โกวศุเค้าออกมาเผยตัวเลขผลประกอบการครึ่งปีแรกแล้วครับ ตัวเลขออกมาสวยเลยเพราะกวาดยอดขายไปถึง 13,005 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 8% โกยรายได้รวม 11,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 60 % กำไรสุทธิ 2,472 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 111% 

        ส่วนในครึ่งปีหลังก็ขอไปต่อไม่หยุดพักครับ เดินหน้าเปิดโครงการใหม่ต่อเนื่องทั้งแนวราบและคอนโดมิเนียม รวม 22 โครงการ ครอบคลุมทั้งกรุงเทพฯ ปริมณฑล และภูมิภาค ขับเคลื่อนสู่เป้าหมายยอดขาย 27,000 ล้านบาท

        ถึงแม้จะเป็นปีที่ท้าทายแต่ปีนี้ก็จะเป็นที่เค้าเปิดโครงการใหม่มากที่สุดเช่นกัน โดยจะเยอะสุดในช่วยไตรมาส 4 ที่จะถึงนี้แหละ อดใจรอกันได้เลย

        โดยโครงการใหม่ส่วนใหญ่จะมุ่งเน้นไปที่โครงการต่างจังหวัดถึง 15 จังหวัดเลยนะ แม้มูลค่ารวมปีนี้จะสู้โครงการใหม่ในกรุงเทพไม่ได้ แต่จำนวนเยอะมากกว่าแน่นอน

        นอกจากนี้ทุกครั้งที่มีการล็อคดาวน์ ยอดลูกค้าที่เข้าชมโครงการจะลดลงอย่าเห็นได้ชัด แต่ที่น่าสนใจก็คือพอเดือนถัดมาลูกค้าก็จะเข้ามาชมโครงการเยอะกว่าช่วงสถานการณ์ปกติเช่นกัน

        เป็นข้อสรุปได้ว่าความสนใจและต้องการซื้อของลูกค้าในตลาดยังมีอยู่ครับ เพียงแต่ไม่สามารถมาชมโครงการได้ ทำให้ยังไม่สามารถตัดสินใจซื้อได้นั่นเอง

        ก็ถือว่ายังเป็นผลลัพท์ที่ดีนะ เพราะต้องยอมรับว่าทางศุภาลัยรวมไปถึงนักพัฒนาอื่น ๆ ไม่ได้เจอผลกระทบโควิดแค่ทางตรงอย่างเดียว แต่ยังรวมไปถึงปัญหาแคมป์แรงงานที่ไม่สามารทำงานได้อีก

        ถ้าการเข้ามาชมของลูกค้ายังดี ก็ช่วยให้มั่นใจได้ว่าแม้จะเกิดปัญหาการก่อสร้างที่ล่าช้า แต่ลูกค้าก็ยังให้ความเชื่อมั่นและเลือกที่จะรอเพื่อซื้อจริง ๆ 

        แต่นอกจากโควิดแล้วศุภาลัยเค้าเจอหนักกว่านั้น เพราะเหตุระเบิดโรงงานกิ่งแก้วทำให้โครงการบ้านของศุภาลัยที่อยู่ข้างเคียงได้รับผลกระทบไปด้วย แต่เค้าก็เร่งช่วยเหลือและคลี่คลายปัญหาให้ลูกบ้านได้อย่างดีครับ

        ผมชอบคำนึงของคุณเตนะ "เราจำทำทุกทางเพื่อให้ลูกค้าได้กลับบ้านของเค้าอย่างเร็วที่สุด" ฟังแล้วมันใจฟูดี เพราะแม้จะเช่าโรงแรมให้อยู่สบาย แต่ยังไงลูกค้าทุกคนก็อยากกลับบ้านอยู่ดี

        ซึ่งศุภาลัยยังบอกอีกว่าอุปสรรคหลักของอสังหาไทยในครึ่งปีหลังนั้นก็คือการขอสินเชื่อของธนาคารเนี่ยแหละครับ เพราะจากที่เคยเข้มกันอยู่แล้ว ช่วงสภาวะเศรษฐกิจแบบนี้หลายแบงค์ก็จะยิ่งเข้มงวดขึ้นไปอีก

        ส่วนสถานการณ์โควิดนั้น ศุภาลัยมองว่ายังคงมีแสงสว่างที่ปลายอุโมงค์อยู่นะ อย่างภูเก็ตที่ตอนนี้มีโครงการภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์อยู่ แม้จะไม่ได้มีนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามาเยอะแบบที่คิด 

        แต่มันก็สามารถทำให้ธุรกิจบางกลุ่มสามารถกลับมาดำเนินการได้ ซึ่งกรุงเทพในอนาคตก็น่าจะมีความหวังแบบนี้เช่นกัน แค่ต้องอดใจรอและสู้ไปด้วยกันครับ :)