ได้ฤกษ์หนีมาดื่มกันอีกแล้วจ้า

        และแน่นอนว่าเพื่อไม่ให้หลุดคอนเซ็ปต์ความเป็นเว็บอสังหาที่มี upside down เป็นเว็บของกิน กลับมาหนนี้ผมเลยไม่พลาดที่จะตอกย้ำจุดยืนของเราเสียหน่อย อุว่ะฮะฮ่าาาา

        และร้านที่กระผมเลือกมาฝากกันวันนี้เค้าเป็นทั้งคาเฟ่และโฮมสเตย์สุดชิคแห่งย่านเยาวราชที่ตอนนี้กำลังได้รับการพูดถึงกันเลยครับ

        ร้านที่ว่าคือร้าน "350 Station Cafe & Homestay" เป็นคาเฟ่น้องใหม่ที่ผมบอกเลยว่าสายวินเทจ “ห้ามพลาด” เลยทีเดียว!

        แต่ถ้าพูดให้ถูกก็คือ ใครที่เป็นสายชิมแอนด์แชร์นั้นควรไปตำอย่างยิ่ง เพราะที่ร้านนี้มีทั้งกาแฟ ขนม และอาหารคาวให้บริการกันแบบครบครันเลยครับ

        เรียกได้ว่าเข้าไปแล้วจะรู้ได้ทันทีเลยว่า ร้านนี้เหมาะจะไปชิมและถ่ายภาพแชร์ในโซเชียลมีเดียมากๆ!

        ตัวร้านตั้งอยู่เนียนๆ ตรงวงเวียน 22 กรกฏาคมของเยาวราชครับ แถวปากทางถนนไมตรีจิต สามารถเดินทางมาได้โดยการนั่งรถไฟฟ้า MRT สถานีวัดมังกรหรือสถานีหัวลำโพงแล้วเดินต่อมาอีกไม่ถึง 10 นาที มองหาตึกแถวที่มีหน้าร้านเก๋ๆ แวบเดียวก็เจอเลย

        "350 Station Cafe & Homestay" เป็นร้านรูปแบบตึกสองชั้น ที่ตัวผมรู้มาว่าตึกนี้เดิมทีเป็นร้านขายอะไหล่รถจักรยานยนต์มาก่อนด้วย

        ดังนั้นสภาพดั้งเดิมของตัวตึกเลยจะเต็มไปด้วยคราบน้ำมัน และค่อนข้างเก่าทรุดโทรมอยู่บ้างครับ เพราะตัวตึกมีอายุมานานกว่า 70 ปีแล้ว!

        แต่หลังจากทำการรีโนเวทเรียบร้อยก็ได้เผยโฉมใหม่เสียที แม้จะเป็นตึกแถวธรรมดาที่มองจากด้านหน้าอาจคิดว่าเป็นร้านเล็กๆ แคบๆ แต่ถ้าได้ลองเดินเข้าไปด้านในแล้วจะพบว่าตัวร้านมีเนื้อที่เป็นตอนลึกที่กว้างมากทีเดียว

        ด้านหน้าร้านเป็นประตูบานเฟี้ยมที่แค่มองก็ได้กลิ่นอายยุคเก่าแล้ว เพราะที่นี่เค้าสร้างโดยอิงจากบรรยากาศในยุคก่อตั้งวงเวียน 22 กรกฎาคม เมื่อปี 1945 หรือในยุคสงครามโลกครั้งที่ 2 นั่นเองครับ

        ความวินเทจของร้านคือเหล่าสถาปัตยกรรมสไตล์ชิโนโปรตุกีส เป็นการผสมผสานมนต์เสน่ห์ของความคลาสสิกระหว่างสถาปัตยกรรมเก่ายุโรปกับจีนได้อย่างลงตัวทีเดียว

        โซนคาเฟ่ของเรานั้นตกแต่งด้วยเฟอร์นิเจอร์ที่มีกลิ่นอายวินเทจจัดเต็มมากๆ ทั้งโต๊ะไม้แบบคลาสสิก หรือตู้หนังสือที่มีของประดับตกแต่งในยุคเก่า ด้านหลังร้านเป็นเคาน์เตอร์บาร์สำหรับสั่งออเดอร์ ส่วนพื้นที่ทำกาแฟจะอยู่เข้าไปด้านใน

