นับเป็นมหากาพย์ที่หลายฝ่ายกำลงจับตามองเป็นอย่างยิ่งสำหรับ กรณีที่ "ศาลปกครองกลาง มีคำพิพากษาเพิกถอนใบรับหนังสือแจ้งความประสงค์ก่อสร้างโครงการแอชตันอโศก" 

        ซึ่งเหล่าลูกบ้านในโครงการ ก็ได้ออกมาแถลงข่าวเกี่ยวอย่างเป็นทางการกับกรณีนี้เป็นครั้งแรกผ่านเฟสบุ๊คแฟนเพจ "ลูกบ้านแอชตันอโศกที่ได้รับผลกระทบจากคำสั่งศาลปกครองกลาง" 

        -ตัวแทนลูกบ้านได้แจ้งว่า เหตุผลที่ออกมาเปิดใจครั้งนี้เนื่องจากมีหลายสำนักสื่อให้ความสนใจ และเห็นใจ แก่ลูกบ้านเป็นอย่างยิ่ง จึงคิดว่าเป็นการเหมาะสมที่จะออกมาพูดถึงปัญหา และผลกระทบที่ลูกบ้านในโครงการได้รับและเผชิญในขณะนี้ ซึ่งประจวบเหมาะกับการที่ทางกลุ่มลูกบ้านได้ที่ปรึกษาทางด้านกฎหมายพอดี

        -การแถลงในครั้งนี้ เป็นการแถลงในมุมมองผู้บริโภค ยังไม่สามารถให้ข้อมูลในแง่กฎหมายได้ เนื่องจากเพิ่งทางลูกบ้านเอง ก็ไม่ได้มีข้อมูลอื่นๆ ไปมากกว่าการที่ได้จากสื่อ ในอนาคตทางกลุ่มลูกบ้านก็พร้อมที่จะเปิดเผยหากได้รับข้อมูลเพิ่มเติม

        -ลูกบ้านชาวแอชตัน อโศก มีจำนวนลูกบ้านกว่า 600 ครอบครัว และมีจำนวนลูกบ้านกว่า 1,000 คน ประกอบไปด้วยชาวไทยและชาวต่างชาติกว่า 120 ครอบครัว 20 ประเทศ 

        -ในวันที่ 30 กรกฎาคม  ที่ผ่านมาหลังจากที่มีการแชร์ในโลกออนไลน์เรื่องการเพิกถอนใบอนุญาต แอชตัน อโศก ซึ่งก็สร้างความตกใจให้แก่ลูกบ้านในโครงการเป็นอย่างมาก

        -จากข่าวนี้ ทำให้ลูกบ้านได้ตั้งคำถามมากมายครับว่า พวกเขาจะอยู่ที่นี่ต่อไปได้ยังไง? 

        -หลังจากลูกบ้านได้รับข้อมูลจากทั้ง สื่อ/เพจ ต่างๆ ที่ออกมาให้ข้อมูล ทางลูกบ้านจึงได้ย้อนคิดว่า ก่อนที่จะซื้อบ้านหลังนี้พวกเขาได้ทำอะไรมาแล้วบ้าง? ซึ่งก็พบว่า 

        1.สิ่งก่อสร้างก็ได้รับการอนุมัติจากหน่วยงานรัฐมากมาย 

        2.โครงการนี้ก็ผ่าน EIA ซึ่งก็เป็นเหตุผลหนึ่งที่ทำให้ลูกบ้านมีความมั่นใจในโครงการนี้ 

        3.ตอนเรื่องกู้ซื้อบ้าน ธนาคารก็อนุมัติวงเงินกู้ (ซึ่งลูกบ้านในโครงการเกินครึ่งก็ซื้อผ่านการกู้ธนาคาร)

        4.วันที่โอนกรรมสิทธิ์ ทางกรมที่ดินก็ออกโฉนดที่ดินให้และอนุมัติการโอน 

        -ทั้งหมดนี้ ทำให้ลูกบ้านรู้สึกว่าก็ผ่านในจุดที่สร้างความเชื่อมั่นในการซื้ออสังหาฯ แล้ว เหตุใดถึงได้มาอยู่ในจุดนี้?

        -ในตอนนี้ลูกบ้านแอชตัน อโศก ก็ได้หาข้อมูลต่างๆ ว่าโครงการนี้ตั้งแต่สร้างขึ้นมาจนถึงการเปิดขาย ทางอนันดาได้กำเนินการอะไรมาแล้วบ้าง? 

