มีใครได้ตามข่าวนี้กันบ้างครับ "ทวายโปรเจ็กต์" หรือ เขตเศรษฐกิจพิเศษทวาย ล่าสุดทาง คณะกรรมการบริหารงานพื้นที่เขตเศรษฐกิจพิเศษทวายของสาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา แจ้งบอกเลิกสัญญาสัมปทานระยะแรกแล้ว เรื่องใหญ่มากครับ  อิตาเลียนไทย เลยต้องออกมาชี้แจงดังนี้

        อิตาเลียนไทยได้ทำหนังสือถึงนายกรัฐมนตรี กรณีที่บริษัท และคู่สัญญาร่วมทุนรวม 5 บริษัท ได้รับหนังสือแจ้งบอกเลิกสัญญาสัมปทานโครงการเขตเศรษฐกิจพิเศษทวายระยะแรก รวม 7 ฉบับ จากคณะกรรมการบริหารงานพื้นที่เขตเศรษฐกิจพิเศษทวายของสาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา (DSEZ MC) เมื่อวันที่ 11 ม.ค.ที่ผ่านมา โดยได้ทำการหารือร่วมกับนายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานด้วย เพื่อขอให้รัฐบาลช่วยเหลือนักลงทุนไทย 

        อิตาเลียนไทยฯ ยังบอกอีกว่า ทางDSEZ MC ส่งหนังสือบอกเลิกสัญญาให้กับกลุ่มบริษัทร่วมทุน และอ้างเหตุผลของการบอกเลิก 2 ข้อ คือ กรณีไม่นำส่งหนังสือสละสิทธิของ ITD ที่ได้รับชดเชยเงินลงทุนในโครงการเขตเศรษฐกิจพิเศษทวายระยะสมบูรณ์ที่ดำเนินการก่อสร้างไปแล้วตั้งแต่ปี 2551 กับกรณีไม่ชำระค่าสิทธิสัมปทานประจำปีให้แก่ DSEZ MC โดยทางอิตาเลียนไทยฯยืนยันว่า ไม่เป็นไปตามที่กล่าวอ้าง ที่ผ่านมาได้ลงทุนในพื้นที่ไปแล้วกว่า 8,000 ล้านบาท ในช่วง 5 ปี โดย DSEZ MC ไม่เคยชี้แจงเหตุผลว่าทำไมไม่พิจารณาสัญญาเช่าที่ดินดังกล่าวก่อนบอกเลิกสัญญา 

        ก่อนจะบอกเลิกสัญญา DSEZ MC ได้ออกหนังสือ Notice of Modification ของสัญญาสัมปทานโครงการนิคมอุตสาหกรรมระยะแรก ลงวันที่ 14 ส.ค. 2562 พร้อมแจ้งความประสงค์การแก้ไขสัญญาสัมปทาน และให้สัญญาเช่าที่ดินโครงการดังกล่าวมีผล ซึ่งถือเป็นเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิด เพราะ DSEZ MC กำหนดแต่เพียงฝ่ายเดียว โดยไม่ส่งร่างสัญญาเช่าที่ดินโครงการที่เหลือกลับมาให้กลุ่มบริษัทพิจารณา ทำให้กลุ่มบริษัทได้ขอใช้สิทธิพักการชำระค่าสิทธิสัมปทานประจำปีบางส่วน จึงเป็นเหตุข้ออ้างของการบอกเลิกสัญญาในที่สุด

        ทางด้านฝั่งของ 3 ธนาคารใหญ่ยังไม่ได้รับผลกระทบด้านไทยพาณิชย์กล่าวว่า ยังต้องรอความชัดเจนจากอิตาเลียนไทยฯ ขณะนี้เร็วเกินไปที่จะประเมินผลกระทบ เนื่องจากอิตาเลียนไทยฯยังมีกระแสเงินสดเพียงพอ และปัญหานี้ยังไม่ได้ส่งผลต่อความสามารถในการชำระหนี้ ด้านกรุงไทยกล่าวว่า ต้องรอดูว่าอิตาเลียนไทยฯจะตั้งสำรองทางการบัญชีอย่างไร และจะตัดการลงทุนไปเลยหรือไม่ เบื้องต้นยังไม่มีผลกระทบต่อธนาคาร ส่วนหรือจะตั้งสำรองหนี้หรือไม่นั้น ต้องดูเงื่อนไขก่อน โดยธนาคารไม่ได้ปล่อยกู้ในโครงการทวายโดยตรง ส่วนกสิกรไทยกล่าวว่า แบงก์ยังไม่ได้รับผลกระทบจากกรณีนี้ กระแสเงินสด และธุรกิจอิตาเลียนไทยฯยังมีความสามารถในการชำระหนี้ เพราะบริษัทมีรายได้จากแหล่งอื่น อย่างไรก็ดี ต้องดูเรื่องผลกระทบทางบัญชี รวมถึงความเสี่ยงของหุ้นกู้ในอนาคตที่จะต้อง rollover

        ทางด้านสุพัฒนพงษ์กล่าวภายหลังการเข้าพบนายกรัฐมนตรีว่า ได้รายงานเรื่องดังกล่าวแล้ว ย้ำว่ารัฐบาลไทยไม่ทอดทิ้ง ต้องดูข้อเท็จจริง วันนี้ยังไม่เห็นเรื่องข้อพิพาทของการยกเลิกสัญญาคืออะไร ถ้าเห็นแล้วต้องเข้าไปดูแล ไม่ต้องกังวล เพราะเป็นสัญญาประชาคมอาเซียน เป็นข้อตกลงของประเทศอาเซียนร่วมกัน จะได้รับการคุ้มครองอะไรบ้าง เขาคงใช้สิทธิ์การคุ้มครอง รัฐบาลก็ต้องบริหารจัดการ หรือช่วยเหลือ เพื่อให้ข้อตกลงบรรลุ ซึ่งจะเร่งให้เร็วที่สุด ซึ่งอิตาเลียนไทยฯทำเรื่องขอความช่วยเหลือมาแล้ว เราจะดูว่าช่วยเหลือเรื่องใด แบบใดได้บ้าง 

        ทางรัฐบาลจะไม่ได้ทอดทิ้ง เพราะโครงการทวายเป็นความร่วมมือระหว่างไทย-เมียนมา-ญี่ปุ่น ซึ่งทำมานานแล้ว คืบหน้าพอสมควร เพื่อเชื่อม 3 ประเทศให้มีทางออกทะเลฝั่งอันดามัน ส่วนเงินกู้ให้เมียนมากู้ 4,500 ล้านบาท สร้างถนนไปถึงทวายนั้น ถ้ากันเงินกู้ไว้ให้แล้วก็ต้องดำเนินการต่อไป

        ทั้งนี้ รัฐบาลญี่ปุ่นยังมีความหวังที่จะลงทุนต่อ ล่าสุดเมื่อเดือน ธ.ค. 2563 ทางการญี่ปุ่นส่งหน่วยงานเข้าไปตรวจสอบพื้นที่ เพราะมีบริษัทจีนสนใจเช่นกันซึ่งญี่ปุ่นไม่ต้องการให้จีนเข้ามามีอำนาจครอบคลุมพื้นที่เขตเศรษฐกิจนี้

        ที่มา : ประชาชาติธุรกิจ