ก็ผ่านมาเป็นเวลาราวๆ เกือบ 2 ปี ที่ผมได้รู้จักกับการทำงานรูปแบบ Work from home แบบเต็มรูปแบบ หลังจากช่วงเมษายน 2019 บริษัทของผมออกนโยบายปรับการทำงานให้พนักงานทำงานอยู่ที่บ้าน โดยจุดประสงค์หลักคือเพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19

        นอกจากบริษัทของผมแล้ว ผมเชื่อว่าบริษัทของเพื่อนๆ หลายๆ คนก็ขานรับรูปแบบการทำงานแบบ Work from home กันอย่างแพร่หลาย และมีจุดประสงค์แบบเดียวกันคือป้องกันโควิด-19

        สังคมการทำงานในประเทศไทย ไม่ได้เพิ่งมารู้จักการทำงานแบบนี้เมื่อตอนโควิด-19 ระบาดนะครับ แต่การทำงานแบบ "Work from home" ถูกพูดถึงมาสักพักก่อนที่จะมีโรคระบาดเกิดขึ้นอีกนะ หลายๆ ประเทศทางยุโรป อเมริกา ออสเตรเลีย เริ่มขานรับการทำงานรูปแบบนี้มากขึ้น แต่ในบ้านเราเพิ่งได้ทำแบบจริงๆ จังๆ หลังโควิด-19 ระบาดเมื่อปีหลายนี้เอง

        ในประเทศที่ผมพูดถึง การทำงานแบบ "Work from home"  มีจุดประสงค์เพื่อกระตุ้นการทำงานให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น บางที่ไม่ใช่แค่ "Work from home" เท่านั้นครับ แต่ปรับเปลี่ยนวิธีการทำงานใหม่ไปเลย ยกตัวอย่างเช่น บริษัทการตลาดด้านดิจิทัลในออสเตรเลีย อย่างบริษัท Versa ที่มีกฎให้ทำงานเพียง 4 วันต่อสัปดาห์ด้วยจำนวนชั่วโมงปกติ แต่ยังได้เงินเดือนเท่าเดิมอยู่ การทำงานแบบนี้อาจจะดูแปลกสำหรับบ้านเรา แต่เชื่อไหมครับว่า มันส่งผลดีกับบริษัทนี้มากๆ 

        แต่วันนี้ผมไม่ได้จะมาพูดเรื่องของกฎ วันหรือเวลาการทำงานครับ แต่วันนี้เราขอมาพูดถึงเรื่องบรรยากาศในออฟฟิศกันดีกว่า ตอนนี้ฟันเพืองขับเคลื่อนและมนุษย์วัยทำงานที่กำลังไฟแรง ถูกส่งไม้ต่อและผลัดเปลี่ยนเป็นยุคของคนใน Gen Z และ Gen Y เป็นหลัก

        ซึ่ง 2 Gen นี้เป็น Generation ที่มีการเปลี่ยนแปลงอะไรหลายๆ อย่างครับ รวมถึงแนวคิดในการทำงานที่เปลี่ยนไปด้วย ดังนั้นเรามาดูกันครับว่า เมื่อการทำงานเปลี่ยนไป แล้วออฟฟิศแบบไหนคือออฟฟิศในฝันของคน Gen Z และ Gen Y กันนะ

        ออฟฟิศที่ตั้งอยู่ในทำเลที่เดินทางสะดวก

        ปัจจัยที่คนรุ่นใหม่พิจารณามากๆ เป็นอันดับต้นๆ คือการเดินทางครับ ซึ่งออฟฟิศที่มีทำเลที่ตั้งสะดวกสบาย เข้าถึงระบบขนส่งมวลชนจะก่อให้เกิดสภาพแวดล้อมที่ดี จุดสังเกตคล้ายๆ คอนโดเลยครับ คือเมื่อรถไฟฟ้าไปไหน ห้างร้านก็มักจะตามไปด้วยเสมอ ส่วนมาก อาคารสำนักงานที่ทันสมัย ก็มักจะตั้งอยู่ใกล้สถานีรถไฟฟ้าซึ่งอันนี้เป็นผลสำรวจจากทาง เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ โฮลดิ้งส์ฯ ครับเค้าบอกว่าคนรุ่นใหม่ให้ความสำคัญกับเรื่องการคมนาคมมาก บางคนจะยึดเรื่องนี้เป็นเรื่องแรกเวลาจะสมัครหรือเปลี่ยนงานเลยนะ

