หลังจากเกิดการระบาดจองโควิดระลอก 2 เมื่อช่วงปลายปี 63 มาจนถึงต้นปี 64 เศรษฐกิจที่กำลังฟื้นตัวได้รับแรงกระแทกจากการระบาดในระลอก 2 นี้จำนวนไม่น้อย แต่ไม่ใช่กับตลาดอสังหาครับ เพราะบิ๊กอสังหาหลายเจ้าเผยยอดขายอสังหาไตรมาสแรกออกมาแล้ว ผลปรากฏว่าผ่านฉลุย

        "ออริจิ้น" เผยว่าสามารถสร้างยอดขายโครงการที่อยู่อาศัยในไตรมาส 1 ของปี 2564 ได้ถึง 7,500 ล้านบาท หรือ 26% ของเป้าหมายยอดขายปีนี้ 29,000 ล้านบาท โดยทำการแบ่งเป็นยอดขายจากกลุ่มคอนโด 73% และยอดขายจากกลุ่มบ้านจัดสรร 27% ซึ่งถือเป็นผลการดำเนินงานที่น่าพึงพอใจ ในสภาวะที่ตลาดช่วงต้นไตรมาสได้รับแรงกดดัน

        ซึ่งยอดขายดังกล่าวเป็นยอดขายจากโครงการพร้อมอยู่ 69% และยอดขายจากกลุ่มโครงการที่เพิ่งเปิดขายหรืออยู่ระหว่างดำเนินการก่อสร้าง 31% ซึ่งแบรนด์ที่ทำยอดขายออกมาได้ดีในไตรมาสนี้ตกเป็นของแบรนด์ไนท์บริดจ์ ที่เจาะตลาดระดับไฮเอนด์ และแบรนด์ดิ ออริจิ้น  ที่เจาะตลาดกลุ่มคนรุ่นใหม่ 

        ยิ่งตอนนี้สถานการณ์อสังหาเริ่มมีแนวโน้มที่สดใส มีการเปลี่ยนแปลงไปในทิศทางที่ดีขึ้นมีปัจจัยบวกหลายด้านที่ทยอยเกิดขึ้นต่อภาพรวมเศรษฐกิจและกำลังซื้อของผู้บริโภค อาทิ การทยอยฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 การต่ออายุมาตรการลดภาษีค่าธรรมเนียมการโอนกรรมสิทธิ์และค่าจดจำนอง ซึ่งออริ้จิ้นก็มีโครงการที่อยู่อาศัยพร้อมอยู่ และโครงการที่จะก่อสร้างแล้วเสร็จในปีนี้ในระดับราคาต่ำกว่า 3 ล้านบาท ซึ่งจะได้รับอานิสงส์จากมาตรการดังกล่าว คิดเป็นมูลค่ารวมกว่า 11,000 ล้านบาท แบ่งเป็นกลุ่มคอนโด ประมาณ 8,500 ล้านบาท และกลุ่มบ้านจัดสรรแบรนด์ไบรตัน 2,500 ล้านบาท 

        ซึ่งในไตรมาส 2 นี้ออริจิ้นจะเปิตัวเพิ่มอีก 3 โครงการได้แก่ แกรนด์ บริทาเนีย บางนา กม.12 แกรนด์ บริทาเนีย ราชพฤกษ์-พระราม 5 รวมถึงแบรนด์ใหม่อย่าง “แฮมป์ตัน”  แบรนด์อสังหาริมทรัพย์เพื่อการลงทุน  โครงการแรกของบริษัท ที่ร่วมทุนกับกลุ่มดุสิตธานี นำร่องในทำเลศรีราชาภายใต้ชื่อ แฮมป์ตัน ศรีราชา 

        ด้าน "แสนสิริ" เผยว่าสามารถทำยอดขายได้ดีในไตรมาสแรกของปี 64 โดยมียอดขายล่าสุดอยู่ที่ 7,000 ล้านบาท เกินจากเป้ายอดขายไตรมาสแรกที่วางไว้ 5,000 ล้านบาท เกือบ 30% จากเป้าหมายยอดขายทั้งปีที่วางไว้ 26,000 ล้านบาท ทั้งที่ยังไม่มีการเปิดโครงการใหม่และดำเนินธุรกิจภายใต้สภาวะตลาดที่ยังผันผวนสูงในสถานการณ์ที่ยังมีการแพร่ระบาดของโควิด 

        ทางแสนสิริจึงพิจารณาปรับเป้าหมายยอดขายไตรมาสแรกเพิ่มขึ้นเป็น 9,000 ล้านบาท คาดจะสามารถปิดการขายได้อีก 5 โครงการแนวราบ คือ เศรษฐสิริ พัฒนาการ, เศรษฐสิริ กรุงเทพกรีฑา,บุราสิริ พัฒนาการ, บุราสิริ รังสิต และ บุราสิริ วงแหวน – อ่อนนุช ภายในไตรมาสสองนี้

        ส่วนฝั่งของ"พฤกษา" กล่าวว่ายอดขายไตรมาสแรกโตเกินเป้าที่ตั้งไว้8-10% เมื่อเทียบกับปี 2563  ที่ยังไม่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19  รวมถึง "ศุภาลัย" ที่ในไตรมาสแรกก็สามารถทำยอดขายได้ค่อนข้างดีเช่นกัน โดยส่วนหนึ่งเกิดจากดีมานด์ของผู้ที่ต้อการซื้อบ้านยังมีอยู่รวมทั้งธนาคารเริ่มปล่อยสินเชื่อเพิ่มขึ้น ถึงแม้ว่าจะมีโควิดระลอก2 แต่ผู้บริโภคมีความมั่นใจมากขึ้น ลูกค้าที่ไม่ได้รับผลกระทบด้านกำลังซื้อจากโควิดยังคงออกมาซื้ออย่างต่อเนื่อง รวมถึงตลาดต่างจังหวัด 

        สัญญาณดีๆ มาแล้วครับ ในไตรมาส 2 ของปีผมว่าเราน่าจะได้ยินข่าวการเปิดโครงการมากขึ้นแน่นอน ตลาดเริ่มสดใสแล้ว ยิ่งตอนนี้ทยอยฉีดวัคซีนเตรียมเปิดประเทศแบบนี้ อสังหาน่าจะเข้าที่เข้าทางในเร็ววันอย่างแน่นอน