ไหนๆสัปดาห์นี้ ก็เป็นวันรูดม่านของพรีเมียร์ลีค ฤดูกาล 2015/2016 ลีคสูงสุดของประเทศอังกฤษแล้ว
นาทีนี้ ไม่น่าจะมีคนไทยคนไหน ไม่รู้จักทีมฟุตบอลที่ชื่อ “เลสเตอร์ ซิตี้” นะครับ
ในฐานะที่ผมเองก็เป็นแฟนบอลอังกฤษมาอย่างยาวนาน (จริงๆ ผมบ้าบอลมากกว่าคอนโดฯ อีกนะ ฮ่าฮ่าฮ่า)
ติดตามมาตั้งแต่ยังเด็กๆเลย
ต้องยอมรับว่าการเป็นแชมป์พรีเมียร์ลีกของเลสเตอร์นี่
เป็นเรื่องในระดับ "ปาฎิหาริย์" เลยนะครับ
ระดับ 100 ปี อาจจะเกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว
ที่สำคัญ มันดันเกิดกับทีม”ฟุตบอลอังกฤษ” ที่มีเจ้าของเป็น “คนไทย” ซะด้วย
นี่มันต้องเรียกว่า “ปรากฏการณ์” ทับไปอีกที
แถมยังเป็นแชมป์ที่ ไม่ต้องลุ้นถึงนัดสุดท้ายอีกต่างหาก
ถึงแม้ว่า การเขียนถึงเลสเตอร์ในแง่ของฟุตบอล คงไม่เหมาะกับเพจเรา (ถึงแม้อยากเขียนใจจะขาด ฮ่าฮ่าฮ่า)
และก็คงมีหลายๆเวปกีฬาให้เสพกันเยอะแยะแล้ว
แต่ผมก็ยังอยากเขึยนถึงอยู่ดี ฮ่าฮ่า
ผมเลยอยากจะลองโหนกระแสเขียนถึงทีมจิ้งจอกสยามกับเค้าบ้าง
แต่จะให้เขียนในแง่คอนโดฯ ก็ดูจะไม่ค่อยเกี่ยวกัน
นึกไปนึกมา เขียนเกี่ยวกับตัวเจ้าของทีมดีกว่า เพราะก็น่าสนใจไม่น้อยเลยละครับ
เชื่อว่า หลายคนอาจจะไม่รู้จักเสี่ยวิชัย และคุณต๊อบลูกชาย
ลองมาอ่านกันเลยครับ
สำหรับชื่อ วิชัย ศรีวัฒนประภา
หลายคนอาจจะคุ้นหูชื่อของแก ในนามของ เจ้าของอาณาจักร King Power ที่คนไทยรู้จักกันดี
แต่ในวงการธุรกิจ และการเมือง จะรู้จักเสี่ยวิชัยในฐานะ “เจ้าพ่อคอนเน็กชันธุรกิจ-การเมือง”
แต่พอผมอ่านเรื่องราว และประวัติของแกมากขึ้น
ก็ขอเติมคำว่า “มีความสัมพันธ์ที่ดีกับราชวงศ์” เข้าไปด้วยอีกละกัน
ซึ่งเสี่ยวิชัย แกมีความสัมพันธ์ที่ดี ไม่ว่าจะเป็นทั้งจากไทยและอังกฤษ ?!!