        สอดคล้องกับสภาพการจราจรในเมืองกรุงที่ไม่เอื้อเฟื้อต่อการใช้รถส่วนตัวในเวลาเร่งด่วน ดังนั้นคนรุ่นใหม่จึงมองหาที่ทำงานที่มีระบบขนส่งสาธารณะที่เข้าถึงสถานที่ทำงานมากเสียกว่าจะมาเสียเวลาบนท้องถนนนั่นเอง

 

 

        มุมพักผ่อนภายในออฟฟิศ

        คนรุ่นใหม่ให้ความสำคัญเกี่ยวกับสภาวะทางอารมณ์มากกว่าคนใน Gen ก่อนๆ พวกเขามองว่าการทำงานโดยปราศจากความยืดหยุ่นนั้นไม่ได้ส่งผลดีแก่งาน แต่ก่อนเรามักจะมีภาพจำทั้งจากในหนังหรือละครว่าการทำงานของมนุษย์ออฟฟิศจะต้องเคร่งเครียดมีจำนวนแฟ้มงานวางกองพะเนิน พนักงานจะมีเวลาพักแค่ตอนเที่ยงเท่านั้น และมีความกดดันจากงานสูง

        แต่สมัยนี้สิ่งที่คน Gen Z มองหาคือจุดพักผ่อนจากแรงกดดันในการทำงาน หลายๆ ออฟฟิศเริ่มมองเห็นความสำคัญในเรื่องนี้เยอะขึ้นแล้วครับ บางที่สนองความต้องการในด้านนี้ของพนักงานด้วยการทำห้องกิจกรรม มีโต๊ะปิงปอง เกมกระดาน หรือบางองค์กร ก็ทำมุมไว้นั่งพักผ่อนหย่อนใจ ด้วยการสร้างทัศนียภาพสีเขียว หรือมุมกาแฟ เครื่องดื่ม และขนม ฯลฯ ซึ่งหลายๆ องค์กรเชื่อว่าการมีมุมให้พนักงานได้พักผ่อนช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานสูงขึ้นได้ ทั้งแรงกดดันจากการทำงาน และสภาพแวดล้อมทางสังคมในที่ทำงานด้วยนั่นเองครับ

 

 

        ทัศนคติจากเพื่อนร่วมงาน

        คับที่อยู่ได้ คับใจอยู่ยาก คำพูดคลาสสิคที่เรามักจะได้ยินบ่อยครั้งเวลาจะมีคนเปลี่ยนงาน ซึ่งหากมองตามหลักความเป็นจริงแล้ว เรื่องนี้เป็นส่วนสำคัญที่สุดในสภาพแวดล้อมการทำงานเลยครับ ดังนั้นเทรนด์ของออฟฟิศยุคใหม่จึงควรให้ความสำคัญกับแนวคิดนี้เพิ่มขึ้นมากๆ ในระยะหลังมานี้

        สถานที่ทำงานไม่ควรจะมีแต่เรื่องเครียดเท่านั้นครับ การชื่นชม การให้กำลังใจในที่ทำงานจึงเป็นเรื่องที่สำคัญมาก แม้ในประเทศไทยอาจจะยังไม่ค่อยได้เห็นการพูดชื่นชมผู้อื่นอยู่บ่อยๆ แต่ทัศนคติของคน Gen Z กลับมองว่า การทักทาย หรือการพูดคุยด้วยความชื่นชม ช่วยทำให้บรรยากาศและสภาพแวดล้อมดีขึ้น และส่งผลให้ที่ทำงานมีความตึงเครียดที่ลดลง ดังนั้นวัฒนธรรมองค์กรและทัศนคติจากเพื่อนร่วมงานจึงเป็ฯเรื่องสำคัญที่หลายองค์กรไม่ควรจะมองข้ามเลยครับ

 

 

        ทั้งหมดนี้เป็นแค่ส่วนหนึ่งของความต้องการของคนยุคใหม่ที่ผมหาข้อมูลมานะครับ เห็นได้ชัดว่าสิ่งที่คน Gen Z ต้องการมักจะเกี่ยวกับเรื่องของสภาพแวดล้อมในที่ทำงานเป็นหลัก และเรื่องของสุขภาพจิตใจในที่ทำงานในยุคสมัยที่เปลี่ยนไปอย่างนี้ 

        อ่านด้านบนแล้ว หลายคนอาจจะไม่เห็นภาพว่า เอ๊ะ สรุปแล้วออฟฟิศในฝันที่คนรุ่นใหม่ต้องการ มันเป็นแบบไหนกันนะ? มาครับ ผมจะพาไปดูตัวอย่าง 10 ออฟฟิศในฝันที่คนรุ่นใหม่อยากร่วมงานด้วยมากที่สุดประจำปี 2020 โดยเป็นผลสำรวจมาจากทาง "Work Venture" ที่นี้เรามาดูกันครับว่าองค์กรไหนจะติดโผบ้างนะ?