        ด้วยความที่ร้านตกแต่งด้วยของสะสมสุดคลาสสิกยุคสงครามโลกจากทั่วทุกมุมโลก ทำให้มีมุมถ่ายรูปสวยๆ หลายมุมเลย ที่สำคัญย้ำอีกครั้งว่าถ้ามองจากด้านนอกร้านอาจดูเล็ก แต่ความจริงด้านในกว้างขวางมากเลยนะ อย่าลืมเดินเข้าไปส่องกัน

        ในเรื่องของการรีโนเวทนั้นน่าสนใจดีครับ คือร้านเค้ากระเทาะโครงสร้างเดิมออกก่อนทั้งหมดจนเหลือแค่โครงเปลือยๆ ที่เป็นส่วนที่แข็งแรงที่สุดเอาไว้ (เห็นว่าพื้นเป็นไม้พะยูงเสียด้วย ฮะฮ่า ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าของดี)

        เดิมตัวอาคารมีทางเข้าสองทางคือด้านหน้ากับด้านหลัง แต่เห็นว่าด้านหลังถูกปิดไว้ด้วยรถสิบล้อที่จอดมานานหลายสิบปี ทางนี้เค้าเลยตัดสินใจปิดทางออกทางด้านหลัง แล้วก็สร้างเป็นห้องน้ำจะได้ใช้ฟังก์ชั่นในเรื่องของเนื้อที่ให้เป็นประโยชน์เนอะ

        ส่วนระบบไฟก็เป็นระบบไฟเปลือยทั้งตึกครับ ได้อารมณ์ไปอีกแบบ

        ด้านบนชั้นสองมีห้องพักด้วย สามารถเดินเข้าไปถ่ายรูปได้นะ พื้นที่โซนนี้คือเค้าเปิดให้เข้าพักได้ครับ ร้านบอกว่าเริ่มมีคนติดต่อเข้ามาแล้วเหมือนกัน แต่ทางร้านเองอยากจัดการกับบางส่วนอีกเล็กน้อย รอเปิดให้บริการในรูปแบบของโฮสเทลแบบเต็มที่เร็วๆ นี้อีกที

        เอาเป็นว่าส่วนตัวผมชอบสไตล์การรีโนเวทของร้านมากๆ ชอบการที่ทุกซอกทุกมุมในอาคารมันสามารถเดินเชื่อมกันได้หมด ชอบความหลอกตาของตึกด้วยเพราะด้านในมันลึกกว่าที่คาด

        สไตล์ร้านเข้ากันได้ดีกับบาร์กาแฟที่ใช้อิฐบล็อกมาก่อขึ้นเป็นเคาน์เตอร์ครับ บวกของตกแต่งเก่าๆ คลาสสิกที่สรรหามาจากทั่วทุกมุมโลก (ทั่วโลกจริงๆ นะ เห็นว่าอิมพอร์ตมาจากหลายประเทศเลย) มันเลยเหมือนหลุดออกมาจากอีกยุคหนึ่งดี

        เอาเป็นว่าตรงส่วนนี้ ใครที่อยากเข้าไปอ่านในเรื่องของการรีโนเวทแบบเต็มๆ สามารถไปอ่านได้ที่กระทู้ Pantip ของร้านได้เลยครับ น่าสนใจมาก

        มาดูกันในส่วนของเมนูที่ผมเลือกมาดื่มกันวันนี้เพื่อเพิ่มเอเนอร์จี้กันดีกว่า

        สำหรับเมนูแรก ขอเปิดด้วย "Reverse Black Ball" ที่ผมเลือกตัวนี้เพราะมันดูเก๋ดี หน้าตาเหมือนขนมบัวลอย (เฮ้ยย ไม่ช่ายยย) คือไอ้ก้อนกลมๆ นั่นเป็นน้ำแข็งที่ทำจากกาแฟ Cold Brew ยิ่งวางทิ้งไว้นานๆ กาแฟจะยิ่งละลายออกมาช้าๆ ทำให้เครื่องดื่มแก้วนี้ไม่มีทางจืด แต่จะยิ่งเข้มข้นขึ้นเรื่อยๆ ครับ สมชื่อ "Reverse" จริงๆ