เมื่อก่อนเสี่ยวิชัยมีนามสกุลว่า “รักศรีอักษร” ก่อนจะเปลี่ยนเป็น “ศรีวัฒนประภา”
โดยเมื่อวันที่ 21 พฤศจิกายน 2555 มีความในประกาศราชกิจจานุเบกษา ระบุว่า
“พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมพระราชทานชื่อสกุล “ศรีวัฒนประภา” ให้แก่ นายวิชัย รักศรีอักษร (สกุลเดิม) เพื่อเป็นสิริมงคลแก่วงศ์สกุล”
เท่ห์ไหมละครับ
ในส่วนของราชวงศ์อังกฤษก็ใช่ย่อยนะครับ
ก่อนจะมาลงทุนกับสโมสรฟุตบอลเลสเตอร์
เสี่ยวิชัยชื่นชอบในกีฬาโปโลอยู่แล้ว ซึ่งกีฬาขี่ม้าตีฮอกกี้เนี่ยก็เป็นกีฬายอดนิยมของราชวงศ์อังกฤษเค้า
ในปี พ.ศ. 2548 เสี่ยวิชัยกับเจ้าชายชาลส์ เจ้าชายแห่งเวลส์, เจ้าชายวิลเลียมแห่งเวลส์และ อัลดองโฟ แคมเปียโซ (มือหนึ่งโปโลชาวอาร์เจนตินา) จัดทีมออกแข่งขันในรายการ จักรวรรดิคัพ
ระหว่างทีมประเทศไทยกับทีมดูไบ ที่ริชมอนด์ในลอนดอน
นอกจากนั้น เจ้าชายวิลเลียม ดยุคแห่งเคมบริดจ์ และ เจ้าชายแฮร์รี แห่งเวลส์
ยังเคยเสด็จไปทรงร่วมการแข่งขันขี่ม้าโปโลการกุศลรายการ “เดอะ เดอ เบียร์ ไดมอนด์ จิวเวลเลอร์ รอแยล โปโล คัพ”
ซึ่งในการแข่งขันครั้งนี้เจ้าชายแฮร์รีทรงแข่งขันในนามทีมคิง เพาเวอร์ ด้วย
สุดยอดไหมล่ะครับ!!!
ในแง่ของการเมือง
ช่วงเปลี่ยนถ่ายการเมืองไทยในรอบสิบกว่าปีที่ผ่านมาก
เรามีรัฐบาลหมุนเวียนเปลี่ยนขั้วอำนาจเข้ามามากมาย
แต่เสี่ยวิชัยก็ไม่ได้หวั่นเกรงกับการสลับเก้าอี้ดนตรีทางการเมืองนี้เลย
เสี่ยวิชัยกับอดีตนายกฯทักษิณ มีความสนิทสนมกันอย่างมาก
ซึ่งความสนิทสนมกับพรรคไทยรักไทยนี่เอง ที่ทำให้แกรู้จักกับ “คุณเนวิน ชิดชอบ”
ซึ่งนำไปสู่การได้สัมปทานในสนามบินสุวรรณภูมิ ซึ่งทำให้อาณาจักร King Power เติบโตสยายปีกอย่างในปัจจุบัน
หลังจากที่ช่วงโดนรัฐประหาร
เสี่ยแกยังให้รร.พูลแมน เป็นศูนย์บัญชาการของพรรคไทยรักไทยในช่วงนั้นด้วย
แต่พอการรัฐประหารเสร็จสิ้น
อำนาจกลับไปอยู่ในมือ พล.อ.สนธิ
เสี่ยวิชัยกลับสามารถเข้า-ออก บ้านของคุณพ่อสามีของคุณเป้ย ปานวาด อย่างสบายๆ
เสมือนประหนึ่งไม่เคยอยู่ฝ่ายตรงข้ามกันมาก่อน
หลังจากนั้นการเมืองผลัดใบ
ประชาธิปัตย์กุมอำนาจ ในวันฉลองครบรอบ 20 ปีของ King Power
แขก VIP ในงานมี ชื่อ สุเทพ เทือกสุบรรณ รวมอยู่ด้วย เสี่ยวิชัยแกก็ไม่พลาดเช่นกัน
ในยุคของนายกหญิงคนแรกของประเทศไทย
ที่ปรึกษาใน King Power ก็เป็นคนที่มีตำแหน่งในรัฐบาลของพรรคเพื่อไทยด้วยหลายคน