        1. Google ประเทศไทย

 

 

        อันดับหนึ่งตกเป็นของ Google หรืออากู๋ ที่เราคุ้นเคย โดย Google เป็นที่รู้จักกันดีว่าเป็นยักษ์ใหญ่แห่งวงการเทคโนโลยี โดย Google ประเทศไทย ตั้งอยู่ในอาคาร Park Venture Ecoplex ติดกับ BTS เพลินจิต โดย Google มีเอกลักษณ์การทำงานที่ไม่เหมือนใคร แม้องค์กรจะใหญ่โตแต่ทุกวันนี้เค้ายังใช้การบริหารในรูปแบบ Stratup อยู่เลยครับ โดยทาง Google จะเน้นสร้างความมั่นใจในแนวความคิดของพนักงาน Googler ว่า ไม่มีอะไรที่เป็นไปไม่ได้ ส่วนความเจ๋งของออฟฟิศ Google ประเทศไทยคือในทุกวันศุกร์ จะมีกิจกรรม TGIF โดยพนักงานจะทำการ Shutdown คอมพิมเตอร์ในตอน 6 โมงเย็นแล้วไปปาร์ตี้กับเพื่อนร่วมงาน อีกทั้งยังเปิดโอกาสให้สามารถถามตรงถึงผู้บริการได้ด้วย แถมภายในออฟฟิศยังมีโซนพักผ่อน รวมถึงห้องกิจกรรมอื่นๆ ให้พนักงานได้ผ่อนคลายอีกด้วยไม่ว่าจะเป็น ห้องเล่นเกม/ชมภาพยนตร์, โต๊ะ pool  และ ห้องฟิตเนส เดินทางสะดวก และให้ความสำคัญแก่พนักงานแบบนี้ไม่น่าแปลกใจเลยฮะ ที่จะเป็นบริษัทที่มีคนอยากร่วมงานด้วยมากที่สุดเป็นอันดับ 1

 

 

        2. LINE

 

 

        ไลน์กลายเป็นช่องทางการสื่อสารหลัก ไม่ว่าจะคุยงาน คุยเล่น คุยกับลูกค้า คุยกับแม่ค้า ฯลร เชื่อว่ามือถือทุกเครื่องของคนไทย น่าจะมีแอพนี้กันทุกคนแน่นอน ปัจจุบันไลน์เป็นแอปพลิเคชั่นที่ใช้ในการสื่อสารที่เป็นที่นิยมที่สุดในประเทศไทย โดย ไลน์ ประเทศไทย มีสำนักงานตั้งอยู่ที่ตึก Gaysorn Tower นี้เองครับ เป็นจุดศูนย์กลางของเมืองกรุงที่ใกล้กับรถไฟฟ้าถึง 2 สาย บรรยากาศภายในองค์กรเป็นที่เลื่องลือมาก เพราะมีทั้งกิจกรรมและสวัสดิการให้แก่พนักงานมากมายไม่ว่าจะเป็น กิจกรรมปาร์ตี้ สังสรรค์ กระชับมิตรทุกๆ เดือนด้วยครับ

        นอกจากนี้บรรยกาศในออฟฟิศยังดีมากๆ มีทั้งคาร์เฟ่ มุมพักผ่อน ห้องประชุมที่เป็นธีม มุม Work hard Play hard มุมดูหนัง บอร์ดเกม โต๊ะปิงปอง ที่สำคัญใครนั่งๆ ทำงานแล้วปวดหลังเค้ามีโซนไปนอนพัก หรือใครจะนวดกดจุดแก้เมื่อยก็มีให้บริการนะจ๊ะ แถมข้าวเช้า และ ข้าวกลางวันฟรี!!

