i wait.
5. ATOM x SUNTUR - I'm Coming Home
เพลงนี้ถูกเขียนขึ้นสำหรับภาพนี้ ซึ่งเป็นภาพที่นกกำลังคาบอาหารกลับบ้าน เต๋อเล่าว่านี่คือภาพที่ชอบมากๆ เป็นช่วงชีวิตที่ตัดสินใจว่าจะต้องกลับบ้านไปดูแลครอบครัวได้แล้ว เรารู้สึกถึงความคิดถึงและความอ่อนล้า ต้องการที่จะกลับรัง จริงๆ ไม่ได้ตั้งใจให้เป็นเพลงภาษาอังกฤษ แต่เนื้อเพลงที่ผุดขึ้นมาในหัวตอนนั้นคือประโยคว่า 'Did you see me in the cloud, Did you hear me from the sky?' ส่วนที่เหลือของเพลงจึงตามมา เราอยากให้เพลงมีทั้งความเหงา ความคิดถึงและความยินดีที่ได้กลับไปเจอคนที่รัก
6. Stoondio x Suntur - It's doesn't matter how old you are.
เพลงประกอบภาพประกอบของ Suntur ครั้งแรกที่เขียนเพลงแทนความคิดของ "หมา" "แมว" วันนึงเราจะรู้ความหมายที่มันน่ารักกับเรา เพราะเวลาในชีวิตพวกมันไม่นานขนาดพวกเรา
ผมหยิบยกมาแค่คร่าว ๆ เชื่อว่ามีศิลปินที่หลาย ๆ คนรู้จักกันอยู่บ้างแน่ ๆ ผมชอบนะ นิทรรศการที่ต้องใช้ทั้งหูฟังและตามอง รูปบางรูปที่เราอาจจะตีความหมายไม่ได้ว่าเป็นยังไง พอไปสแกนคิวอาร์โค้ดฟังเพลง มันก็เข้าใจได้ง่ายขึ้นแฮะ
อีกทั้งผมว่า วิธีนี้ยังเป็นเหมือนการเข้าถึงกลุ่มคนที่ชอบศิลปะได้อย่างทั่วถึง คือไม่จำเป็นต้องมาถึงที่นิทรรศการก็ได้ เพราะสามารถสัมผัสงานศิลปะของ SUNTER และ ศิลปิน ที่มาร่วมสร้างเสียงดนตรีให้งานศิลปะสมบูรณ์ยิ่งขึ้น
นิทรรศการนี้จัดขึ้นตั้งแต่วันนี้ - 26 พ.ย. 63 เวลา 10:00-19:00 น. ที่ JWD Art Space ชั้น 3 ซ.จุฬาลงกรณ์ 16 MRT สามย่าน (ปิดวันจันทร์) ที่สำคัญ เข้มฟรีด้วยนะ
ไปร่วมเขียนจดหมายถึงตัวเองในอนาคต เดินชมงานศิลปะสวย ๆ พร้อมฟังเพลงเพราะ ๆ ด้วยกันนะครับ :)
Tag :
“ได้วิวแม่น้ำ สวยขนาดนี้เลยรึนี่?!“ เป็นความรู้สึกของผมตอนที่ขึ้นไปชั้น 38 วิวสวยแบบไม่มีอะไรมาบดบังเลย มีมุมที่เห็นสวนเบญจกิติด้วย
สำหรับผมแล้ว BTS สถานี "ห้าแยกลาดพร้าว" เป็น สถานี Interchange กับ MRT ที่ผมชอบที่สุด และมักจะเป็นทำเลที่ผมแนะนำ ให้คนมาอยู่อาศัยมากที่สุดอันดับต้นๆเลย
มีความท้าทายเล็กๆ กับการเปลี่ยนอดีต ’สถานทูตออสเตรเลีย‘ ให้กลายมาเป็น ‘Luxury Condo’ และ ’Mixed-Use’ ระดับ ’iconic’ ริม ’ถนนสาทร‘
'เกือบหลับ แต่กลับมาได้' จะมีโครงการไหนกันเชียวที่จะเหมาะกับคำนี้ ถ้าไม่ใช่ 'Hyde Riverbay Charoennakorn' (ไฮด์ ริเวอร์เบย์ เจริญนคร)
โครงการใหม่ของ Major ที่แน่มาก แกร่งมาก เพราะไม่หวั่นไหวกับการต้องถูกขนาบข้างโดย Sansiri แบบรั้วชนรั้วเลย!
'dcondo calm Ramkhamhaeng 40' (ดีคอนโด คาล์ม รามคําแหง 40) ก็เป็นอีกโครงการที่ผมบอกเลยว่า คุณจะลืมภาพจำของแบรนด์ดีคอนโดแบบเดิมๆ ไปแทบหมดสิ้น เพราะโครงการนี้ เค้าอยู่ใกล้รถไฟฟ้าถึง 2 สาย ทั้งสายสีส้มและสายสีเหลือง!!!
ไหนใครกำลังจะรีไฟแนนซ์กันบ้าง ใครกำลังผ่อนบ้านอยู่เพลิน ๆ นี่ห้ามลืมเด็ดเลยนะ เพราะหนี้บ้านพอพ้น 3 ปีแรก ดอกเบี้ยจะพุ่งขึ้นแบบก้าวกระโดดเลย
ขออวดว่าผมได้รีวิวหนังสือเล่มนี้ก่อนหนหน้านี้แล้วด้วยนะ อิอิ แต่ที่จริงผมไม่ได้ตั้งใจรีวิวหรอก แต่เป็นคนอ่านหนังสือแล้วชอบ ‘Short Note’ ประโยคดีๆ คมๆ เก็บไว้ แต่ปรากฏว่ามันโดนบาดเยอะมาก จนสามารถเอามาลงในเพจได้เลย
ช่วงนี้ผมชอบเข้าไปดูงานออกแบบของ Foster + Partners บ่อยสุดๆ คือรู้สึกได้เลยว่าเราอินกับสไตล์การออกแบบของเค้ามากๆ ซึ่งถ้าใครไม่รู้ว่าเค้าคือใคร Foster + Partners คือบริษัทที่ออกแบบ Apple Store ตรงเซ็นทรัลเวิลด์ นั่นแหละครับ น่าจะพออ๋อกันขึ้นมาบ้างเนอะ
ยุคนี้ใครเค้าเที่ยวต่างประเทศกัน คนรวยเค้าเที่ยวนอกโลกครับ!
Apple Store นี่ไม่ว่าจะไปเปิดสาขาที่ไหน ก็สามารถกลายเป็นแลนด์มาร์คของที่นั้นๆ ได้ตลอด ล่าสุดเค้าเพิ่งเปิดสาขาใหม่ที่ประเทศมาเลเซีย ไปหมาดๆ เมื่อวันที่ 22 มิถุนายน ที่ผ่านมานี่เอง ซึ่งนี่เป็นสาขาแรกของมาเลเซีย
เดือน 7 กำลังจะผ่านพ้นอีกแล้วนะครับ ตอนนี้อากาศกำลังชุ่มฉ่ำแบบสุด ๆ ไปเลย ซึ่งหลายเดือนที่ผ่านมามีสัญญาณว่าดอกเบี้ยแบบคงที่เริ่มกลับมาแล้วนะ