ช่วงปีสองปีมานี้ ผมเห็นเคส Food Waste ค่อยๆ บูมขึ้นมาเรื่อยๆ มันก็เรียกได้ว่าเป็นกลไกสังคมนะ เพราะคนเริ่มหันมาตื่นตัวเริ่มรักษ์โลกกันแล้ว วันนี้เลยขอทำตัวขึงขังจริงจัง ชวนให้ทุกคนมาตระหนักถึงเรื่องนี้กันสักหน่อย แหะๆ
คิดว่าหลายคนน่าจะยังไม่รู้ ว่าหนึ่งในตัวการระดับบอสของการเกิดภาวะโลกร้อนคือ “อาหาร” นี่แหละครับ
อาหารที่หลายๆ คนกินกันทำกันออกมานี่ย สุดท้ายแล้วปลายทางมันอยู่ที่การเป็น "ขยะ" ยิ่งกับพวกร้านขายอาหารหรือในห้างสรรพสินค้าที่บางที่ก็จะทำกันแบบวันต่อวัน ขายไม่หมดก็เอาไปทิ้งนั้น มันคือหนึ่งในตัวการเลยล่ะ
แน่นอนว่าอาหารที่ทิ้งไปยังมีคุณภาพดีครับ แต่ด้วยนโยบายของแต่ละร้านมันเลยจบลงด้วยการเป็นขยะ แต่ถึงอย่างนั้นมันก็เกิดไอเดียของการใช้กลยุทธ์ “ฉลากป้ายเหลือง” เข้ามาช่วย เป็นการนำอาหารนั้นๆ มาลดราคา ถือได้ว่าเป็นหนึ่งในทางออกของการระบายอาหารเหลือแต่ยังมีคุณภาพดีในวินาทีสุดท้ายกันเลยทีเดียว
แต่ด้วยยุคที่อะไรๆ ก็สามารถทำงานได้ผ่านมือถือ การเดินออกไปร้านค้าเพื่อซื้ออาหารแปะ "ฉลากป้ายเหลือง" เลยไม่ตอบโจทย์เท่าไหร่แล้ว เพราะคนสามารถสั่งผ่านฟู้ดดิลิเวอรี่กันได้
เร็วๆ นี้เองผมเพิ่งจะเห็นแอปพลิเคชั่นน่าสนใจ ย้ำเลยว่าน่าสนใจมากๆ และอยากให้ทุกคนได้ลองทำความรู้จักมันครับ
เจ้าแอปฯ นี้มีชื่อว่า "ยินดี (Yindii)" เป็นแอปฯ ที่ "ยินดี" สร้างสรรค์นวัตกรรมเพื่อแก้ปัญหาเมืองในประเด็นเรื่องการจัดการ Food Waste ครับ
ผมชอบไอเดียของเค้ามาก เพราะมันคือการซื้อขายอาหารคุณภาพดีที่เหลือจากการขายหน้าร้านของบรรดาร้านอาหาร โรงแรม หรือซูเปอร์มาร์เก็ตทั้งหลายผ่านแอปพลิเคชั่น!
แทรกตรงนี้ก่อนเลยว่าที่เอามาขายกันนั้นมีทั้งอาหารสด เบเกอรี่ หรือกระทั่งบุฟเฟต์ยังมีเลยครับ
ที่สำคัญเป็นร้านดังๆ คุ้นหูกันเสียเยอะเลยนะ ราคาก็ถูกลงกว่าแบบที่ขายแบบปกติด้วย แต่แน่นอนล่ะว่าเรื่องคุณภาพยังคงดีอยู่มากจริงๆ
ก่อนจะไปตรงนั้นผมขอพูดถึงจุดเริ่มต้นของเค้าหน่อยแล้วกัน
แอปฯ นี้ถูกสร้างมาเพราะการระบาดของโควิด-19 แท้ๆ เลยล่ะ ร้านอาหารถูกล็อกดาวน์ สุดท้ายก็ต้องโยนอาหารเหลือที่ขายไม่ได้ทิ้งไป เกิดเป็นขยะจำนวนมหาศาล พูดไปพูดมามันก็คือรายได้ที่โยนลงไปด้วยเหมือนกันเนอะ
เพื่อเป็นการแก้ปัญหาในเรื่อง “อาหารเหลือ” สุดท้ายก็เลยเกิดเป็นแอปฯ Yindii ขึ้นมาครับ
