การขนส่งมวลชนทางน้ำ เป็นอีกหนึ่งบริการสาธารณะที่คนกทม.เลือกใช้เป็นจำนวนมาก เนื่องจากกรุงเทพฯ มีแม่น้ำสายใหญ่ ที่เป็นเหมือนหัวใจหลักอย่าง "เจ้าพระยา" ที่พาดผ่านยาวหลายเขต อีกทั้งยังเป็นจุดเชื่อมต่อการเดินทางทางบกอีกด้วย

        ถ้าพูดถึงการโดยสารทางเรือในแม่น้ำเจ้าพระยา หลายคนคงนึกถึงเรือด่วนเจ้าพระยา ที่ต้องสังเกตสีธงกันใช่ไหมครับ?

        แต่ตอนนี้ เจ้าพระยามีลูกเล่นใหม่แล้วนะ ในเมื่อบนบกมีรถไฟฟ้าได้ แล้วทำไมในน้ำถึงจะมีเรือไฟฟ้าไม่ได้ล่ะ!!

        เรือไฟฟ้าเจ้าพระยา หรือ MINE Smart Ferry  เป็นบริการโดยสารทางน้ำรูปแบบใหม่แกะกล่อง เพิ่งจะเปิดให้บริการทดลองนั่งฟรีมาตั้งแต่ช่วงสิ้นเดือนธันวาที่ผ่านมานี้เองครับ

        ซึ่งหลังจากที่ผมมีโอกาสได้ไปใช้บริการมาแล้ว เลยอยากมารีวิวให้ทุกคนอ่านกันสักหน่อย ตามประสาคนขี้เห่อ 5555 

        ก่อนที่เราจะไปขึ้นเรือ มาลองทำความรู้จักเค้ากันหน่อยดีกว่าเนอะ

        เรือไฟฟ้าเจ้าพระยา หรือ MINE Smart Ferry โดยเป็นภายใต้ความร่วมมือระหว่างบริษัท​ E​ Smart​ Transport​ และกรมเจ้าท่า 

        E Smart Transport ได้ผลิตเรือโดยสารพลังงานไฟฟ้า ซึ่งเป็นเรือสองท้องคาตามารัน (Catamarun) โดยเป็นเรือที่ติดตั้งแบตเตอรี่ลิเทียมไอออน 800 kWh ที่ออกแบบให้ใช้งานได้ด้วยความปลอดภัยสูงเทียบเท่าแบตเตอรี่ในยานยนต์ไฟฟ้า ​และเรือยังผ่านการตรวจสอบทุกขั้นตอนตามมาตรฐานสากล ก่อนออกให้บริการอีกด้วย ปลอดภัยหายห่วง!

        มาถึงตรงนี้ หลายคนอาจจะสงสัยว่า เอ๊ะ!! แล้วเรือไฟฟ้ามันแตกต่างหรือมีประโยชน์มากกว่าเรืออื่น ๆ ทั่วไปยังไง?

        ผมแอบไปหาข้อมูลเพิ่มเติมมาคลายข้อสงสัยของทุกคนไว้แล้ว

        - ตัวเรือใช้ระบบขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้า และการใช้แบตเตอรี่ลิเธียมไอออน ทำให้เรือชนิดนี้ลดมลพิษทางอากาศ ทางน้ำ และทางเสียง รวมถึงช่วยลดปัญหาฝุ่นควัน PM2.5 มลพิษ และสิ่งแวดล้อมแบบที่เรืออื่น ๆ ไม่สามารถทำได้ครับ

        - เรืออลูมิเนียมชนิด Catamaran ข้อดีคือเรื่องของการทรงตัวได้ดี มีความเร็วสูง เกิดคลื่นน้อย ประหยัดพลังงานด้วย

        - เค้ายังใช้แบตเตอรี่เซลล์เทคโนโลยี STOBA ตัวนี้สามารถป้องกันปฏิกิริยาอุณหภูมิสูง หรือการติดไฟจากสาเหตุต่างๆได้ด้วย

        - โครงสร้างแบตเตอรี่แพ็คยังได้มาตรฐาน UN R100 เช่นเดียวกับรถ EV ทนแรงกระแทกได้ระดับ 50g ระดับมาตรฐาน IP67 กันน้ำได้ถึง 1 ชั่วโมง

        อันนี้เสริมครับ สำหรับคนกลัวการขึ้นเรือ หรือกลัวการเกิดอุบัติเหตุทางน้ำ จะบอกว่าเค้าค่อนข้างทำการบ้านมาดีมาก ๆ เพราะมาตรฐานระดับการกันน้ำ IP67 สามารถจมน้ำได้นานถึง 1 ชั่วโมงโดยที่ยังปลอดภัย

        เส้นทางการให้บริการในขณะนี้มีด้วยกัน 10 ท่าเรือ ได้แก่

        ท่าสาทร , ท่าแคท ทาวเวอร์ , ท่ากรมเจ้าท่า , ท่าราชวงศ์ , ท่าปากคลองตลาด , ท่าพรานนก , ท่าเทเวศน์ , ท่าเกียกกาย , ท่าสะพานพระราม7 และท่าสะพานพระราม5 โดยมีระยะเวลาการเดินทางเพียง 60 นาที ตลอดสาย (ระยะทาง 21 กม.) 

