ยังคงเป็นที่สงสัยของผมตลอดหลายปีที่ผ่านมาครับ กรุงเทพฯ ของเรามีสารพัดโครงการชวนคนเมืองปลูกต้นไม้ของกรุงเทพมหานครผุดขึ้นทุกปี
แต่พื้นที่สีเขียวในเมืองหลวงของเราก็ยังคงน้อย และไม่เพียงพอที่จะทำให้พวกเรามีคุณภาพชีวิตดี ๆ จากเมืองสีเขียวที่ใฝ่ฝันได้ซะที
เพื่อน ๆ เชื่อมั้ยครับว่าปี 2563 ที่ผ่านมา กรุงเทพฯ ของเรามีพื้นที่สีเขียวเพียง 6.99 ตร.ม./คน ซึ่งน้อยกว่าค่ามาตรฐานที่องค์การอนามัยโลกกำหนดไว้ 9 ตร.ม./คน!!!
จุดนี้แหละ... เป็นปัญหาที่เราต้องย้อนกลับมาคิดกันครับว่าสารพัดโครงการที่ผ่านมานั้น ทำไมมันยังคงไม่ได้ผลเท่าควรกันนะ?
"mor and farmer" ทีมสถาปนิกรั้วธรรมศาสตร์ก็เป็นอีกส่วนหนึ่งที่อยากเห็นกรุงเทพเป็นเมืองสีเขียวเช่นกัน
โดยเค้าได้วิเคราะห์พื้นที่ต้นไม้ในแต่ละเขตของกรุงเทพมหานครปลายปี 2560 จนถึงต้นปี 2561 ด้วยเครื่องมือ Machine Learning สำหรับหาพื้นที่ต้นไม้จากภาพถ่ายดาวเทียม
ผลปรากฏว่า กรุงเทพฯ มีพื้นที่ต้นไม้เพียง 227 ตารางกิโลเมตรจากพื้นที่กรุงเทพฯ ทั้งหมด 1,661 ตารางกิโลเมตร หรือคิดเป็น 13.7 เปอร์เซ็นต์เท่านั้น
และที่น่าตกใจไปกว่านั้นคือพื้นที่ต้นไม้ที่เห็นน้อย ๆ เนี่ย เค้ารวมทั้งต้นไม้ในพื้นที่สาธารณะและพื้นที่ส่วนบุคคลแล้วด้วยนะ น้อยไป!!!!!
ยังไม่หมดแค่นั้นครับ... เพราะเค้ายังจัด 10 อันดับเขตใน กทม. ที่มีพื้นที่ต้นไม้ต่อคนน้อยที่สุด ไว้ให้เราช้ำใจกันเล่น ๆ ด้วย
ไม่แน่นะ! ทำเลที่เพื่อน ๆ อยู่ แม้อาจจะดูร่มรื่นมีต้นไม้มากมาย แต่ถ้าเฉลี่ยทั้งเขตแล้วอาจจะมีพื้นที่ต้นไม้น้อยกว่าที่คิดก็ได้ ฮ่า ๆๆๆๆๆ
จากข้อมูลนี้เองทำให้ผมนึกไปถึงแนวคิด ‘การ์เด้นซิตี้’ (Garden City) หรืออุทยานนครในช่วงหลังการปฏิวัติในยุคอุตสาหกรรมขึ้นมาเลยครับ
เพราะเป็นแนวคิดการออกแบบเมืองที่เน้นประโยชน์ต่อสุขภาพ ความเป็นอยู่ และการทำอุตสาหกรรม ให้ทุกอย่างสามารถอยู่ร่วมกันได้อย่างสมดุลและเหมาะสม
โดยหลังจากนั้นเป็นต้นมา 'สวนสาธารณะ' ก็ได้กลายเป็นมาตรฐานในการวางแผนพัฒนาเมือง ซึ่งในการวางผังเมืองของแต่ละประเทศก็จะกำหนดมาตรฐานที่แตกต่างกันไป
ขึ้นอยู่กับขนาดพื้นที่ ความหนาแน่นของผู้คน และลักษณะประชากรของพื้นที่นั้น ๆ ยกตัวอย่างให้เห็นภาพก็เช่น ค่ามาตรฐานของพื้นที่สำหรับพักผ่อนหย่อนใจโดยรวมต่อจำนวนประชากรในสหรัฐฯ
เค้ากำหนดเอาไว้ประมาณ 25 ไร่ต่อประชากร 1,000 คน สนามเล่นกีฬาและสนามเด็กเล่นตามชุมชน ถูกกำหนดอยู่ที่ 2.5 ไร่ต่อประชากร 800 คน ซึ่งในแต่ละรัฐก็จะมีตัวเลขไม่เท่ากัน
กลับมาที่ดินแดน 'ไทยแลนด์' ของเรา จากข้อมูลเห็นว่าเคยกำหนดพื้นที่พักผ่อนโดยรวมไว้ที่ 10 ไร่ต่อประชากร 1000 คน
แต่ในความเป็นจริงไม่เป็นไปตามฝันครับ เพราะจากผังเมืองกรุงเทพฯ ฉบับปรับปรุงใหม่มีศักยภาพสามารถทำได้เพียง 1.8 ไร่ต่อประชากร 1000 คนเท่านั้น
