ผมเห็นดีเวลลอปเปอร์หลายเจ้าหันมารุกธุรกิจอื่นกันเยอะในช่วงสถานการณ์แบบนี้ ทาง "สิงห์ เอสเตท" เองก็เหมือนกันครับ แต่รายการการรุกเข้าสู่ธุรกิจของเขานั้นยาวเป็นหางว่าวเลย!

        ทั้งการพัฒนาโครงการนิคมอุตสาหกรรม ธุรกิจผลิตกระแสไฟฟ้า ธุรกิจให้บริการด้านวิศวกรรม และธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องอื่นๆ ด้วยนะ 

        แน่นอนว่ารุกเพียบแบบนี้เลยตั้งเป้าเพิ่มรายได้ขึ้นอีก 3 เท่าตัว ให้กลายเป็นประมาณ 20,000 ล้านบาทต่อปี ภายในระยะเวลาสามปี พร้อมกับสร้างธุรกิจให้มีมูลค่าสินทรัพย์เพิ่มขึ้น จาก 65,000 ล้านบาท ในสิ้นปี 2563 ไปเป็นธุรกิจที่มีมูลค่าสินทรัพย์ 80,000 ล้านบาท ในสิ้นปี 2566 ครับ

        การพัฒนาโครงการขนาดยักษ์หลากหลายโครงการของเค้าเป็นการผนึกกำลังธุรกิจโรงแรม ธุรกิจที่พักอาศัย ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เพื่อการพาณิชย์และอุตสาหกรรม เข้ากับธุรกิจผลิตกระแสไฟฟ้า และธุรกิจให้บริการด้านนวัตกรรมที่เกี่ยวเนื่องครับ น่าจะเป็นการสร้างความได้เปรียบเชิงธุรกิจให้กับสิงห์ เอสเตท ได้อย่างมหาศาลเลยนะ

        อย่างในปีที่ผ่านมานั้น 3 กลุ่มธุรกิจของสิงห์ เอสเตท คือธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เพื่อการพาณิชย์ ธุรกิจโครงการที่พักอาศัย และธุรกิจรีสอร์ตและโรงแรม ทำรายได้คิดเป็นสัดส่วน 96% ของรายได้ทั้งหมดของบริษัท เค้าเลยหวังว่ากลุ่มธุรกิจที่ 4 จะเป็นธุรกิจใหม่ที่เข้ามาเติมเต็มและต่อยอดธุรกิจอสังหาฯ ที่เป็นแกนหลักมาแต่เดิม และจะสร้างรายได้ให้กับสิงห์ฯ เพิ่มเติมได้ครับ

        แต่ดูจากรูปแบบธุรกิจแล้วก็น่าจะสร้างรายได้ให้อีกเพียบจริงๆ นั่นแหละน้า...