        -พบว่า ก่อนโครงการแอชตันฯ จะเริ่มสร้างก็ได้ชี้แจงว่าโครงการได้ผ่านขั้นตอนทางกฎหมายอย่างถูกต้องมาทั้งหมดแล้ว ไม่ว่าจะเป็นการได้รับการอนุมัติมาจาก 8 หน่วยงานราชการ ได้รับใบอนุญาตต่างๆ มาถึง 9 ฉบับ ได้ผ่านการหารือเบื้องต้นก่อนถึง 7 หน่วยงานด้วยกันผ่านคณะกรรมการ 5 คณะกรรมการ รวมถึงโครงการนี้ยังเป็นโครงการที่ได้ร่วมทุนกับบริษัทญี่ปุ่น ซึ่งเป็นประเทศที่เคร่งครัดในกฎระเบียบมาก

        -ทางลูกบ้านจึงเห็นว่าอนันดาเองก็ได้ดำเนินการต่างๆ มากมายที่ถูกต้องตามกฎหมาย แต่ทำไมเหตุการณ์เหล่านี้จึงยังมีการตัดสินย้อนหลังได้? ทั้งๆ ที่โครงการได้สร้างเสร็จ รวมถึงมีการโอนห้องและเข้าอยู่มาแล้วกว่า 2 ปีด้วยกัน

        -หากพิจารณาถึงสิ่งก่อสร้างที่เป็นลักษณะเดียวกันกับโครงการก็ยังมีมากถึง 13 โครงการ เฉพาะกับ รฟม. ก็มีถึง 6 โครงการ ทางลูกบ้านก็พิจารณาเห็นว่า อนันดาฯ ก็ไม่ได้ปฏิบัติในทางไม่ชอบแต่อย่างใด

        -จึงทำให้ลูกบ้านตั้งคำถามว่าต่อไปนี้ "เราจะยังคงเชื่อถือใบอนุญาตของหน่วยงานราชการที่ออกให้เจ้าของโครงการ เพื่อมาประกอบการพิจารณาตัดสินใจในการซื้อห้องชุดในโครงการต่างๆ ได้อย่างไร"

        -แม้คดีนี้จะอยู่ในข้างต้น แต่เหล่าลูกบ้านก็ได้รับผลกระทบแล้ว รวมถึงยังเป็นผู้ที่ได้รับผลกระทบมากที่สุดด้วย ทั้งๆ ที่ลูกบ้านไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องอะไรในคดีความเลย

        -ผลกระทบที่ลูกบ้านได้รับมีทั้ง ผลกระทบทางจิตใจ ผลกระทบทางความมั่นคงในชีวิต และผลกระทบทางการเงิน โดยที่ลูกบ้านหลายคนก็ลำบากจากปัญหาสภาวะเศรษฐกิจอยู่แล้ว ยังเคราะห์ซ้ำกรรมซัดหนักขึ้นมาอีก

        -ซึ่งปัญหาที่ลูกบ้านได้รับมาแล้ว เช่น การรีไฟแนนซ์โดยลูกบ้านได้รับการปฏิเสธในทันทีจากธนาคาร โดยธนาคารได้ให้เหตุผลว่า คอนโดถูกระงับใบอนุญาตก่อสร้างและไม่มีความมั่นคงเพียงพอ เป็นเหตุให้ลูกบ้านไม่สามารถยื่นรีไฟแนนซ์ได้

        -เรื่องของความมั่นคงเพราะตอนนี้โครงการแอชตัน เพราะไม่มีใครอยากทำนิติกรรมด้วย หลายคนมองว่าคอนโดนี้เป็นคอนโดเถื่อน ลูกบ้านบางรายซื้อคอนโดไว้ให้ลูกหลาน ก็ไม่สามารถโอนต่อไปให้ลูกหลานได้ 

        -หลายๆ ท่านทำงานหนักเพื่อเก็บเงินซื้อคอนโดนี้เป็นบ้าน จึงมองว่าเหตุการณ์นี่ไม่ควรเป็นสิ่งตอบแทน หลังจากการทำงานอย่างหนักเพื่อที่จะซื้อบ้านเป็นของตัวเอง

        -คอนโดที่ไม่รู้จะผ่อนไปทำไม? ผ่อนแล้วได้อะไร? สภาพคอนโดจะเป็นอย่างไร? นี่คือคำถามที่ยังไม่มีคำตอบในใจของเหล่าลูกบ้าน 