        *เนื่องจากสถานการณ์โควิด เรือไฟฟ้าจึงได้งดบริการเรือท่องเที่ยวช่วงเสาร์-อาทิตย์ไปก่อนครับ

        จุดเด่น ๆ ของแต่ละท่าคือสามารถเชื่อมต่อการเดินทางได้อย่างหลากหลายครับ อีกทั้งยังเป็นท่าที่เป็นแหล่งงาน แหล่งธุรกิจอีกด้วย เช่น

        ท่าสาทร สามารถเชื่อมต่อกับรถไฟฟ้า BTS สายสีลม สถานีสะพานตากสิน 

        ท่าราชวงศ์ กับสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมอย่างถนนเยาวราช

        ท่าพรานนก เข้าสู่ตลาดวังหลังและศิริราช

        ท่าปากคลองตลาด สามารถเข้าสู่คอมมูนิติ้มอลล์ริมแม่น้ำอย่าง “ยอดพิมาน  ริเวอร์วอล์ก” ได้เลยครับ รวมถึงยังสามารถเชื่อมต่อกับสถานี MRT สนามไชย ได้ด้วยครับ

        โดยช่วงนี้ยังอยู่ในช่วงทดลองนั่งโดยรอบเรือจะมีแค่ 2 รอบ ซึ่งจะแบ่งเป็นรอบเช้าและเย็น เวลาดังนี้ครับ

        จันทร์-ศุกร์ ช่วงเช้า

        จากท่าสาทร – ท่าสะพานพระราม 5

        เวลา 6.00 น. และ 6.30 น.

        จากท่าสะพานพระราม 5 – ท่าสาทร

        เวลา 7.00 น. และ 7.30 น.

        จันทร์-ศุกร์ ช่วงเย็น

        จากท่าสาทร – ท่าสะพานพระราม 5

        เวลา 17.30 น. และ 18.00 น.

        จากท่าสะพานพระราม 5 – ท่าสาทร

        เวลา 18.30 น. และ 19.00 น.

        ซึ่งช่วงทดลองเราจะได้นั่งแบบฟรี ๆ ไม่เสียค่าใช้จ่ายเลยครับทีแรกเนี้ย ระยะเวลาทดลองนั่งจะสิ้นสุดในวันที่ 14 กุมภาพันธ์นี้แล้ว แต่เค้าขยายเวลาต่อไปจนถึงวันที่ 28 กุมภาพันธ์ นั่งฟรีกันต่อจนสิ้นเดือนเลยจ้าา

        และจะเริ่มเก็บเงิน 20 บาท ตลอดสาย เป็นเวลา 6 เดือน จากนั้นจะคิดค่าโดยสารตามระยะทาง ตอนนี้ยังไม่เคาะมาเน้อ ยังอยู่ในขั้นตอนการพิจารณาอยู่ครับผม!!

        มาขึ้นเรือกันเลยดีกว่าเนอะ

        ผมขึ้นจากท่าเรือสาทร รอบเย็นเวลา 17.30 น.

        จะบอกว่าประทับใจเจ้าหน้าที่มาก ๆ เนื่องจากเป็นการใช้บริการเรือไฟฟ้าครั้งแรก จึงมีการสอบถามรายละเอียดเยอะเค้าเยอะเลย ซึ่งเจ้าหน้าที่ให้บริการดีมาก ๆ ตอบทุกข้อสงสัยแบบไม่มีรำคาญ 5555

        นั่งรอเรือเทียบท่าไม่นาน เจ้าหน้าที่จะพาเราไปขึ้นเรือครับ (เรือมาตรงเวลาเป๊ะ)

        ดีไซน์ของเรือค่อนข้างเรียบหรูเลยแฮะ

        เห้ยย นี่ผมบอกไปหรือยังว่าเรือไฟฟ้าออกแบบ และสร้างด้วยฝีมือคนไทย100%เลยครับ เก่งไม่แพ้ชาติใดในโลกเลย!!

        ภายในเรือกว้าง สบายมาก ๆ มีเก้าอี้ผู้โดยสาร 104 ที่นั่ง พร้อมเก้าอี้สำรองสำหรับบุคคลพิเศษ

        มีห่วงจับสำหรับผู้โดยสารยืนเหมือนบนรถไฟฟ้า ไม่มีโคลงเคลง เหมือนไม่ได้ยืนบนยานพาหนะบนพื้นน้ำเลย รู้สึกแปลกใหม่ดีแฮะ 5555

