ยุคนี้สมัยนี้เมื่อเราเริ่มทำงานเก็บเงินได้สักก้อนหนึ่งก็จะรู้สึกว่าอยากลงหลักปักฐาน หาซื้อที่อยู่อาศัยเป็นของตัวเอง
และแน่นอนว่า “คอนโด” ถือเป็นที่อยู่อาศัยที่ได้รับความนิยม เมื่อทุกวันนี้ "บ้าน" อาจไม่ใช่คำตอบที่ถูกต้องเสมอไป การที่คนหันมาซื้อคอนโดฯ อยู่อาศัยจึงมีให้เห็นกันอยู่มากครับ
ถึงแม้ว่าพื้นที่ใช้สอยจะไม่ได้มากเท่าบ้าน แต่สิ่งอำนวยความสะดวกก็ถือได้ว่าครบครัน อีกทั้งข้อดีของคอนโดฯ หลายๆ ตัวคือการที่มีที่ตั้งอยู่ใกล้กับขนส่งสาธารณะทั้งหลาย ไม่เหมือนกับบ้านที่ส่วนใหญ่มักตั้งอยู่ชานเมือง จะเดินทางก็ต้องใช้รถส่วนตัวถึงจะสะดวกสบาย
พอคนสนใจอยากซื้อคอนโดฯ มันก็จะมาพร้อมกับภาระหนี้ก้อนใหญ่ที่ต้องจ่ายในระยะยาว อันนี้ความจริงแล้วไม่ใช่เฉพาะกับคอนโดฯ หรอกเนอะ ถึงเป็นบ้านก็ต้องเจอกับภาระที่ว่านี้เหมือนกัน หลายคนจึงเลือกที่จะกู้เงินเข้ามาช่วยเสริมในด้านนี้แทน
แต่ก็อีกนั่นแหละ ไม่ใช่ว่าพอเราไปทำเรื่องกู้แล้วมันจะผ่านเสมอไป ยิ่งในทุกวันนี้ธนาคารทั้งหลายเค้าคัดลูกค้ามากขึ้น รัดกุมมากขึ้น คำว่า "กู้ไม่ผ่าน" จึงฟังแล้วเจ็บจี๊ดถึงกระดองใจไปเลยเหมือนกัน
จะว่าไปเรื่องกู้เงินนั้น มันก็มีสิ่งที่ควรรู้แต่ว่าคนส่วนใหญ่ไม่รู้อยู่ครับ วันนี้ผมเลยจะขอหยิบยกมาพูดถึงกันสักหน่อย เพื่อให้มือใหม่ที่สนใจอยากกู้เงินมาซื้อคอนโดฯ ได้ลองศึกษาและเตรียมความพร้อมเอาไว้ เพื่อให้เราสามารถขอกู้ผ่านได้ง่ายขึ้น
ว่าแต่จะมีอะไรบ้างนั้น เราไปดูกันดีกว่าครับ
1. เงินเก็บนั้นสำคัญไฉน
ผมเชื่อว่าหลายๆ คนรู้ดีครับ สมัยนี้ฐานเงินเดือน 15,000 ก็กู้เงินซื้อคอนโดฯ ได้แล้ว แต่ว่าก็อย่าเพิ่งวางใจไป เพราะมันต้องพิจารณาไปอีกหลายอย่าง ธนาคารเจ้าของสินเชื่อจะประเมินความสามารถทางการเงินของผู้กู้ก่อนเลย โดยการนำเอารายได้รวมไปถึงภาระหนี้สินของเราไปหักลบกัน จากนั้นก็คำนวณออกมาเป็นวงเงินกู้และความสามารถในการผ่อนชำระ ซึ่งตรงนี้ภาระหนี้สินโดยรวมไม่ควรเกิน 40% ของรายได้นะครับ
หากจะขอกู้ 100% ธนาคารตั้งคำถามก่อนเลยว่าเราขอกู้ 100% เพื่อจับเสือมือเปล่าหรือเปล่า มีวินัยทางการเงินหรือไม่ พอเกิดข้อสงสัยแบบนี้ขึ้นมาปุ๊บ เงินเก็บเราก็จะเป็นตัวช่วยให้เราดูน่าเชื่อถือละว่าเราเป็นคนที่มีวินัยทางการเงินนะ
ธนาคารเค้าจะตรวจสอบประวัติของธุรกรรมทางการเงินของเราหมดครับว่าเคยผิดนัดชำระหนี้หรือว่าจ่ายหนี้ไม่ตรงตามกำหนดหรือเปล่า ถ้าอยากได้เครดิตดีๆ ตรงนี้ก็ต้องมีวินัยกันหน่อย ส่วนเงินเก็บที่ว่านั้นทางธนาคารเค้ามีสิทธิขอดูนะ ไม่ได้จะเอาไปทำอะไร ดังนั้นใครจะกู้ก็เตรียมความพร้อมด้วยการยื่นสำเนา book bank ไปพร้อมกันได้เลยจ้า
