หลังจากการประกาศเปิดประเทศอีก 120 วันของท่านนายก ออกมา ก็มีการคาดการณ์ของเหล่ากูรูเศรษฐกิจมาให้เราอ่านมากมายเลยครับ วันนี้ลองมาดูในมุมของ "คุณชูรัชฏ์ ชาครกุล กรรมการผู้จัดการ ของบริษัทลลิล พร็อพเพอร์ตี้" กันดูครับ ว่าเค้ามีความคิดเห็นอย่างไรบ้าง

        คุณชูรัชฎ์ เผยว่าจากนโยบายของรัฐที่ตั้งเป้าสร้างภูมิคุ้มกันหมู่ให้ได้ภายในปี 2564 ด้วยการกระจายการฉีดวัคซีนให้ครบ 100 ล้านโดสนั้น และเปิดประเทศใน 120 วัน หากดำเนินตามแผนดังกล่าวได้ก็จะเป็นผลดีอย่างมากต่อภาพรวมเศรษฐกิจของไทย 

        ซึ่งเป็นที่ทราบกันดีว่ารายได้หลักของระบบเศรษฐกิจไทยมาจากภาคส่งออกและท่องเที่ยว หากไทยเดินหน้าฉีดวัคซีนได้มากพอก็จะสร้างความเชื่อมั่นให้ต่างชาติมั่นใจที่จะเดินทางเข้ามา ทั้งมาท่องเที่ยวหรือทำธุรกิจ ซึ่งจะส่งผลทำให้เศรษฐกิจโดยรวมสามารถขับเคลื่อนไปได้ คาดว่าแผนการฟื้นฟูเศรษฐกิจของประเทศไทยจะขยับอย่างค่อยเป็นค่อยไปตามลำดับ

        นอกจากนี้ การที่ล่าสุดรัฐได้ตั้งเป้าเปิดประเทศให้ได้ภายใน 120 วันนั้น นับเป็นอีกหนึ่งความพยายามที่จะฟื้นคืนเศรษฐกิจในองค์รวมเช่นกัน แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นคงต้องพิจารณาควบคู่ไปกับภาพรวมการฉีดวัคซีนและภาพรวมจำนวนผู้ติดเชื้อในประเทศด้วย

        ด้านภาพรวมธุรกิจอสังหาฯ ไทยหลังแผนการฟื้นฟูประเทศนั้น  หากแผนฟื้นคืนธุรกิจท่องเที่ยวเป็นไปตามเป้า การจ้างงานในภาคธุรกิจเกี่ยวเนื่อง อาทิ โรงแรม ร้านอาหาร สถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ ก็จะเริ่มกลับมาเปิดบริการได้ทำให้มีเงินเข้ามาหมุนเวียนในระบบและเม็ดเงินดังกล่าวก็จะส่งผลทางบวกต่อธุรกิจอสังหา ตามมา เพราะเมื่อลูกค้ากลุ่มที่อยู่ในภาคธุรกิจบริการเกิดการฟื้นตัว ความเชื่อมั่นของผู้บริโภคก็จะกลับมา 

        ทั้งนี้ ภาพรวมธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ในเขตโครงการระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EEC) นั้นก็จะฟื้นคืนเช่นกันหากไทยสามารถเปิดประเทศได้ตามเป้า อุตสาหกรรมส่งออกและธุรกิจท่องเที่ยวคือหัวใจหลักของการขับเคลื่อนเศรษฐกิจในพื้นที่ EEC หากเศรษฐกิจโลกโดยรวมกลับมาฟื้นตัว ก็จะทำให้ธุรกิจส่งออกของไทยเริ่มฟื้นตัวได้ด้วยเช่นกัน