        ความปลอดภัยภายในตัวเรือ ทำการบ้านมาค่อนข้างดี

        มีถังดับเพลิง ตั้งอยู่ทั้งบริเวณด้านหน้า และด้านหลังตัวเรือ

        บอร์ดชูชีพ อยู่ในตู้ด้านหน้า และด้านหลังของตัวเรือ

        ห่วงชูชีพติดตั้งไว้ด้านหน้า และด้านบริเวณทางออกฉุกเฉินด้านหลังของตัวเรือ

        คือขึ้นเรือมาก็เห็นจุดติดตั้งอุปกรณ์เลยครับ สังเกตง่ายมาก

        ที่ผมชอบที่สุดคือแอร์เย็นฉ่ำ สบายสุดๆ เทควิวแม่น้ำงามๆ เค้ามีหน้าจอไว้คอยบอกเวลา และเส้นทางแต่ละท่าด้วยนะ มีเสียงประกาศทั้งภาษาไทย และอังกฤษทุกสถานีเลยด้วย

        การขับเคลื่อนของเรือ นิ่มสมราคาคุยจริงๆ เมื่อเทียบกับการนั่งเรือน้ำมันดีเซลปกติ เครื่องเรือเงียบมากครับ ไม่ต้องตะโกนคุยกับเพื่อนเหมือนเรือทั่วไป

        มองออกไปภายนอกไม่เห็นควันจริงๆนะ ไม่มีกลิ่นน้ำมันเหม็นๆ ไม่โคลงเคลง คนเมาเรือง่ายๆไม่มีปัญหาแน่นอน

        แต่แอบตินิดนึง คือเวลาจอดเทียบท่า เรือไฟฟ้ายังแอบช้ากว่าพวกเรือด่วนหรือเรือที่ใช้น้ำมันครับ

        อันนี้ผมคุยกับเพื่อนว่า ระบบไฟฟ้ามันคงทำให้การจอดเรือไม่สมูทเท่าเรือปกติหรือเปล่า

        แต่เอาเป็นว่ามันก็ไม่ได้เป็นปัญหาใหญ่อะไรขนาดนั้นเนอะ 5555

        เวลาจะลงจากเรือก็มีพนักงานมาคอยให้บริการด้วย บริการดีตั้งแต่ขึ้นเรือจนลงเรือเลย ประทับใจสุด ๆ 

        เป็นช่วงเวลาแป๊บ ๆ ครับ ผมไม่ได้นั่งสุดสาย นั่งจากสาทรมาลงปากคลองตลาดเอง ระยะเวลาไม่กี่สถานี แต่ได้ใจผมไปเต็มๆ ชอบมากๆ คงจะมีโอกาสได้มาใช้บริการอีกแน่นอน

        นี่ทราบมาว่าภายในเดือนเมษายนจะมีเส้นทางใหม่ให้บริการด้วย คือ

        1. Urban line เส้นทาง พระนั่งเกล้า-สาทร เชื่อมรถไฟฟ้าสายสีม่วงที่สถานีพระนั่งเกล้า 

        2. Metro line เส้นทาง พระราม 7-สาทร เชื่อมต่อกับรถไฟฟ้าสายสีแดง ที่สถานี กฟผ. 

        3. City line เส้นทาง พระปิ่นเกล้า-สาทร

        เชื่อมต่อรถไฟ้าหลายสายมาก ๆ การเดินทางจะง่าย และประหยัดเวลาขึ้นเยอะ

        จากเดิมผมไม่ค่อยได้ขึ้นเรือ ถ้าเส้นทางเหล่านี้เปิดเมื่อไหร่ล่ะก็ เชื่อว่าการเดินทางของคนกรุงจะมีประสิทธิภาพและย่นระยะเวลาได้มากโขเลยฮะ (เลี่ยงรถติดมาขึ้นเรือไฟฟ้า เย็นฉ่ำมีแอร์สบายมาก ๆ ไม่ต้องกลัวเมาด้วย อิอิ)

        อ้อ ลืมพูดถึงเรื่องนี้เลยแฮะ

        ถึงแม้ตอนนี้จะเป็นช่วงทดลองให้บริการ นั่งฟรีแบบไม่เสียเงิน

        แต่ผมแอบไปหาข้อมูลวิธีชำระค่าโดยสาร ล้ำมากเลยนะ สามารถจ่ายผ่านบัตรเครดิต และบัตรเดบิตของทุกธนาคาร จะเป็นแบบแตะจ่ายตรงที่มีสัญลักษณ์คอนแทคเลสได้เลย สะดวกมาก

        แล้วเดี๋ยวทาง MINE Smart Ferry จะออกบัตร Krungthai MINE card สามารถเติมเงินได้อย่างง่ายดายผ่านทั้ง QR Code หรือตู้ ATM และพร้อมรองรับระบบตั๋วร่วมกับระบบขนส่งทุกประเภทเลยฮะ สังคมไร้เงินสดที่แท้ทรู

        ใครอยากอ่านข้อมูลเพิ่มเติมแบบละเอียดยิบ สามารถเข้าไปได้ที่เว็บไซต์ของเค้าได้นะครับที่ คลิก

        สำหรับวันนี้ผมขอลงจากเรือไปต่อที่ยอดพิมานที่ท่าปากคลองตลาดก่อนนะ นั่งเรือมากินย่างเนยตามประสาเพจกินสักหน่อย อิอิ