"แมริออท" เดินเกมรุกขยายพอร์ตรับบริหารโรงแรมในไทย วาดเป้าปูพรมทุกเซ็กเมนต์ ดัน 2 แบรนด์ใหม่แนะนำนักลงทุน ทั้ง "ม็อกซี่" สไตล์บูติคเจาะนักท่องเที่ยวกลุ่มมิลเลนเนียลระดับกลาง "แฟร์ฟีลด์ อินนท์ แอนด์ สวีทส์" แบรนด์ราคาประหยัด ชูศักยภาพทำกำไร-เพิ่มสปีดคืนทุนไว ตอบโจทย์เทรนด์ลงทุน
นายคาร์ล ฮัดสัน รองประธานกรรมการประจำประเทศไทย, เวียดนาม, ฟิลิปปินส์ และญี่ปุ่น แมริออท อินเตอร์เนชั่นแนล เปิดเผยว่า จากเทรนด์การเติบโตดีต่อเนื่องของภาคท่องเที่ยวไทย เครือแมริออทเตรียมแนะนำโรงแรม 2 แบรนด์ใหม่ให้กับนักลงทุนโรงแรมไทย โดยแบรนด์แรกคือ "ม็อกซี่" เป็นโรงแรมบูติคไลฟ์สไตล์ เจาะลูกค้ายุคมิลเลนเนียล หรือกลุ่มคนรุ่นใหม่อายุตั้งแต่ 18-34 ปี ในตลาดระดับกลาง ซึ่งจะหนุนให้โรงแรมมีอัตราเข้าพักเฉลี่ยที่ดี ลูกค้าหมุนเวียนสูง และสามารถคืนทุนได้รวดเร็วกว่าโรงแรมที่เน้นเจาะตลาดระดับบน
โดยผ่านจุดเด่นเรื่องการออกแบบพื้นที่ห้องพักขนาดเล็กเพื่อดึงดูดนักลงทุนเพราะสามารถก่อสร้างโรงแรมในทำเลใจกลางเมืองตามตรอกซอกซอยต่างๆบนที่ดินจำกัดได้ และช่วยลดต้นทุนการก่อสร้าง แต่ศักยภาพการขายสูง และเพิ่มลูกเล่นทางการตลาดเรื่องเทคโนโลยีมัดใจกลุ่มมิลเลนเนียล
"เราพบว่านักท่องเที่ยวอายุต่ำกว่า35ปีมีมากกว่าครึ่งซึ่งมีพฤติกรรมเข้าพักโรงแรมที่ตรงกับไลฟ์สไตล์ตัวเองมากขึ้นโดยโรงแรมสามารถปรับกลยุทธ์ ลดต้นทุนบริหารจัดการ ไม่ต้องมีร้านอาหารในโรงแรมจำนวนมาก เนื่องจากกลุ่มมิลเลนเนียลให้ความสำคัญกับการออกไปหาประสบการณ์ทานอาหารนอกโรงแรมมากกว่า สิ่งที่พวกเขาต้องการจากโรงแรม คือ บริการอาหารเช้า พอตกเย็นก็ปรับการใช้พื้นที่มาเป็นบาร์แทนได้"
รุกเปิดแบรนด์ "ราคาประหยัด"
สำหรับราคาขายห้องพักของแบรนด์โรงแรมม็อกซี่ในไทย คาดอยู่ที่ประมาณ 60-80 ดอลลาร์ หรือราว 2,100-2,800 บาท ซึ่งเชื่อว่าจะตอบสนองกำลังซื้อตลาดระดับกลาง ซึ่งมองหาแบรนด์โรงแรมที่มีมาตรฐานและให้ความสำคัญกับเรื่องความปลอดภัย โดยโรงแรมที่เป็นเรือธงแห่งแรกของแบรนด์ม็อกซี่ เปิดให้บริการแล้วที่เมืองมิลาน อิตาลี และอยู่ระหว่างการพัฒนาและก่อสร้างอีก 59 แห่งทั่วโลก ยึดทำเลเมืองใหญ่ ๆ ของโลก อาทิ นิวยอร์ก, เบอร์ลิน และลอนดอน
สำหรับแบรนด์ที่ 2 ที่เครือแมริออทเตรียมแนะนำนักลงทุนโรงแรมในไทยคือ "แฟร์ฟีลด์ อินนท์ แอนด์ สวีทส์" เป็นแบรนด์โรงแรมราคาประหยัด วางจุดเด่นเรื่องการผลักดันรายได้ ด้วยอัตราเข้าพักที่สูง และสามารถคืนทุนได้อย่างรวดเร็วเช่นเดียวกับแบรนด์ม็อกซี่ หลังได้เข้าไปสร้างฐานแบรนด์แฟร์ฟีลด์ฯในอเมริกาและที่อื่น ๆ รวมกว่า 780 แห่งแล้ว
ปัจจุบันมีโครงการที่เซ็นสัญญาและอยู่ระหว่างการพัฒนาอีก 332 แห่ง โดยเพิ่งบรรลุข้อตกลงกับกลุ่มทุนรายใหญ่ เข้ารับบริหาร 140 แห่งในจีน คาดทยอยเปิดให้บริการได้ภายใน 5 ปีนับจากนี้