จนกระทั่งยุครัฐบาลปัจจุบัน เสี่ยวิชัยเองก็ยังมีความสัมพันธ์ที่ดีอีกเช่นกัน
เขียนถึงตรงนี้ ต้องยอมรับว่า “ความเปลี่ยนแปลง” ทำอะไรแกไม่ได้จริงๆ
แต่บุคคลที่ถือว่ามีความสนิมสนมกับเสี่ยวิชัยมากที่สุด
ก็คงต้องเป็น “คุณเนวิน ชิดชอบ” แห่งสโมสรบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด (เพื่อนผมหลายคนเรียกจังหวัดนี้ว่า “จังหวัดเนวิน” ฮ่าฮ่าฮ่า)
และไม่มากก็น้อย คุณเนวิน นี่แหละที่ทำให้เสี่ยวิชัยหอบเงินไปซื้อเลสเตอร์
คุณเนวินได้เคยเล่าว่า
เสี่ยวิชัยมาปรึกษาว่า จะซื้อทีมฟุตบอลของไทยทีมไหนดี
คุณเนวินแกตอบว่า อย่ามาซื้อเลย เพราะต้องมาแข่งกับทีมของแก
แล้วแกเป็นคนไม่ยอมแพ้ใครด้วย อย่ามาแข่งกันเองเลย
คุณเนวินเลยไล่ให้ไปซื้อทีมต่างประเทศซะ
แกเลยไปซื้อเลสเตอร์ และปั้นซะเป็นแชมป์พรีเมียรืลีก เพื่อมาบลัฟคุณเนวินซะเลย ฮ่าฮ่าฮ่า
อ่านเรื่องราวของเสี่ยวิชัยแล้วก็ต้องบอกว่า
นอกจากฝีมือการทำธุรกิจแล้ว “สายสัมพันธ์ (Connection)” เป็นสิ่งที่มีมูลค่าสูงมาก
คุณต๊อบ อัยยวัฒน์ ศรีวัฒนประภา ลูกชายของเสี่ยวิชัยเล่าให้ฟังว่า
กลุ่ม King Power ลงทุนในทีมโปโลมามากกว่า 10 ปี
ใช้เงินไปปีละ 15 ล้านปอนด์ โดยไม่ได้รับผลตอบแทนที่เป็นกำไรเลย แม้แต่บาทเดียว!!!!!
150 ล้านปอนด์ หรือ ราว 7,500 ล้าทบาท!!!!(คุณพระ!!!)
คำถามของผมก็คือ
ถ้าวัดจากสิ่งที่ลงทุนโดยตรง (ทีมโปโล) ก็ถือว่าไม่ได้อะไร
แต่การที่มีเจ้าชายแฮรี่มาลงแข่งในนามทีม King Power มันมีมูลค่าเท่าไหร่????
บางที นี่อาจจะเป็นมูลค่าของ Connection ที่อาจจะถือว่าเหมาะสมก็ได้
เรื่องราวของเสี่ยวิชัยที่มาบรรจบกับเลสเตอร์ในวันนี้
ดูเหมือนเป็น “แฟรี่ เทล” ก็จริง
แต่กว่าจะมีวันนี้ เสี่ยวิชัยแกต้องผ่านสิ่งต่างๆ มามากมาย
มากเกินกว่าคำว่า “โชคดี”
ซึ่งก็เหมือนกับทีมเลสเตอร์ ที่ผ่านการฝึกซ้อมอย่างหนัก
ทำทุกอย่างเต็มที่ มีระเบียบวินัย และเมื่อโอกาสทุกอย่างเปิดกว้าง ความสำเร็จก็จะตามมาเอง
เพราะถ้าเราไม่พยายามอย่างเต็มที่ซะก่อน
พอโอกาสผ่านเข้ามา เราก็จะไม่ได้รับความสำเร็จอยู่ดี
แล้วคำประเภท "รู้งี้" ก็จะโผล่ออกมา จริงไหมครับ?
ว่าแต่......ยิ่งเขียนเรื่องของเสี่ยวิชัยมากเท่าไหร่ ยิ่งนึกถึง “เล่าปี่” ขึ้นมาซะอย่างนั้น
ในบางแง่มุมนะครับ ไม่ใช่ทั้งหมด ฮ่า
นึกถึงลงทุนคอนโด นึกถึงคอนโดติดดอย ^0^