ผมลองไปค้นดูด้วยความสนใจส่วนตัว ก็พบว่าอันที่จริงมันไม่ได้ใหม่อะไรสำหรับที่ต่างประเทศ อย่างในโคเปนเฮเกนก็มีเหมือนกัน ให้บริการกว่า 15 ประเทศเลยด้วย แต่ว่าที่ไทยนั้นเพิ่งเริ่มต้นได้ไม่นานมานี้เอง
แต่ถึงจะเพิ่งเริ่มต้น ทว่าผลตอบรับออกมาดีเลยนะ ที่สำคัญคือถือเป็นสัญญาณดีในการเริ่มทำอะไรใหม่ๆ ด้วย
ตอนนี้ตัวแอปฯ ยังไม่ค่อยสมบูรณ์นักครับ เพราะเค้าเพิ่งเริ่มต้น แถมร้านส่วนมากที่เข้าร่วมก็จะเกาะกลุ่มอยู่ในโซนใจกลางกรุงเทพฯ เสียเป็นส่วนใหญ่ แต่ใครที่สนใจอยากลองผมก็คิดว่าน่าจะลองหาโหลดมาใช้งานกันนะ
ทีนี้มาพูดถึงตัวแอพฯ กันบ้างดีกว่า
ต้องบอกเลยว่ามันไม่เหมือนแอปพลิเคชั่นสั่งอาหารทั่วๆ ไป เพราะอาหารในแอปฯ เป็นอาหารที่ร้านขายไม่หมดจากการขายในวันนั้นๆ ไอ้เรื่องที่ว่าเราจะสั่งมาปุ๊บแล้วได้กินปั๊บนั้นเป็นไปไม่ได้ครับ เพราะเราต้องรอถึงช่วงเย็นๆ ประมาณ 6 โมง - 1 ทุ่มอะไรแบบนี้ อาหารถึงจะมาส่งเรา
แต่ขั้นตอนในการใช้งานคือ เราต้องเข้าไปจองอาหารในร้านที่เราสนใจก่อนตั้งแต่ช่วงกลางวัน อาหารในแอปฯ มีหลากหลายรูปแบบเลย ทั้งอาหารมื้อหนัก อาหารมื้อย่อย ขนมปัง ผัก ผลไม้ เรียกได้ว่ามีหมด!
ในเรื่องของการจัดส่งนั้นเราก็สามารถเลือกได้ว่าจะให้เดลิเวอรี่หรือเราจะเข้าไปรับเอง ซึ่งทาง Yindii เค้าจะใช้บริการเดลิเวอรี่จากทางหลายๆ แบรนด์เข้ามารองรับตรงนี้ครับ ราคาค่าส่งก็จะแตกต่างกันไปด้วยนะ ขึ้นอยู่กับในแต่ละแบรนด์ที่ส่งอาหารให้เรา แต่บอกเลยว่าราคาอาหารนั้นถือว่าคุ้ม เพรามันถือได้ว่าเป็นแฟลชเซลส์ของทางร้าน ลูกค้าอย่างเราก็ได้อาหารคุณภาพดีมากินในราคาที่ถูกลงอย่างไม่น่าเชื่อ
อีกหนึ่งกิมมิกที่ผมมองว่ามันสนุกมากคือ "กล่องอาหาร" ของเค้าครับ
บอกไปแล้วว่ามันไม่เหมือนเดลิเวอรี่เจ้าไหนๆ เพราะกล่องของ Yindii คือกล่องอาหารเซอร์ไพรส์!
ร้านจะเตรียมกล่องที่มีอาหารส่วนเกินจากวันนั้นๆ เอาไว้ โดยราคาจะถูกกว่าป้ายถึง 50% และเราจะไม่รู้เลยว่าในกล่องนั้นใส่อาหารอะไรอยู่จนกว่าเราจะได้เปิดมัน
ฟีลลิ่งเดียวกับการเปิดกล่องของขวัญเลยเนอะ เป็นการลดขยะอาหารที่สนุกและน่าลุ้นมากๆ
อ้อ แต่ว่าไม่ต้องกลัวว่าอาหารที่สั่งมาจะไม่ถูกปากเราหรือเป็นอะไรที่เราไม่อยากกินนะครับ เพราะตอนที่เราเข้าไปเลือกร้าน แต่ละร้านจะเขียนบอกเมนูที่อาจจะโผล่เข้ามาในกล่องของเราให้เห็นกันก่อน ถึงเวลาก็มาลุ้นกันอีกที
แต่ว่า! อาหารในแอพถูกจองเร็วมาก!
ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อนะ บางครั้งผมเข้าไปตอน 10-11 โมง ขึ้น sold out กันหลายร้านแล้ว เพราะงั้นใครที่อยากลองต้องรีบเข้าไปจองหน่อยครับ ช่วงบ่ายโมงนี่ก็เริ่มขึ้นตัวแดงกันเป็นแถบแล้วเหมือนกัน
ส่วนร้านอาหารที่เข้าร่วม อย่างที่บอกไปว่าตอนนี้แรกเริ่มอาจจะกระจุกอยู่บริเวณใจกลางกรุงเทพฯ ไปบ้าง แต่ว่าแต่ละร้านก็น่าสนใจทั้งนั้น ผมขอหยิบชื่อร้านมาแปะ "คร่าวๆ" แล้วกัน
อย่างเช่น ร้าน Sofitel Sukhumvit, Veganerie, Ohana Poke, Broccoli Revolution, Delifrance, Sunshine Market, Banana Warrior, BBCO, Hummus Heads, Paris Mikki, Bei Otto, Grand Hyatt Erawan, Meet Fresh, Red Rose Chineses Restaurant ฯลฯ เขียนไม่หมด ที่สำคัญยังจองไม่ทันด้วยครับ! 5555
ตอนนี้ทีมพัฒนาแอปฯ กำลังเพิ่มจำนวนร้านอาหารเข้าไปในแอปฯ อยู่นะ เห็นว่าภายในปลายปีนี้น่าจะรุกตลาดทั่วกรุงเทพฯ ได้แล้ว พร้อมๆ ไปกับการขยายสู่หัวเมืองใหญ่ทั่วประเทศ ไม่ว่าจะเป็น ภูเก็ต เชียงใหม่ ฯลฯ ส่วนประเทศอาเซียนอย่างสิงคโปร์ ไต้หวัน ก็เป็นเป้าหมายที่ทีมปักหมุดไว้เช่นกันครับ
ใครที่อยากลองเปิดประสบการณ์ใหม่กับ Yindii เค้าก็ยินดีให้หาโหลดแอปพลิเคชั่นมาลองใช้กันนะ จิ้ม ที่นี่ เล้ยยย
นอกจากจะได้ลองอาหารใหม่ๆ คุณภาพดีจนแยกแยะไม่ออกว่านี่คืออาหารที่ขายไม่หมดแล้ว ยังได้เป็นส่วนหนึ่งในการช่วยเหลือสิ่งแวดล้อมด้วยแบบนี้ ถึงจะเป็นเพียงแค่ส่วนเล็กๆ ในการช่วยเหลือสิ่งแวดล้อม แต่ก็เป็นสัญญาณที่ดีที่จะช่วยให้โลกของเราดีขึ้นได้จริงๆ ครับผม!
Tag :
"MARU CHULA" สรุป สิ่งที่ควรรู้ของคอนโดใหม่จากค่าย Major
ว่ากัน 'ซอยหลังสวน' เปรียบเสมือน "แมนฮัตตันแห่งกรุงเทพฯ" คำกล่าวนี้ผมว่าไม่เกินจริงเลยนะ เพราะซอยหลังสวน ได้ชื่อว่าเป็นย่านที่มีราคาที่ดินแพงที่สุดในประเทศไทย และมูลค่าเพิ่มอย่างต่อเนื่องทุกปี!!
นี่คือคอนโดที่ใกล้ "ลานชมเมืองภูเก็ต" บนเขารังมากที่สุด ทำให้คุณเห็นวิวเมืองภูเก็ตสวยๆตัดภูเขา ทะเล และท้องฟ้า ได้อย่างเต็มตา
ก่อนไปดูทำเล ขอพูดถึงตัวโครงการหน่อย ออกตัวก่อนว่าผมหาข้อมูลที่ยังไม่ Official นะครับ คือไม่ชัวร์ว่าโครงการจะสูงกี่ชั้น มีกี่ยูนิตกันแน่ แต่ทาง PropCons บอกว่าตัวนี้น่าจะเป็นคอนโด High-rise สูงราวๆ 21 ชั้น
โครงการใหม่แกะกล่องจาก 'เสนาดีเวลลอปเมนท์' มีรถไฟฟ้าสายสีเหลืองตัดผ่าน ถือว่ายังเดินทางง่ายๆ ชิลๆ
คอนโดสูงติดถนนพระราม 3 จาก 'ไทย ยูเนี่ยน พร้อพเพอร์ตี้ ดิเวลลอปเม้นท์' ที่ตอนนี้กำลังสร้างสำนักงานขาย วันที่ผมไปนี้จวนจะเสร็จแล้วนะ
เป็นคำถามที่อยู่ในใจของผม ตั้งแต่ก่อนมางาน
"Origin Hotel Pruksa Sukhumvit" โปรเจกต์จากสองยักษ์ที่จะทำให้วงการอสังหาฯ ไทยสั่นสะเทือน!
ประเทศที่มักจะมีงานดีไซน์แปลกๆ ใหม่ๆ แต่ไม่ทิ้งความเว่อร์วังอลังการ (ในทางที่ดี) ก็คือพี่จีนของเรานี่แหละครับ
เดือนแห่งความรัก ได้เวลาซื้อบ้านซื้อคอนโดเป็นของขวัญแล้ว!
ห้างใหม่มาอีกแล้ว! แต่มีให้เดินก็ต้องไปเดินกันสักหน่อยแหละ!
ในช่วง 3-4 ปีนี้ ผมรู้สึกได้ว่า เทรนด์การพัฒนาโครงการบ้าน มีการพัฒนาขึ้นอย่างก้าวกระโดด โดยเฉพาะตลาดของบ้านเดี่ยว Luxury