ผมมีโอกาสได้ดูซีรีส์ Bridgerton เมื่อปลายสัปดาห์ที่ผ่านมา บอกก่อนว่าปกติแล้วผมไม่ค่อยอินกับหนังรักโรแมนติกเท่าไหร่ (ดูแล้วง่วง) แต่เรื่องนี้กลับทำให้ผมติดงอมแงมและดูจบรวดเดียว 8 ตอนได้!
สาเหตุที่ผมตัดสินใจดูนั้นคิดไม่ยากเลย อย่างแรกคือพี่สาวผมที่ชอบอ่านนิยายแนวนี้อยู่แล้วบอกว่าในหนังสือมันสนุกมาก ส่วนสาเหตุที่สองคือลองดูตัวอย่างแล้วรู้สึกถูกใจกับราชินีที่มีทรงผมสุดอลังการ 55555
พอดูจบแล้วผมชอบนะ รู้สึกไม่แปลกใจที่ซีรีส์พีเรียดเรื่องนี้จะฮิตถูกใจคนรุ่นใหม่อย่างพวกเรา เพราะไม่ว่าจะยุคสมัยไหน คนเราก็ชอบที่จะเสพดราม่า ข่าวฉาว ข่าวลือซุบซิบ เรื่องชาวบ้าน โดยเฉพาะเรื่องของคนรวย รวมถึงแฟชั่นเสื้อผ้าหน้าผมและไลฟ์สไตล์หรูหราหมาเห่าของไฮโซอยู่วันยังค่ำ
พอมาผสมกับเรื่องราวอันน่าติดตามของตัวละครแต่ละตัวที่มีปมในใจ มันเลยยิ่งชวนให้น่าติดตามยิ่งขึ้นไปอีก ลองนึกดูสิว่าจะเป็นยังไงเมื่อการมีหน้ามีตาในสังคมต้องมาวัดด้วยความฮอตของลูกสาว ถ้ามีหนุ่ม ๆ มาหมายปองเยอะ เท่ากับวงตระกูลยิ่งฮอต กลับกันในส่วนของผู้ชายถ้าได้สาวฮอตมาเป็นคู่ครองก็จะยิ่งทำให้ครอบครัวสมบูรณ์ขึ้นไปอีก
ทีนี้เลยเป็นที่มาของเรื่องราวสุดอลม่านแห่งครอบครัว Bridgerton ที่ลูกสาวสุดสวยอย่าง Daphne ถึงวัยแรกแย้มและถึงฤดูเข้าตลาดหาคู่ในปีนี้พอดี แต่ฝ่ายพระเอก Simon ของเราแม้จะเป็นหนุ่มฮอตที่บรรดาแม่ ๆ อยากได้เป็นลูกเขยกลับยืนกรานว่ายังไงก็จะไม่แต่งงาน!!!!!