        เครื่องดื่มอีกตัวที่เข้ากั๊นนนนเข้ากัน คือ "Double Black" ความดับเบิ้ลของเค้าคือการใช้กาแฟกับโคล่ามาผสมกัน ดูเป็นเครื่องดื่มง่ายๆ แต่สุดจะลงตัวจริงๆ ครับ ที่สำคัญอย่างหนึ่งที่ผมชอบมากในตัวเจ้าเครื่องดื่มแก้วนี้คือแก้กระหายได้ดีแบบสุดยอด เหมาะจะดื่มเวลาอากาศร้อนๆ จริงๆ

        ใครไม่ดื่มกาแฟ ที่ร้านก็มีเมนูแบบนอนคาเฟอีนให้เลือกอีกเพียบครับ อย่าง "Tea-Fifty" เป็นสไตล์ชานมเลย แต่ว่าไม่ใช่ชานมไต้หวันนะ (แต่ที่ร้านก็มีเมนูที่เป็นชานมไต้หวันเหมือนกันครับ ขายดีเสียด้วย) ตัวนี้เป็นสิงคโปร์มิลค์ที เสิร์ฟเย็นๆ ชื่นใจ

        ผมชอบที่เมนูในร้านมีให้เลือกเยอะแบบละลานตาไปหมด ความจริงเขามีเซ็ทดริปกาแฟด้วยนะ ให้เรานั่งดริปเองได้เลย แล้วก็มีเซ็ทชาทั้งจีนและตะวันตกเลย เอาเป็นว่ามีแต่เมนูที่น่าลองครับ แต่ไอ้เราก็มีพุงกลมๆ อยู่แค่นี้เนอะ เฮ้อออ

        ส่วนของว่างเบาๆ ก็มีให้เลือกหลายแบบ ผมลองสั่ง "Apricot Tart" และ "Apple Tart" มาลองเพราะหน้าตาดูดีกว่าใคร อร่อยสมราคาเหมือนกัน แต่นอกจากนี้ร้านก็ยังมีขนมชนิดอื่นๆ ให้เลือกอีกเพียบ อาหารคาวก็ขาย แล้วก็เห็นร้านบอกว่าเตรียมจะเปิดเป็นบาร์เบียร์ช่วงกลางคืนด้วยครับ อีกไม่นานน่าจะเรียกลูกค้าอีกกลุ่มหนึ่งได้เหมือนกัน

        อีกหนึ่งความประทับใจคือวันที่ผมไปเจอกับพนักงานผู้หญิงครับ เฟรนด์ลี่และบริการดีมาก คุยสนุกและให้คำแนะนำดี ไอ้เราน่ะก็ไปมาแล้วหลายร้านเนอะ แต่หาพนักงานแบบนี้ยากจริงๆ ประทับใจจ้า

        ดื่มกาแฟเสร็จแล้วอยากถ่ายซ่อกแซ่กไปถ่ายรูปเล่นในพื้นที่ส่วนอื่นๆ ของร้านได้นะครับ แต่ละมุมสวยๆ ทั้งนั้น เรียกว่าถ่ายเยอะจนงง 55555

        อ้อ นอกจากนี้ผมรู้มาว่าที่ร้านเค้าเปิดเป็นสตูดิโอให้เช่าด้วยนะ ได้ทั้งภาพนิ่งและภาพเคลื่อนไหว ลองไปดูในเพจมาก็เห็นว่ามีคู่รักมาถ่ายพรีเวดดิ้งอยู่เหมือนกัน ใครสนใจสามารถติดต่อเค้าไปได้ครับ

        สำหรับใครที่สนใจก็แวะไปชิมไปนั่งเล่นกันได้เลย ร้านเปิดให้บริการทุกวัน (ยกเว้นวันพุธ!) ตั้งแต่เวลา 10.00 - 19.00 น. คือร้านนั่งได้ยาวๆ ไม่มีเบื่อ ยังไงเดี๋ยวผมแวะไปถ่ายรูปต่อแป๊บ เจอกันร้านหน้าครับผมมม