เรียกได้ว่ามาแบบไม่ให้พักกันเลยจริง ๆ ครับ สำหรับวงการอสังหา หลังจากแบงก์เริ่มคุมเข้มในการปล่อยสินเชื่อโครงการมากขึ้น จากเดิมก่อนอนุมัติเงินกู้ก่อสร้างงวดแรกจะต้องมียอดพรีเซลอยู่ที่ประมาณ 30-40% เด้งมาอยู่ที่ 50-60% ของจำนวนยูนิตทั้งหมด งานนี้อสังหารายเล็กกระทบอย่างแน่นอน

        ชาญอิสสระ กล่าวว่า แนวทางการดำเนินธุรกิจจากนี้บริษัทระมัดระวังในการเปิดตัวโครงการมากขึ้น ต้องเลือกลงทุนเฉพาะโครงการที่มีศักยภาพและมั่นใจว่าจะขายได้เนื่องจากสถาบันการเงินคุมเข้มในการปล่อยสินเชื่อโครงการมากขึ้น โดยก่อนอนุมัติเงินกู้ก่อสร้างงวดแรกจะต้องมียอดพรีเซล 50-60% ของจำนวนยูนิตทั้งหมด จากเดิมอยู่ที่ประมาณ 30-40% โดยจะปล่อยเงินกู้ให้เพียง 50% ของวงเงินก่อสร้าง จากเดิม 70% นอกจากนี้ยังต้องดูถึงกระแสเงินสดของผู้ประกอบการและบริษัท

        โดยเฉพาะผู้ประกอบการรายกลางและเล็กที่ต้องอาศัยเงินกู้เป็นหลัก มีเงื่อนไขเพิ่มเติมมากขึ้น ขนาดที่ผ่านมาแบงค์ไว้ใจ เราไม่ต้องมียอดพรีเซลยังเจอเงื่อนไขที่โหดขึ้นเยอะ ฉะนั้นรายใหม่ที่เข้ามาลำบาก เข้าใจได้ว่าแบงก์ต้องระวัง เพราะแนวโน้มอสังหาฯ ไม่ดีมาตั้งแต่ปลายปี 2562 จากการที่เศรษฐกิจชะลอตัว

       สำหรับรายเล็กที่ไม่ได้เข้าตลาดหลักทรัพย์ฯ ที่มีกระแสเงินสดไม่มากจำเป็นต้องใช้บริการเงินกู้จากธนาคาร จึงถือเป็นเรื่องใหญ่ นโยบายธนาคารเข้มงวดขึ้นมากในปีนี้ โดยเฉพาะคอนโดเพราะยอดขาย กำลังซื้อ ความต้องการในการซื้อ หดตัวลง ชัดเจนโดยผลกระทบในขณะนี้ คือ ยอดพรีเซลที่ไปไม่ถึงเกณฑ์ เพราะลูกค้าเป็นกลุ่มที่ได้รับผลกระทบโดยตรงจากโควิด-19 คือ กลุ่มทำงานสายการบินย่านดอนเมืองเป็นหลัก ยอดขายราว 40% ไม่ถึง 50% แบงก์ไม่ยอมปล่อยขนาดลดวงเงินลงมาจาก 300 ล้านบาท เหลือ 150 ล้านบาท 

        อย่างไรก็ดี สุดท้ายเชื่อว่า เจ้าหน้าที่ธนาคารจะตรวจสอบในแต่ละโครงการเป็นกรณีไปว่า เป็นโครงการที่อยู่ในระดับราคาไหน กลุ่มลูกค้ามีกำลังซื้อมากน้อยแค่ไหน หากราคาสูงเกินไปลูกค้าจับต้องไม่ได้ ยอดพรีเซลไม่ถึง 50% ของมูลค่าโครงการธนาคารคงไม่ยอมปล่อยกู้