ซึ่งระหว่างทางในซีรีส์ก็จะมีบทพิสูจน์รักแท้ของทั้งคู่อย่างดุเดือดเผ็ดมันส์ ก่อนที่ทั้งสองจะได้แต่งงานและเป็นคู่รักกันแบบแฮปปี้ในตอนจบ แต่จะแซ่บขนาดไหนนั้นผมขอไม่สปอยละกัน เอาเป็นว่าผมขอยั่วด้วย 5 เหตุผลที่เพื่อน ๆ ห้ามพลาดซีรีส์เรื่องนี้แทน จะมีอะไรบ้างตามไปดูกันเลยครับ
1. นักแสดงโดนใจ แม้ไม่ใช่พิมพ์นิยม
นึกถึงนิยายรักโรแมนติก สิ่งที่ขาดไม่ได้นั่นก็คือ "นางเอกสุดสวยและพระเอกสุดหล่อ" ให้สมกับความเป็นตัวละครเอกของเรื่อง
ซึ่งเรื่องนี้ผมขอยอมรับเลยว่าคัดเลือกนักแสดงได้ดีจริง ๆ เวลาดูแล้วรู้สึกอินกับทุกบทบาทของตัวละครได้มากกว่าเดิม
อย่างตัวพระเอก Regé-Jean Page ที่โชว์ทักษะการแสดงได้สมบทบาท จนสาว ๆ หลายคนใจบางเมื่อได้เห็นความมีสเน่ห์ของพี่แกแม้จะไม่ใช่พิมพ์นิยม
รวมไปถึงนางเอกสุดน่ารัก Phoebe Dynevor ที่บอกเล่าเรื่องราวความเป็นลูกคุณหนูไฮโซแต่มีความต้องการในใจได้อย่างดุเดือด
ผมว่าทั้งคู่ทุ่มสุดตัวให้กับบทบาทนี้เลยนะ ฉากอย่างว่าก็ลงทุนเปิดเผยวาบหวามตามสมควร รวมถึมนักแสดงคนอื่น ๆ ก็ด้วย ดูแล้วอินไม่ขัดตาเลย
2. คอสตูมอลังการ หนักหัวแทนพระราชินี
ขึ้นชื่อว่าซีรีส์พีเรียดไม่ว่าจะของไทยหรือชาติไหนก็ต้องขนชุด ขนเครื่องแต่งกายกันออกมาประชันกันแบบจัดเต็มทั้งนั้น
เรื่องนี้ก็เช่นกัน... รับรองว่าเพื่อน ๆ ดูแล้วจะเต็มอิ่มไปกับการแต่งองค์ทรงเครื่องของตัวละครที่เหมือนประชันกันในทุกฉากที่ออกมา
ยิ่งค่านิยมทางวัฒนธรรมในเรื่องที่บอกย้ำอยู่หลายครั้งว่าการออกงานสังคมไม่ควรใส่ชุดซ้ำ แต่ตลอดเรื่องก็มีงานเต้นรำแทบทุกวัน เพื่อน ๆ ลองคิดกันดูว่าจะต้องเตรียดชุดไว้ใส่กี่ชุดกันล่ะ 55555
ซึ่งนอกจากพระเอกนางเอกแล้ว ยังมี "พระราชินี" ที่เป็นอีกหนึ่งตัวละครห้ามพลาดในการเกาะติดแฟชั่นแต่ละฉาก ยิ่งทรงผมนี่ผมยกให้เป็นที่สุดของเรื่องเลย
เริ่มตั้งแต่สิ่งที่ไม่ต้องสังเกตยังไงก็ต้องเห็นคือ ฟองตางเก (The Fontange) ทรงผมที่สูงชะลูด แถมเปลี่ยนทรงผมแทบทุกฉากและบ่อยกว่านางเอกไปซะอีก บางทรงใหญ่ยิ่งกว่าหัว น่าจะหนักเอาเรื่องอยู่ไม่น้อยเลยล่ะ 55555
3. sex scenes เร่าร้อน รุนแรง จัดเต็ม
ก่อนดูเรื่องนี้เพื่อน ๆ ตัดค่านิยมและบรรทัดฐานของสังคมไทยออกไปก่อนนะ เพราะเรื่องนี้เค้ามี sex scenes จัดเต็มอยู่เหมือนกัน
แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นส่วนตัวผมว่ามันกำลังพอเหมาะกับการดำเนินเรื่องแบบพอดิบพอดี ไม่หวือหวาจนเกินเรทมากไป 555
ซึ่งนอกจากการดูว่าได้เห็นอะไร ไม่เห็นอะไร ผมว่าสิ่งที่ตัวซีรีส์สื่อออกมาได้ดีกว่าก็คืออารมณ์ร่วมของตัวละคร นักแสดงสื่อออกมาได้ดีมาก
พอที่จะทำให้คนดูอย่างพวกเราได้นำไปจินตนาการต่อได้ อยากรู้ว่าดุเดือนเผ็ดมันส์แค่ไหน อันนี้ต้องไปลองดูกันเองนะครับ ฮ่า ๆๆๆๆๆ
4. ซีรีส์รักโรมานซ์ ที่คนดูต้องเป็นนักสืบด้วย
ถ้าเป็นนิยายรักหวานแหววทั่วไปก็คงจะน่าเบื่อใช่มั้ยล่ะ แต่เรื่องนี้เค้ามีการวางตัวละครลึกลับออกมาหนึ่งตัวเพื่อให้คนดูอย่างเราได้ลองคิดและเดากันดูว่าคือใครตลอดทั้งเรื่องด้วย
เพราะตลอดซีรีส์ทั้งเรื่อง ข่าวลือ ข่าวฉาว เรื่องซุบซิป หรือความลับทั้งหมดจะขึ้นอยู่กับคอลัมน์ที่นักเขียนนามปากกา Lady Whistledown เขียน
ทีนี้เวลาเราดูก็จะเริ่มมีความสงสัยว่าเธอคนนั้นคือใครกันแน่ บางคนก็สามารถเดาได้ตั้งแต่ตอนต้น ๆ อาจจะถูกบ้าง ผิดบ้าง แต่ก็ไม่ใช่เรื่องสำคัญ
เพราะนี่คือสิ่งที่ผู้สร้างเค้าพยายามทำให้คนดูรู้สึกสนุกกับการคาดเดาและตามหา identity ของ Lady Whistledown ตลอดเรื่องนั่นเองครับ
5. ปลูกฝังค่านิยมใหม่ เล่าอดีตสู่ปัจจุบัน
หากย้อนกลับไปเป็นหนังหรือนิยายสมัยก่อนที่มีการเล่าเรื่องถึงกลุ่มคนชนชั้นสูงแล้ว แน่นอนว่าเราไม่มีทางได้เห็นคนผิวสีเป็นตัวเอก หรือได้รับตำแหน่งสูงส่งในสังคมสมัยนั้นแน่นอน
แต่เรื่องนี้มาแปลกเพราะจะเห็นได้ว่าตัวละครสำคัญหลายตัวในเรื่องล้วนเป็นคนผิวสีทั้งนั้น ไม่ว่าจะเป็นพระเอกที่ในนิยายบรรยายไว้ว่า "เขาเป็นผู้ชายที่หล่อเหลาชวนตะลึง ชนิดที่รูปปั้นของไมเคิลแองเจโล ยังต้องอาย ดวงตาสีฟ้าจัดราวกับว่าจะส่องประกายได้"
ถ้าแค่อ่านผมสารภาพเลยว่าผมก็นึกเป็นหนุ่มผิวขาวตามพิมพ์นิยมนั่นแหละ ซึ่งพอมาดูในซีรีส์แล้วมันก็ไม่ได้รู้สึกขัดตาหรือบทบาทที่เค้าแสดงนะ
รวมไปถึงตัวละครอย่างพระราชินีหรือบรรดาชนชั้นสูงต่าง ๆ ภายในเรื่องก็ด้วย ซีรีส์สามารถสื่อออกมาได้อย่างสง่างาม ไม่เหลือความรู้สึกที่ชาวต่างชาติบางกลุ่มมีต่อคนผิวสีไว้เลย
จุดนี้เองผมรู้สึกชื่นชมทีมผู้สร้างที่นอกจากจะสร้างความบันเทิงออกมาแล้ว ยังเป็นส่วนหนึ่งในสังคมและวัฒนธรรมเป็นหนึ่งเดียวกันขึ้นด้วย เพราะทุกคนเท่าเทียมกันนี่เนอะ 55555