 

 

        3. Apple 

 

 

        ยักษ์ใหญ่แห่งวงการเทคโนโลยีไปแล้ว ยักษ์ใหญ่แห่งวงการสื่อสารไปแล้ว คราวนี้เป็นคิวของยักษ์ใหญ่แห่งวงการสมาร์ทโฟนอย่าง Apple กันบ้างครับ Apple เป็นหนึ่งในเจ้าแห่งอุตสาหกรรมเทคโนโลยีที่คนรุ่นใหม่ไฝ่ฝันจะเข้าไปร่วมงานเยอะมากๆ จนได้อันดับที่ 3 ไปครองในปี 2020 โดยสวัสดิการของ  Apple  นั้นน่าสนใจและโดนใจคนรุ่นใหม่มากๆ ไม่ว่าจะเป็นบริการอาหารและเครื่องดื่มฟรี มีบริการรถรับส่ง ช่วยเหลือเรื่องการเดินทางในช่วงวันหยุดพักร้อน เป็นต้น

 

        4. PTT (ปตท.)

 

 

        เมื่อพูดถึงธุรกิจพลังงานในประเทศไทย ใครจะไม่นึกถึง ปตท. บ้างล่ะครับ นอกจากชื่อเสียงที่สะสมมานานจนเป็นที่น่าเชื่อถือของคนไทยแล้ว ปตท. ยังเป็นองค์กรที่สามารถเข้ามานั่งอยู่ในใจเหล่า First Jobber หลายยุคสมัย รวมถึงคน Gen Z ด้วย เนื่องจาก ปตท. เป็นองค์กรที่เปิดกว้างในเรื่องของการแสดงความคิดเห็น และมุมมองการสร้างนวัตกรรมต่างๆ ด้านสวัสดิการก็จัดให้พนักงานเต็มที่ เช่นพนักงานบางฝ่ายจะได้เที่ยวต่างประเทศฟรี เป็นต้น!! รวมถึงโบนัสที่จัดหนัก จนมีข่าวมาให้เราอิจฉาทุกปีอีกด้วย 5555

 

        5. Agoda

 

 

        Agoda หรือ อโกด้า เป็นแพลตฟอร์มที่ให้บริการเว็บไซต์ของโรงแรมยอดนิยมและเติบโตเร็วที่สุดในโลก แม้ในช่วงนี้เราอาจจะไม่ค่อยได้เขาเว็บไซต์ Agoda แต่หลังสถานการณ์โควิด-19 ดีขึ้น ธุรกิจการท่องเที่ยวฟื้นตัวได้ Agoda จะสามารถกลับมายืนต่อได้ยาวๆ แน่นอนครับ นอกจากนี้วัฒนธรรมองค์กรของ Agoda ยังเป็นที่พูดถึงเป็นอย่างมากเนื่องจากมีการสร้างบรรยากาศและวัฒนธรรมอวงค์กรแบบอินเตอร์ รวมถึงมอบสวัสดิการดีๆ แก่พนักงานอีกด้วย อาทิ สมาชิกฟิตเนส ส่วนลดสําหรับการจองห้องพักในโรงแรมเป็นต้น

 

 

        6. Shopee ช้อปปี้

 

 

        แอปส้มที่ใครหลายคนเสียเงินให้ทุกๆ เดือนอย่าง Shopee ก็ติดโผองค์กรที่คนรุ่นใหม่อยากร่วมงานมากที่สุดเช่นกันครับ สวัสดิการขององค์กรนี้เรียกได้ว่าจัดหนัก จัดเต็ม โดยภายในออฟฟิศของ Shopee จะออกแบบมาให้มีบรรยากาศผ่อนคลาย รวมถึงมีกิจกรรมให้แก่พนักงานเยอะมากๆ เช่นการสอนแต่งหน้า มีการเตรียมอาหารเย็นไว้ให้ น้ำ ขนม ไอศครีม ฯลฯ โดยสำนักงานของ Shopee ตั้งอยู่ที่ อาคารสิงห์ คอมเพล็กซ์ ชั้น 32 นี่เองครับใกล้กับ MRT เพชรบุรี ทั้งบรรยากาศองค์กร และทำเลที่ตั้งโดนใจคนรุ่นใหม่สุดๆ

 

 

        7. Thai Beverage ไทยเบฟเวอเรจ

 

 