2. ยอดผ่อนต่อรายได้ก็ต้องใส่ใจเหมือนกัน
ยอดผ่อนต่อรายได้ถือว่าสำคัญครับ ธนาคารบางที่เค้าให้เราผ่อนได้ถึง 70% แน่ะ บางที่ให้ 100% ของรายได้ก็มี แต่เราจะรู้ได้ไงว่าต้องผ่อนเท่าไหร่? มีสูตรง่ายๆ ตามนี้ครับ
กู้ 1,000,000 บาท ผ่อนเดือนละ 7,000 บาท อย่าลืมว่าภาระผ่อนคิดจากภาระรวมนะ ก่อนจองซื้อคอนโดลองคำนวณ % ภาระผ่อนก่อนจะเป็นเรื่องที่ดีมากกกกครับ ช่วยให้ลดปัญหาเรื่องกู้ไม่ผ่านได้เยอะเลย
แต่เอาเข้าจริงก็แนะนำว่าอย่าให้ภาระผ่อนถึง 70% เลย เพราะต่อให้ธนาคารปล่อยให้จริงแต่เราจะลำบากตรงในส่วนของสภาพคล่องรายเดือนแทนอยู่ดี
3. นับจำนวนสินเชื่อที่มีก่อน
ถ้าพูดถึงจำนวนสินเชื่อนั้น สำหรับคนที่ไม่ได้จะซื้อคอนโดฯ หรือบ้านหลายหลังอาจไม่สำคัญนักครับ แต่สำหรับนักลงทุน สิ่งนี้ถือเป็นเรื่องสำคัญที่ควรวางแผนให้ดีเลยล่ะ เพราะถ้าจำนวนเกิน ต่อให้เรามีรายได้เยอะก็กู้ไม่ผ่านเหมือนกันนะ
ต้องบอกว่าธนาคารเค้าสนใจครับว่าเราซื้อกี่หลัง ยิ่งซื้อหลายหลังเค้ายิ่งสนใจว่า อ้าว นี่ไม่ได้ซื้อเพื่ออยู่อาศัยแน่ๆ ทีนี้เราก็จะเจอดอกเบี้ยมหาศาล มาพร้อมการตรวจสอบเข้มข้นเป็นโกโก้ไม่ใส่น้ำตาลเลยทีเดียว
สมัยนี้ถ้าไม่ใช่ลูกค้าประจำหรือเป็นคนที่มีเครดิตดีแล้วก็ยากครับ สำหรับนักลงทุนก็ลองซื้อ 2 หลังแล้วยื่นกู้พร้อมกัน ทีนี้ก็จะนับเป็น 1 สินเชื่อละ ยังไงวางแผนไว้ให้ดีตั้งแต่หลังแรกจะช่วยได้มากเลย
4. ที่แรกไม่ผ่าน ที่สองที่สามยังมี
เป็นเรื่องจริงนะครับที่ว่าเราไปกู้เงินแล้วแต่ดันกู้ไม่ผ่าน แต่พอลองเดินเข้าธนาคารอื่นกลับผ่านซะงั้น อันที่จริงเรื่องนี้มันก็อยู่ที่ตัวพนักงานสินเชื่อด้วยล่ะ เจอที่เก่งๆ หน่อยก็สบายไป
สำหรับใครที่จำนวนสินเชื่อไม่เยอะ ภาระผ่อนไม่มาก แต่ลองแล้วดั๊นนนกู้ไม่ผ่าน ผมแนะนำให้ลองเดินเข้าธนาคารอื่นดู ไม่ผ่านที่แรกยังมีที่สองที่สามรออยู่ และบางครั้งถึงจะเป็นธนาคารเดียวกันแต่ว่าคนละสาขากันผลลัพธ์ยังออกมาไม่เหมือนกันเลยนะ ดังนั้นโดนปฏิเสธมาหนหนึ่งแล้วก็อย่าเพิ่งท้อใจไป
ส่วนนักลงทุนอาจจะลองเปลี่ยนพนักงานสินเชื่อไปเรื่อยๆ จนกว่าจะเจอตัวจริงก็ได้ เพราะพอเราได้เจอพนักงานที่เก่งแล้ว การลงทุนของเราก็ง่ายละ คุณพนักงานตัวจริงเขาสามารถช่วยหาทางให้เราได้แน่นอน นอกจากโอกาสอนุมัติจะเพิ่มขึ้นแล้ว บางครั้งยังสามารถช่วยเรื่องดอกเบี้ยหรือให้เราได้กู้แบบ 100% ได้ง่ายๆ อีกต่างหาก อย่าตายรังที่จุดจุดเดียวครับ ลองดูหลายๆ ที่ก่อน
5. สินเชื่อขออุทธรณ์ได้นะ
สำหรับข้อสุดท้ายที่อยากบอกกันคือในกรณีที่เรายื่นรอบแรกไปแล้วแต่ว่ากู้ไม่ผ่าน ตรงนี้เราสามารถยื่นอุทธรณ์ได้ครับ