และนี่ก็เป็น 5 เหตุผลที่ผมลิสต์มาฝากเพื่อน ๆ ที่กำลังลังเลกับการดูซีรี่ย์รักโรโมแมนติดสุดร้อนแรงอย่าง "Bridgerton วังวนรัก เกมไฮโซ" กันอยู่นะครับ
โดยรวมแล้วผมขอให้คะแนนไปที่ 8.5/10 ละกัน เนื้อเรื่องสนุกสนานน่าติดตาม อยากจะดูซีซั่นหน้าของพี่น้องคนอื่นต่อละเนี่ย 55555
ถ้าเพื่อน ๆ คนไหนที่ยังไม่ได้ชมก็ลองไปตามชมกันดูที่ คลิกที่นี่ ใน Netflix ได้เลย รับรองว่าจะติดงอมงอมเหมือนผมแน่ ๆ ครับ บ็ายบายยยยย
Tag : Netflix | Bridgerton | ติดดอยคอยดู
"LIFE สาทร - นราธิวาส 22"...นี่น่าจะเป็น คอนโด LIFE ที่มีคนสนใจมากที่สุดในปี 2025
"KAVALON" พัฒนาโดย "เจ้าพ่อแคมปัสคอนโด" แห่งยุคอย่าง AssetWise ซึ่งนี่ก็เป็นโครงการที่ 6 แล้ว ในโซน ม.กรุงเทพ รังสิต
สิ่งหนึ่งที่ผมตั้งตารอเวลาไปงานแถลงข่าวต้นปีของ AssetWise ก็คือ "ชื่อ" ของโครงการใหม่ๆในปีนั้นนั่นละครับ ยอมรับเลยว่า เป็น Dev ที่ตั้งชื่อโครงการได้แปลกใหม่ไม่ซ้ำใคร ไพเราะเสนาะหู ช่างสรรหาจริงๆ 555
ในที่สุดที่ดินตรงหัวมุมพญาไท ต้นซอยรางน้ำ ที่ล้อมรั้วกันที่ไว้นานน๊านนานแล้วก็ลุ้นกันอยู่เป็นปีว่าจะขึ้นโปรเจกต์อะไร สรุปวันนี้ก็ได้ออกหัวออกก้อยแล้วในที่สุดครับ
นาทีนี้จะมีทำเลไหนร้อนแรงเท่า 'พระราม 4' ตั้งแต่การมาของอภิมหาโปรเจกต์ใหญ่อย่าง One Bangkok ก็ดูเหมือนว่า ย่านที่ปังอยู่แล้วตรงนี้ จะยิ่งทวีคูณความปังสุดเข้าไปอีกระดับ
AP ที่เตรียมตัวปักหมุดใกล้ BTS ไปหมาดๆ แต่ต้องบอกว่าปีนี้ AP มาเพื่อบุกย่านอุดมสุข ของแทร่!!
เหตุการณ์แผ่นดินไหวเมื่อวันที่ 28 มีนาคม 2568 ที่ผ่านมา แม้ว่าจุดศูนย์กลางจะอยู่ที่ประเทศเมียนมาร์ แต่แผ่นดินไหวครั้งนี้ กลับรู้สึกถึงแรงสั่นสะเทือนได้ถึงกรุงเทพมหานคร ที่อยู่ห่างจากจุดศูนย์กลางไกลนับพันกิโลเมตร
เมื่อคนซาก็ได้เวลาไปกิน "CHICHA San Chen" ชานมไต้หวันฉบับออริจิ้นเทียบเท่ามิชลิน 3 ดาว!
วันก่อนไปเจอคาเฟ่หนึ่งมาครับ ชื่อร้านว่า Second Cafe Wanglang ไม่ใกล้ไม่ไกล อยู่ตรอกวัดระฆัง ตรงวังหลังนี่เอง
เปิดประสบการณ์ "Pavilion Luncheon Experience" เซ็ตอาหารไทยเบาๆ 4 ที่จากโรงแรม Dusit Thani Bangkok
ใครจะไปอินช่วงเทศกาลเท่า 'คริสปี้ ครีม' ล่าสุดเข้าเดือนเมษายน ก็ส่งโดนัทและเครื่องดื่มแบบไทยๆ 4 รสชาติ ต้อนรับเทศกาลสงกรานต์ กับ Thai Sweet Selection
แผ่นดินไหวที่ผ่านมา.. บ้านหรือคอนโดเพื่อน ๆ ได้รับผลกระทบมากน้อยกันแค่ไหน?