จุดนี้แหละทำให้ในอนาคต กทม. ก็มีแผนสร้างสวนสาธารณะในเมืองเพิ่มถึง 11 แห่ง รวมถึงอุทยานและพื้นที่การท่องเที่ยวเชิงนิเวศที่มีป่าชายเลน
หวังเพิ่มเส้นทางสีเขียวระยะทาง 15 กิโลเมตร เพื่อให้ทุกคนมีพื้นที่สร้างสุขภาพกายและสุขภาพใจอย่างเพียงพอ เป็นเมืองสีเขียวอย่างที่ใฝ่ฝันกันไว้
ซึ่งนอกจากภาครัฐ ภาคเอกชนแล้ว ตัวพวกเราเองทุกคนก็สามารถช่วยกันได้นะ มาช่วยกันเปลี่ยนพื้นที่ว่างใกล้ตัวให้เป็นพื้นที่สีเขียว เพื่ออนาคตที่สดใสของดินแดนไทยแลนด์ครับผม :)
Tag : พื้นที่สีเขียว | สวนสาธารณะ | กรุงเทพมหานคร
เคยมีคนถามผมว่า "สมัยนี้ ยังสามารถสร้างคอนโดที่ไม่ใกล้รถไฟฟ้าได้ไหม?" ได้สิ เพราะแม้ว่าความใกล้ รถไฟฟ้า จะเป็น 1 ในปัจจัยหลักที่สำคัญมาก แต่มันก็ยังมีปัจจัยอื่นๆที่ "ขาย" ได้อยู่อีก
จะมีคอนโดปล่อยเช่าอยู่อันนึง ที่แม้แต่ตอนโควิดก็ไม่มีผลอะไร มีคนเช่าตลอดๆ แทบไม่มีช่วงว่าง บางครั้งคือ คนเก่าย้ายออกตอนเช้า ตอนเย็นคนใหม่ใส่หน้ากากอนามัยขนของเข้าอยู่ต่อเลย
หลังจากที่ผมถ่ายรูปห้องตัวอย่างใน Sales Gallery เสร็จ ผมก็หันไปบอกกับคุณบี ที่มาด้วยกัน เชื่อไหมว่า แป๊บๆ เดี๋ยวก็ Sold Out!!
หน้าร้อนซัมเมอร์มันก็ต้องคู่กับทะเล ผมฝันไว้เสมอนะว่าอยากมีคอนโดตากอากาศ แต่ปัญหาก็คือคอนโดติดทะเลส่วนใหญ่มีราคาแรงมาก
หลังจากปล่อย "KLOS Ratchada" ไปไม่นาน "Frasers Property" ก็ได้ฤกษ์เตรียมผุดคอนโดแบรนด์ KLOS แห่งที่ 2 ต่อทันทีครับ
นับตั้งแต่เมืองเริ่มขยายตัวออก พื้นที่ที่หลายคนเคยมองข้ามก็กลายเป็นว่าเริ่มเนื้อหอมขึ้นเรื่อยๆ
"Osaka Expo 2025" ตำนานบทใหม่ของญี่ปุ่น เปลี่ยนเกาะเทียมธรรมดาให้กลายเป็นเมืองขนาดย่อม
เทรนด์อาคารอนุรักษ์พลังงานยังคงมีมาให้เห็นกันเรื่อยๆ และล้ำหน้ามากขึ้นทุกวันๆ และหนึ่งในโปรเจ็คที่น่าตื่นตาตื่นใจและควรค่าให้หยิบมาพูดถึงกันในวันนี้คือ "505 State Street" ครับ
ในวินาทีที่ผมย่างเท้าเข้ามาชมห้องตัวอย่างของโครงการ "Amatara Residences Rayong" (อมาธารา เรสซิเดนเซส ระยอง) บอกตามตรงว่าแอบคิดลึกๆ ในใจว่า 'นี่มันอีกระดับของที่พักตากอากาศแล้ว'
หลังจากสร้างเสียงฮือฮาแก่ชาวโลกจากโครงการ The Line เมืองภายใต้กำแพงยักษ์จากประเทศซาอุดีอาระเบีย ซึ่งโครงการนี้เป็นอยู่ภายใต้โครงการ Neom ซึ่งเป็นโครงการที่ทางซาอุฯ หมายมั่นให้เป็นเมืองใหม่ที่มาจากโลกอนาคตนั่นเอง แต่มันจะหยุดอยู่แค่ The Line ไม่ได้ครับ เพราะขึ้นชื่อว่าเป็นเมืองแห่งอนาคต ความล้ำจะต้องไปสุดกว่านี้ ล่าสุดทาง Neom ส่งอีก Golf Community มาเพิ่มอีก!!
เรากำลังจะมีสวนสนุกธีม Dragon Ball แห่งแรกของโลกแล้วครับ! แถมยังการันตีว่าใหญ่กว่าดิสนีย์แลนด์ด้วย!
ร้อนๆ แบบนี้ ถ้าได้เครื่องดื่มเย็นๆ สักแก้วดับร้อนนี่บอกเลยว่าสดชื่นมากกกกก ยิ่งถ้าได้เครื่องดื่มสไตล์ไทยๆ นี่แหละตอบโจทย์เลย!!!!