        ไทยเบฟฯ อุตสาหกรรมเครื่องดื่มระดับโลก ก็ติดโผเช่นกันครับ จุดเด่นที่โดนใจคนรุ่นใหม่เห็นทีคงหนีไม่พ้นเรื่องของการดูแลเอาใจใส่พนักงาน แม้ในช่วงวิกฤตโควิดโดยได้จัดตั้ง COVID-19 Relief Center เพื่อช่วยดูแลพนักงานทั้งเรื่องสุขภาพของพนักงานเองและครอบครัว อีกทั้งองค์กรยังเปิดโอกาสให้พนักงานได้แบ่งปันประสบการณ์และชีวิตในการทำงาน จึงไม่น่าแปลกใจที่จะเป็นองค์กรที่ติดโผนี้มาด้วยนั่นเอง

 

        8. Facebook 

 

 

        หนึ่งในโซเชี่ยลมีเดียที่ได้รับความนิยมสูงสุด แม้จะฟอร์มตกลงมาเล็กร้อยในช่วงหลังๆ แต่ Facebook ก็ยังคงเป็นหนึ่งในองค์กรที่เติบโตอย่างรวดเร็วที่สุดครับ Facebook มีจุดเด่นคือการสร้างบรรยากาศในองค์กรในรูปแบบที่ถูกใจคนรุ่นใหม่อาทิ การจัดสรรพื้นที่พักผ่อนในออฟฟิศ รวมถึงมุมพักผ่อนต่างๆ เพื่อให้พนักงานได้สรรค์สร้างไอเดียและการทำงานที่มีประสิทธิภาพนั่นเอง

 

        9. Central Group

 

 

       เจ้าแห่งธุรกิจการค้าอย่าง Central Group ก็เป็นอีกหนึ่งองค์กรที่คนรุ่นใหม่อยากเข้าไปร่วมงานด้วยมากที่สุดเช่นกันครับ โดยจุดเด่นขององค์กรคือ การเติบโตนั่นเอง เนื่องจาก Central Group มีธุรกิจที่แตกแขนงมากมายไม่เพียงแต่ธุรกิจห้างสรรพสินค้า แต่ยังมีทั้งอสังหาฯ โรงแรม และร้านอาหาร ดังนั้นสิ่งที่คนรุ่นใหม่ตามหาในองค์กรคงหนีไม่พ้นเรื่องของความก้าวหน้า ความมั่นคง และโอกาสในการเติบโตนั่นเองครับ

 

        10. Sansiri แสนสิริ

 

 

        อันดับ 10 ตกเป็นของพี่สิบหมื่นนั่นเองครับ แสนสิริเป็นองค์กรอสังหาฯ ที่มีชื่อเสียงมาอย่างยาวนานมากๆ ซึ่งแสนสิริ ได้ปรับตัวและองค์กรให้เป็นไปตามยุคสมัยเสมอ โดยแสนสิริ จะให้ความสำคัญในการดูแลพนักงานมากๆ ไม่ว่าจะเป็น สวัสดิการบ้านพักช่วงวันหยุด จัดทริปครอบครัว สวัสดิการทางการแพทย์ รวมถึงการปรึกษาด้านสุขภาพจิตแก่พนักงานฟรีด้วยครับ (ล่าสุดทราบมาว่าบอสใหญ่จัดวัคซีน mRNA ให้พนักงานด้วยนะ ใส่ใจมากๆ แบบนี้ไม่แปลกที่จะเป็นหนึ่งในองค์กรที่คนรุ่นใหม่อยากร่วมงานมากๆ จนคว้าอันดับ 10 ไปครอง)

 

 

        เป็นอย่างไรบ้างครับกับทั้ง 10 องค์กรที่ผมยกมาพูดถึง เรียกได้ว่าความต้องการของคนรุ่นใหม่เริ่มเห็นผลแล้วนะ นอกจาก 10 องค์กรนี้ยังมีอีกหลายๆ บริษัทที่ติดโผ 50 หน่วยงานที่คนรุ่นใหม่อยากร่วมงานด้วยมากที่สุด แต่วันนี้ของยกมา 10 อันดับก่อนนะครับ ไว้ปีหน้าเดี๋ยวเรามาดูกันครับว่า 10 อันดับนี้จะเปลี่ยนแปลงไหม? จะมีองค์กรใดก้าวกระโดดมาอยู่ top10 บ้าง? ไว้ผลสำรวจออกมาแล้วจะเอามาเล่าให้ฟังอีกทีฮะ