เมื่อหลายเดือนก่อน ผมได้รับเกียรติจากเพื่อนคนหนึ่ง
เชิญไปร่วมงานมงคลสมรสของเค้าและว่าที่ภรรยา
ผมตั้งใจว่าจะไปแน่นอน แต่สุดท้ายด้วยภาระหน้าที่การงานก็เลยไม่ได้ไป
ช่วงหลังๆ ผมมักไม่ค่อยได้ไปร่วมงานแต่งงานของใครเลย
ด้วยเหตุผลที่ว่า “ไม่ค่อยมีเวลา และเบื่องานที่โรงแรม”
แต่งานที่เพื่อนผมชวนนั้นน่าสนใจตรงที่ “จัดที่ร้านอาหาร”
ภายหลังงานแต่งงานก็ได้มาคุยกัน เพื่อนผมบอกว่าน่าเสียดายเหมือนกันที่ผมไมได้ไป
เพราะร้านนี้สวยและอาหารอร่อย มีคนมาจัดงานแต่งงานบ่อยครั้ง
ผมจึงตั้งใจไว้ตั้งแต่วันนั้นแล้วว่าจะต้องไปเยี่ยมเยียนร้าน “เลอ ปิติ” ให้ได้
ในที่สุด ผมก็ได้พาแม่และครอบครัวไปทานจนได้ และประทับใจจนต้องเอามาบอกต่อ
ร้าน เลอ ปืติ เป็นร้านอาหารไทยที่มีการตกแต่งร้านที่สวยงามมาก
มิน่าจึงมีงานแต่งงานจัดขึ้นที่นี่บ่อยครั้ง
แม้แต่วันที่ไปทาน ก็ยังมีการตกแต่งเวที มีชื่อเจ้าบ่าว-เจ้าสาว แปะอยู่เลย
จนผมต้องถามว่า “เปิดรับคนทั่วไปไหมครับ”
พนักงานบอกว่ามีการแบ่งโซนไว้แล้ว มาทานอาหารปกติเชิญไปอีกด้านหนึ่ง
จริงๆก็ไม่น่าถามเลยเนอะ แหะๆ
ด้วยความที่หิวมาก จึงเริ่มสั่งอาหารก่อนแลย
มารู้ตัวอีกทีว่า “ไม่ได้ถ่ายรูปบรรยากาศรอบๆ ร้านมาเลย ถ่ายมาแต่รูปหาร” ฮ่าฮ่าฮ่า
วันนี้ตั้งใจมาจัดอาหารไทยเต็มๆ
เมนูที่ผมสั่งมีดังนี้
ต้มกะทิสายบัว ,ปลากระพงทอดน้ำปลา ,ยำหมูยอโบราณ ,ม้าห้อ ,แสร้งว่ากุ้งแม่น้ำ ,ยำผักบุ้งทอดกรอบ ,บัวลอยเบญจรงค์ และข้าวสวย
อย่าถามนะครับ ว่าผมไปกันกี่คน ฮ่าฮ่าฮ่า
ก่อนที่อาหารที่สั่งไปจะมา ทางร้านมีของทานเล่นบริการฟรี 2 อย่าง
คือ น้ำผลไม้ที่คาดว่า น่าจะป็นองุ่น กับเมี่ยงคำ
ส่วนตัวแล้ว ผมไม่ชอบรสชาดน้ำผลไม้แนวนี้นะ แต่น้องสาวกับแม่ผมชอบมาก
แต่เมี่ยงคำเด็ดมาก!!!
