ผมย้อนคิดไปถึงช่วงชีวิตของผมในวัยเด็ก
มีอยู่ช่วงหนึ่งที่คุณพ่อคุณแม่พามาเที่ยวทะเลบ่อยมาก จำได้ว่าเกือบจะทุกสัปดาห์เป็นเวลาหลายสัปดาห์เลยทีเดียว
ส่วนใหญ่ก็จะมากับญาติๆ ด้วยกันหลายๆคนนี่แหละครับ
แต่แปลกมากที่ผมจำไม่ได้เลยว่าเคยไปหัวหิน จำได้แต่ที่พัทยาหรือไม่ก็บางแสน
จะได้มาก็เมื่อ ช่วงหลังเรียนมหาวิทยาลัย กับที่เริ่มทำงานทำการนี่แหละครับ ถึงได้เริ่มมาหัวหินกับเขาบ้าง
ก็ให้บังเอิญว่ามีเพื่อนสนิท หลายๆคนมีบ้านพักตากอากาศอยู่แถวนี้ เลยได้แวะเวียนมาเที่ยว
สุดท้ายก็สลับกันไปมาระหว่างหัวหินพัทยา ทั้งเรื่องงาน และไม่งานสลับกันไป
ไม่รู้ว่าคนอื่นๆจะมีความรู้สึกเหมือนกับผมหรือปล่าวว่า
เมื่อนำ "หัวหิน" มาเทียบกับ "พัทยา"
"หัวหิน" ในความคิดผมจะแลดู "อบอุ่น" กว่า มีสถาปัตยกรรมดั้งเดิมที่น่าประทับใจ
เหมาะแก่การพักผ่อนหย่อนใจจริงๆ
ในขณะที่พัทยา จะมีภาพลักษณ์ที่เหมาะกับการเที่ยวกลางคืน ออกแนวตื๊ดๆหน่อย 555
ซึ่งเมื่อผมลองไปหาข้อมูลของ "หัวหิน" เมื่อวันวานดู
ในช่วงปี พ.ศ.2377 สมัยรัชกาลที่ 3 สมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว
ชาวบ้านเริ่มย้ายเข้าไปทำมาหากินในบริเวณนี้ เพื่อการเกษตร และประมง
พื้นทีบริเวณนี้ถูกเรียกว่า “บ้านสมอเรียง”
ต่อมาเจ้านายหลายพระองค์ได้เห็นว่า เป็นสถานที่ที่สวยงามมีน้ำทะเลใส หาดทรายสะอาด บรรยากาศดี
จึงได้มีความคิดที่จะสร้างบ้านพักตากอากาศเกิดขึ้น
เจ้านายพระองค์แรกที่ได้มาสร้างบ้านพักที่นี่ คือ พระเจ้าวรวงศ์เธอ กรมพระยานเรศวรฤทธิ์
ซึ่งโดยปรกติ การสร้างเรือนรับรองเจ้านายชั้นผู้ใหญ่
ก็ต้องมีเรือนของบริวารอยู่โดยรอบเพิ่มเติมอีก
จึงเริ่มมีการจัดสรรพื้นที่ และขยายขอบเขตออกไปมากขึ้น
เจ้านายสมัยนั้นก็ขนานนามย่านนี้เสียใหม่ว่า “หัวหิน”
สมัยพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 6 ทรงโปรดให้ขยายเส้นทางรถไฟสายใต้ ที่สามารถเชื่อมต่อไปยังประเทศมาเลเชียได้
ทำให้การเดินทางมายังหัวหินในสมัยนั้น ที่ยังเป็นแค่ทางผ่าน สามารถไปได้ง่าย และเป็นที่นิยมมากขึ้น
มีการสร้างสนามกอล์ฟแห่งแรกขึ้นในประเทศไทย
ต่อมาก็มีการสร้างโรงแรมรถไฟ หรือโฮเตลหัวหิน ในช่วงเวลาใกล้เคียงกัน กับวังไกลกังกลในสมัยพระบาทสมเด็จพระปกเกล้า รัชกาลที่ 7
โดยทรงพระราชทานทรัพย์ส่วนพระองค์ โปรดให้สร้างวังที่ประทับเพื่อพักผ่อนในช่วงฤดูร้อน และทรงให้พระนามว่าสวนไกลกังวล
จากเจ้านายชั้นผู้ใหญ่ ก็ลามไปสู่ข้าหลวง และเศรษฐี ผู้ดีในสมัยนั้น
ทำให้หัวหินเป็นสถานที่ตากอากาศยอดนิยมของชนชั้นสูงต่อๆกันมา
ดังนั้นที่ดินบริเวณชายหาดหัวหิน ส่วนใหญ่จึงถูกจับจอง และจัดสรรโดยบุคคลชั้นนำของประเทศ ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน
อาจจะเป็นด้วยเหตุนี้เอง ทำให้หัวหินในความคิดผม แลดูแตกต่าง มีสไตล์ กว่าสถานที่ตากอากาศริมทะเลอื่นๆ
แต่ช่วง 10 ปีที่ผ่านมานี้ ผมว่าหัวหินมีความเปลี่ยนแปลงอย่างชัดเจน …..
หลังๆผมไปหัวหินบ่อยขึ้นมากครับ
เริ่มชอบและหลงไหลเลยทีเดียว
ที่พักและแหล่งท่องเที่ยวหลายๆที่ ออกแบบได้อย่างเยี่ยมยอด
มีสถานที่ดีๆที่สวยงาน และน่าเยี่ยมชมมากมาย
ถือว่ามีการเติบโด และขยายตัวอย่างต่อเนื่อง
แต่อาจเป็นการเจริญเติบโตโดยไม่มีโครงสร้างพื้นฐานที่รองรับอย่างเพียงพอ
ผมเองมีความกังวลว่าจะทำให้หัวหินในอนาคตมันอาจจะเลอะได้
หากไม่มีโครงสร้างพื้นฐานในด้านต่างๆ มารองรับอย่างเพียงพอ และสมดุลกับความต้องการ
สังเกตได้จากเวลามีเทศกาลหยุดติดต่อกันหลายๆวัน
หัวหินมักจะเนืองแน่นจนบางครั้งถึงกับแออัด
มีทั้งสวนน้ำ ตลาดนัด ห้างสรรพสินค้า โรงแรม คอนโดมิเนียม ร้านอาหาร มหกรรมคอนเสริต
ผมไม่ได้มีข้อมูลอะไรในเชิงลบหรอกนะครับ
แค่มีความรู้สึกเป็นห่วง แกมหวงแหน ความสวยงาม และความสมดุลในที่หัวหินนี้
ผมว่านักธุรกิจไทยมีความเก่งกาจในเรื่องของการเข้าหาโอกาสเป็นอย่างมาก
ซึ่งมันก็เป็นทั้งข้อดี และข้อเสียล่ะนะ
แต่หากองค์กรส่วนท้องถิ่นไม่สามารถจัดการ หรือควบคุมให้มีความสมดุลได้
ผมว่าอนาคตก็น่าเป็นห่วงนะครับ
ของแบบนี้ต้องร่วมมือกันทุกภาคส่วน ไม่ว่าจะจากรัฐหรือเอกชน
รวมถึงพวกเราทุกคนด้วยนะครับ
ในอนาคต ลูกหลานของพวกเรา
จะได้มี "หัวหิน" ถิ่นเที่ยวมีเสน่ห์ มีสไตล์ ไว้ให้พักผ่อนกันต่อไปตราบนานเท่านานเนอะ