ตอนที่เรากู้ไม่ผ่าน พนักงานสินเชื่อเค้าจะบอกเหตุผลได้ว่าทำไมเราถึงกู้ไม่ผ่าน ซึ่งถ้าเราสามารถหาอะไรมาหักล้างเหตุผลนั้นได้ การยื่นอุทธรณ์ของเราก็จะได้รับการอนุมัติ อย่างเช่นเรากู้ไม่ผ่านเพราะสินเชื่อเยอะไป ธนาคารคิดว่านี่อาจจะเป็นการลงทุน เราก็สามารถเอาเอกสารเพิ่มเติมมายืนยันกับอีกฝ่ายได้ว่าเราซื้อเพื่ออยู่อาศัยไม่ใช่ลงทุน พูดง่ายๆ คือถ้ากู้ไม่ผ่านก็ลองถามดูครับว่าเพราะอะไร ถ้าหักล้างได้ยื่นอุทธรณ์ได้เลย
กู้ไม่ผ่านไม่ใช่เรื่องน่ากลัวครับ ถ้าเราเตรียมตัวดีมีความพร้อม ศึกษาจนเข้าใจเรียกได้ว่ารู้เขารู้เรา และที่สำคัญถ้าเราได้เจอกับพนักงานสินเชื่อที่มีความสามารถแล้วล่ะก็ โอกาสที่เราจะยื่นเรื่องกู้แล้วไม่ผ่านนั้นก็เรียกได้ว่ามีอยู่น้อยนิดเท่านั้น เตรียมพร้อมแล้วเดินหน้าได้เลย!
Tag :
“โอ้โห ได้วิวนี้เลยเรอะ คอนโดอยู่ตรงนี้เลยจริงดิ นี่มันอยู่ท่ามกลางดง รีสอร์ท โรงแรม เลยนะ“ ผมเผลอหลุดปากออกมา เมื่อได้เห็นภาพโครงการครั้งแรก
"LIFE สาทร - นราธิวาส 22"...นี่น่าจะเป็น คอนโด LIFE ที่มีคนสนใจมากที่สุดในปี 2025
"KAVALON" พัฒนาโดย "เจ้าพ่อแคมปัสคอนโด" แห่งยุคอย่าง AssetWise ซึ่งนี่ก็เป็นโครงการที่ 6 แล้ว ในโซน ม.กรุงเทพ รังสิต
ส่องโครงการรัฐกันบ้างครับ หลังจากที่เค้ามีการเปิดจองสิทธิ์โครงการ 'บ้านเพื่อคนไทย' ไปตั้งแต่เมื่อช่วงเดือนมกราคมที่ผ่านมา แต่ตอนนี้ปิดลงทะเบียนไปเรียบร้อยแล้ว
"Boonmitr Silom" สีลมแดนคนชิค มักจะมีโครงการชิคๆ ขึ้นอยู่ตลอด
เห็นชื่อโครงการตรงหัวข้อบทความแล้ว หลายคนคงคุ้นๆ หูกันใช่ไหมครับ ไม่แปลกครับ เพราะ Life JJ Interchange Petpal (ไลฟ์ เจเจ อินเตอร์เชนจ์ แพ็ทพอล) ก็คือชื่อโครงการในเวอร์ชั่นอัปเดตของตัว "LIFE JJ Interchange" นั่นแหละครับ
เมื่อความหวานในใจต่ำเกินไป ชวนทุกคนมาเติมความหวาน กับเครื่องดื่มใหม่จากคริสปี้ครีม Krispy Kreme Sweet Pink Milk
มันจะมีอยู่รสชาติหนึ่งครับ ที่ไม่ว่าจะได้ลิ้มรสเมื่อไหร่ ก็จะนึกถึงวันวานตอนเป็นเด็กตลอด นั่นก็คือ 'โอวัลติน'!! กินทีไรเป็นต้องฟินเสมอ
พาชิมพิซซ่าโฮมเมดร้านดังประจำตลาดนัดจตุจักรที่แมสและสบายกระเป๋าที่สุดในตอนนี้!
วันนี้มีโอกาสได้เข้าไปร่วมฟังเสวนาในหัวข้อ 'อยู่สูงอย่างมั่นใจอาคาร SC ปลอดภัย 100%'
"MX27" ช่วง "อโศก-พร้อมพงษ์" นี่มันดงโรงแรมชัดๆ
เหตุการณ์แผ่นดินไหวเมื่อวันที่ 28 มีนาคม 2568 ที่ผ่านมา แม้ว่าจุดศูนย์กลางจะอยู่ที่ประเทศเมียนมาร์ แต่แผ่นดินไหวครั้งนี้ กลับรู้สึกถึงแรงสั่นสะเทือนได้ถึงกรุงเทพมหานคร ที่อยู่ห่างจากจุดศูนย์กลางไกลนับพันกิโลเมตร