เครื่องเคียงที่ให้มาอย่างละเล็กละน้อยมีคุณภาพดี
แต่ที่เด็ดคือน้ำเมี่ยงคำ เหนียว หอม เข้มข้น ราดเพียงนิดเดียวก็หอมขึ้นจมูก
รสชาดอบอวลไปทั้งปากเลย
นับว่าเป็นเมนูเรียกน้ำย่อยที่ประสบความสำเร็จมาก เพราะตอนนี้ “ติดเครื่อง” แล้ว
เมนูแรกที่ออกมาก่อนเลยก็คือ ต้มกะทิสายบัว
จริงๆ เมนูนี้สั่งด้วยความ “ไม่รู้” เลย อะไรก็ไม่รู้ ลองสั่งดู เห็นว่าแปลกดี
แต่ที่สุดแล้วเมนูนี้คือ Recommend เบอร์ 1 ของผมเลย
ต้มกะทิสายบัว ก็ตามชื่อเลย คือเป็นกะทิต้มกับสายบัวและมีเนื้อ “ปลาทู” ผสมอยู่ด้วย
ทีเด็ดก็คือเนื้อปลาทูสดมากและไม่มีก้าง
ปกติผมเองไม่ชอบปลาทูเลยนะ แต่พอมาอยู่ในหม้อนี้มันลงตัวมาก
สายบัวต้มจนนิ่ม น้ำกะทิหอม ไม่เข้มไปไม่อ่อนไป
ทั้งหมดนี้มาราดข้าว กินรวบคำเดียว ฟินสุดๆ ครับ
ม้าห้อ จานนี้เคยรู้จัก แต่ไม่เคยกิน เลยสั่งมาลองดูครับ
มันจะว่าเป็นของคาวก็ได้ แต่จะบอกว่าเป็นของหวานก็ได้
ฐานล่างเป็นสับปะรด โดยเนื้อข้างบนเหมือนจะคล้ายกับไส้ของ “สาคูไส้หมู”
กินรวมกันแล้วลงตัว หวานสัปปะรดตัดกับรสเค็มก็แปลกไปอีกแบบ
เมนูนี้ไว้ทานเล่นได้ครับ
ปลากระพงทอดน้ำปลา เมนูยอดนิยมนี้มีขายกันหลายร้าน
แต่หาร้านที่อร่อยจริงๆ ยากนะครับ
ผมชอบเมนูนี้ในแบบที่มีน้ำราดขลุกขลิกอยู่ข้างล่าง ซึ่งที่นี่ก็มีครับ
ผมว่าทีเด็ดของเมนุนี้อยู่ที่ ปลาสด+ทอดเก่ง+น้ำราด
ซึ่งจานนี้มีครบทั้ง 3 ประการ แถมยังมีทีเด็ดตรงน้ำจิ้มที่ใส่มะม่วงซอยมาด้วย
ปกติตรงน้ำจิ้มผมไม่กิน แต่น้องผมบอกว่าอร่อยดีทีเดียว
ยำหมูยอโบราณ จานนี้คือ จาน Recommend เบอร์ 2 ของผมครับ
ผมไม่รู้ว่ายำหมูยอ (ปกติ) กับโบราณต่างกันอย่างไร (จนถึงตอนนี้ก็ยังไม่รู้ครับ ฮ่าฮ่าฮ่า)
แต่ผมก็ขอลองแบบ “โบราณ” ละกัน
หน้าตามา “แดง” แปร๊ดเลย มันใส่ “พริกเผา” นะครับ
ผมชอบมาก ดูหน้าตาแดงๆ แต่ไม่ได้เผ็ดขนาดนั้น
รสชาดกลมกล่อม คนที่ยำปรุงได้ดีมาก หมูยอหั่นมาพอดีคำ และพอดีให้ทานกับข้าวสวยหรือผักได้พอดีปาก
แถมยังมีเม็ดมะม่วงหิมพานต์มาโรยหน้าอีก มันลงตัวมากๆ ทีเด็ดครับจานนี้
แสร้งว่ากุ้งแม่น้ำ จานนี้สั่งมาเพื่อน้องสาวคนหนึ่งของผม ที่ชอบกินกุ้งมาก
แต่จานนี้ผมเฉยๆ นะครับ
ไม่ใช่ไม่อร่อย แต่ผมไม่ชอบผักที่ปรุงมาเป็นเมนูนี้ พวกหอมแดง ขิง ตะไคร้ โหระพา อะไรพวกนี้
แต่คนที่ชอบก็จะชอบไปเลย อีกอย่างผมว่ากุ้งพอหั่นซอยออกมาแล้วมันไม่ฟิน (สำหรับผมนะ)
ยำผักบุ้งทอดกรอบ จานนี้สั่งมาเพราะจานยำหมูยอโบราณ
เห็นว่ามีน้ำราดคล้ายๆ กัน ซึ่งก็เป็นแบบนั้นจริงๆ
อร่อยเหมือนยำหมูยอโบราณเลย
เพียงแต่เปลี่ยนเป็นผักบุ้งทอดกรอบ และเพิ่มหมูสับในน้ำราดเท่านั้นเอง
อร่อยครับ
บัวลอยเบญจรงค์ ลองจานของหวานทิ้งท้ายสักหน่อย
ก็อร่อยแบบชาววังๆ เลย
หอมกะทิ แป้งนุ่มเหนียว ไม่เยอะไม่น้อยเกินไป
เป็นการปิดมื้ออย่างสมบูรณ์แบบ!!!
เช็คบิลออกมาที่ 1,900 กว่าๆ ผมว่าก็ไม่ถูก
แต่เมื่อรวมกับสถานที่และรสชาดอาหารแล้ว “คุ้ม” ครับ
ยังมีอีกหลายเมนูที่อยากลอง คงต้องหาเวลากลับไปอีกแน่นอน
ถือว่าเป็นอีกหนึ่งร้านอาหารไทยที่น่าสนใจเลยครับ
ใครว่างๆ ลองแวะไปทานดูนะครับ รับรอง ไม่ผิดหวัง
ใครอยากไป เข้าไปดุแผนที่ที่ลิงค์หน้าเพจของทางร้านได้เลยครับ