        -หรือในกรณีที่หนักๆ หน่อย คือเหล่าลูกบ้านที่ได้รับผลกระทบทางเศรษฐกิจจนถึงขั้นที่จะขายคอนโดเพื่อที่จะนำเงินมารักษาสภาพคล่อง ก็ทำได้ยากเช่นเดียวกัน 

        -ลูกบ้านชาวต่างชาติในโครงการก็ตกใจกับเหตุการณ์นี้เช่นกัน บางรายทำงานที่ไทย บางรายก็ยังอยู่ต่างประเทศ ซึ่งเค้าก็ตั้งคำถามว่า คอนโดจะโดนทุบทิ้งไหม? เงินที่เขาจ่ายมาจะเป็นศูนย์หรือเปล่า? บางรายรู้สึกเสียใจมากที่ตัดสินใจมาซื้อบ้านในประเทศไทย

        -ผลกระทบที่้เกิดขึ้นจะสะท้อนไปที่ความเชื่อมั่นต่อตลาดอสังหาฯ ในไทย รวมถึงภาพลักษณ์การลงทุน และความเชื่อมั่นจากทางภาครัฐต่อนักลงทุนทั่วโลก ใครจะกล้ามาลงทุนในประเทศไทย ถ้าต้องเจอกับเหตุการณ์ไม่คาดฝันแบบนี้? 

        -ที่ผ่านมาลูกบ้านไม่เคยได้รับทราบถึงความคืบหน้าในคดีเลย จนข่าวออกมา กลุ่มลูกบ้านจึงได้มีการว่าจ้างที่ปรึกษาด้านกฎหมายเพื่อเป็นตัวแทนในการเข้าไปรับฟังปัญหาและเป็นปากเป็นเสียงแทนกลุ่มลูกบ้านในโครงการ ซึ่งมีค่าใช้จ่ายในส่วนนี้เกิดขึ้น 

        -เงินค่าส่วนกลางที่ต้องจ่ายไปจะเป็นการศูนย์เปล่าหรือไม่หากตึกต้องถูกทุบทิ้ง เงินที่ผ่อนไปจะเป็นการผ่อนฟรีหรือเปล่า?

        -ด้านลูกบ้านก็ได้ตั้งคำถามต่อดังนี้ครับ

        1. ใครจะเยี่ยวยาลูกบ้าน ทั้งในระยะสั้น เช่น การรีไฟแนนซ์ ความเชื่อมั่นในการพักอยู่อาศัย และในระยะยาว ในเรื่องของคดีความต่างๆ 

        2. กลุ่มลูกบ้านในฐานะประชาชนตาดำๆ ที่ได้รับความเดือดร้อนก็อดที่จะตั้งคำถามไม่ได้ว่า หากเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันขึ้น หากมีคำสั่งศาลให้เพิกถอนและต้องทุบตึกทิ้ง ถึงเวลานั้นใครจะเป็นผู้รับผิดชอบ จะเป็นหน่วยงานรัฐหรือว่า อนันดา เอ็มเอฟ เอเชีย อโศก ถ้าถึงเวลานั้นบริษัทจะยังอยู่เยียวยาให้กลุ่มลูกบ้านไหม? จะมีการปันผลให้บริษัทแม่อนันดาฯ แล้วปิดบริษัทหนีไปไหม?

        3. ในระหว่างนี้จะมีการตั้งสำรองหนี้ไว้ให้ลูกบ้านหรือไม่ เพราะที่ผ่านมาบริษัทก็ไม่ได้มีการตั้งสำรองหนี้ในส่วนนี้เอาไว้

        -ทางตัวแทนได้ทิ้งท้ายว่า กลุ่มลูกบ้านนั้นเคารพในคำตัดสินของศาลเบื้องต้น เคารพกฎหมายและความถูกต้อง ท้ายที่สุดหากคำตัดสินของศาลสูงสุดออกมาว่าไม่ชอบและมีผลกระทบให้ต้องรื้อถอนอาหาร ทางลูกบ้านก็ยังคงเคารพในคำตัดสินของกฎหมายอยู่ดี เช่นเดียวกันกับที่ลูกบ้านก็ได้มีการซื้อบ้านหลังนี้มาอย่างถูกกฎหมาย ทางลูกบ้านจึงอยากขอวอนให้สิ่งที่พวกเขาเคารพและยึดมั่นช่วยพิจารณาถึงผลกระทบต่อลูกบ้าน และขอความช่วยเหลืออย่างเป็นธรรมถึงผลกระทบที่ลูกบ้านได้รับแล้วและอาจจะได้รับในอนาคตด้วย