คาดปี59 เป็นปีที่เติบโตเร็วที่สุด
นายฮัดสันกล่าวด้วยว่า ตามแผนการขยายแบรนด์โรงแรมของเครือแมริออทในประเทศไทย จะมีโรงแรมทั้งหมด 20 แห่งในสิ้นปี 2559 และมีโรงแรมที่เซ็นสัญญาและอยู่ระหว่างการพัฒนาอีก 15 แห่ง ซึ่งจะทยอยเปิดให้บริการภายใน 5 ปีข้างหน้า ทำให้ในปี 2564 เครือแมริออทจะมีโรงแรมทั้งหมด 35 แห่ง
และคาดว่าปี 2559 นี้จะเป็นปีที่เห็นการเติบโตรวดเร็วที่สุดในไทย เพราะตั้งเป้าหมายเปิดโรงแรมใหม่ภายในปีเดียวถึง 5 แห่ง โดยได้เซ็นสัญญาเข้ารับบริหารโรงแรมภูเก็ต เมอร์ลิน กับโรงแรมอีกแห่งที่เกาะช้าง จังหวัดตราด รวมถึงการรับบริหารโรงแรมให้ทีซีซี โฮเทล กรุ๊ป ใน 3 เมืองหลัก คือ กรุงเทพฯ หัวหิน และภูเก็ต
จับตา " อิมพีเรียล ควีนส์ปาร์ค"
โดยไฮไลต์คือการเข้ารับบริหารเพื่อพลิกโฉมโรงแรมอิมพีเรียล ควีนส์ปาร์ค (ชื่อเดิม) เป็นแมริออท ควีนส์ปาร์ค สุขุมวิท มีจำนวนรวม 1,388 ห้อง โดยทีซีซีกรุ๊ปใช้เงินลงทุนครั้งนี้สูงถึง 3,500 ล้านบาท ใช้จุดแข็งของเครือแมริออทเข้ามาสร้างฐานตลาดและความแข็งแกร่งด้านการจัดตลาดและประชุมสัมมนา (ไมซ์) ขนาดใหญ่ เนื่องจากวางแบบไว้รองรับผู้เข้าประชุมได้สูงสุด 1,200 คน สามารถดึงลูกค้าไมซ์ขนาดใหญ่ให้มีสถานที่รองรับการจัดประชุมและที่พักในแห่งเดียวเพื่อความสะดวก
โดยเฉพาะการจัดงานประชุมสัมมนาระดับโลกที่ต้องหมุนเวียนจัดในแต่ละภูมิภาครวมถึงตลาดไมซ์จากเอเชียที่มีกระแสการเข้ามาอย่างต่อเนื่อง
"แม้ว่าปิดดำเนินการไปเกือบ2ปีและมีโรงแรมเกิดใหม่ในย่านสุขุมวิท แต่เชื่อว่าการเกิดขึ้นของย่านธุรกิจใหม่ อย่างเอ็ม ดิสทริค จะเป็นแม่เหล็กดึงดูดนักท่องเที่ยวให้เข้ามาท่องเที่ยวและจับจ่ายในย่านนี้มากขึ้น"
นายฮัดสันกล่าวต่อไปว่ากลยุทธ์ของโรงแรมแมริออทควีนส์ปาร์คจะเน้นการสร้างสมดุลของโครงสร้างลูกค้ากระจายกลุ่มเป้าหมายให้หลากหลาย ทั้งกลุ่มนักท่องเที่ยวและนักเดินทางไมซ์ พร้อมใช้ประโยชน์จากฐานลูกค้าลอยัลตี้โปรแกรม ซึ่งมีกว่า 50 ล้านคนทั่วโลก มาช่วยผลักดันให้ชาวต่างชาติที่ไม่เคยเดินทางมาเที่ยวไทย ได้ตัดสินใจเข้ามาเที่ยวมากขึ้นด้วย
ทั้งนี้ มองว่าจุดเด่นของภาคท่องเที่ยวไทย คือ เรื่องความหลากหลายของแหล่งท่องเที่ยว ตั้งแต่สีสันความบันเทิงยามค่ำคืน รวมถึงแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติทั้งเชิงนิเวศและผจญภัย บวกกับอัธยาศัยของคนไทย และมีความปลอดภัยที่ทั่วโลกยอมรับ ส่งผลให้ตลาดท่องเที่ยวและธุรกิจโรงแรมมีแนวโน้มขยายตัวดี
"ด้านความคืบหน้าของขั้นตอนการควบรวมธุรกิจโรงแรมกับเครือสตาร์วู้ดใกล้บรรลุผลในช่วงต้นเดือนกรกฎาคมนี้แล้วซึ่งจะหนุนให้โรงแรมในเครือแมริออทกับสตาร์วู้ดรวมกว่า30 แบรนด์ ได้ใช้ประโยชน์จากฐานลูกค้าและเครือข่ายการทำตลาดที่แข็งแกร่งที่สุด" นายฮัดสันกล่าวปิดท้าย