ไหนขอเสียงคนเพิ่งเริ่มเข้าสู่วัยทำงาน หรือ คนที่เพิ่งจะเก็บตังค์หน่อยฮะ!!
วันนี้พี่หมี มาเจาะกลุ่มวัยรุ่นสร้างตัวกันหน่อยครับ สำหรับคนที่เพิ่งเข้าสู่วัยทำงาน หรือคนที่ทำงานมาสักพักและเริ่มคิดที่จะเก็บออม สร้างเนื้อสร้างตัว
หลังจากเรียนจบและทำงานไปสักพัก เชื่อว่ามีหลายคนก็เริ่มที่จะเก็บออมจนได้เงินก้อนกันมาแล้วแหละ ทีนี้สิ่งที่ทุกคนน่าจะคิดเหมือนๆ กันคือ มีเงินเก็บอยู่แล้วก้อนนึงอย่างนี้ เราจะเอาเงินไปสร้างอะไรดีนะระหว่าง รถ กับ บ้าน ?
ปัญหานี้เป็นปัญหาโลกแตกมากๆ ฮะ เพราะผมเจอในพันทิปบ่อยมาก แม้จะเห็นกระทู้ทำนองนี้ผ่านตามาเนิ่นนาน และบ่อยครั้ง แต่ไม่เคยหยิบมาพูดจริงๆ จังๆ เสียที วันนี้เลยขอยกมาพูดถึงสักหน่อยครับ เพราะเพจเราเนี้ยก็มีแต่วัย-สะ-รุ่นทั้งนั้นอ่ะเนอะ ใช่มะ5555
อะไรจำเป็นกว่ากัน
เอาล่ะ หลังจากที่วัยรุ่นอย่างเราตั้งคำถามกับตัวเองแล้วว่ามีเงินก้อนนึง จะซื้อรถหรือบ้านก่อนดี? อันดับแรกที่ผมอยากให้ทุกคนทำคือการพิจารณาถึงความจำเป็นของตัวเองก่อน อย่าเพิ่งไปคล้อยตามคำแนะนำของใครครับ เพราะหากไปถามคนรอบตัวก็คงปวดหัว และได้คำแนะนำที่ไม่เหมือนกันสักคน
ให้คุณพิจารณาจากสถานการณ์ของตัวเองก่อนครับ เช่น ณ ตอนนี้คุณกำลังเสียเงินในการเช่าคอนโด อพาร์ทเมนท์ หรือ บ้าน อยู่และมีแนวโน้มเอนเอียงไปในเรื่องของการซื้อบ้านมากกว่า ที่สำคัญอย่าลืมมองเรื่องของโอกาสและความมั่นคงของงานครับ เนื่องจากหากเราจะซื้อบ้านหรือคอนโดเนี้ย ก็ต้องมั่นใจว่าจะต้องอยู่ที่นี่ไปอีกนาน แต่หากความมั่นคงในเรื่องของการงานไม่มากพอ มีโอกาสที่จะโยกย้ายไปยังที่ต่างๆ การซื้อบ้านหรือคอนโดอาจจะยังไม่ตอบโจทย์
หรือ หากคุณอยู่บ้านเดียวกับพ่อแม่อยู่แล้ว ไม่ได้มีปัญหา อาจจะเอนเอียงไปทางรถก่อนอันดับแรก เนื่องจากความจำเป็นของการซื้อบ้านหรือคอนโดอาจจะไม่มากเท่ารถ ที่สามารถใช้เป็นยานพาหนะส่วนตัวของเราได้ บางคนอยู่กับพ่อแม่ แต่ที่ทำงานไกล แนะนำให้ซื้อรถก่อน และให้บ้านหรือคอนโดเป็นสเต็ปต่อไปดีกว่าครับ
สำรวจความพร้อม
ทั้งบ้าน และ รถ เป็นสินทรัพย์ก้อนใหญ่ทั้งคู่ครับ ซึ่งการจะครอบครองสินทรัพย์ที่มีมูลค่าสูงแบบนี้ ความสามารถในการ "ซื้อสด" ของวัยรุ่นอย่างเราๆ เนี้ย ก็น่าจะมีหลายๆ คนเลยที่ยังไม่มีต้นทุนสูงถึงขั้นนั้น ทางเลือกคืออะไรครับ?... ใช่ครับ ทางเลือกของเราก็คือการกู้ธนาคารนั่นเอง หลังจากที่เราพิจารณาถึงความจำเป็นแล้ว อยากให้ทุกคนอย่าลืมสำรวจความพร้อมในการกู้ด้วยครับ ทำไมต้องสำรวจความสามารถในการกู้ เพราะในอนาคตเราต้องรู้ด้วยว่าเราจะสามารถแบกรับค่าใช้จ่ายเหล่านี้ไหวมั้ย ซึ่งการซื้อบ้านและซื้อรถเค้าจะแบ่งเงินอยู่ 2 ส่วนหลักๆ อย่างนี้ครับ
-ค่าใช้จ่ายในการซื้อทรัพย์สิน อันนี้เราจะรวมทั้งเงินดาวน์ เงินกู้ยืมและดอกเบื้ยที่จะเกิดขึ้นในอนาคต สิ่งที่ต้องทำคือ ให้เราเอาค่าใช้จ่ายเหล่านี้มาคำนวณและวางแผนให้ดีๆ ก่อนครับ ให้เราดูว่าการผ่อนชำระแต่ละเดือนนั้น เหมาะกับเราไหม? เราจะสามารถแบกรับภาระตรงนี้ไหวหรือเปล่า แนะนำว่าการผ่อนชำระนั้น เงินกู้ไม่ควรเกิน 40% ของรายได้ นี่ยังไม่รวมกับหนี้สินอื่นๆ อีกนะครับ
-ค่าใช้จ่ายในการบำรุงทรัพย์สิน ทั้งบ้านและรถ เมื่อเราได้มาครอบครองแล้ว ค่าใช้จ่ายไม่ได้หยุดอยู่แค่นั้นแน่นอนครับ ถ้าเราตัดสินใจซื้อรถ เราต้องจ่ายค่าน้ำมันแน่นอนอยู่แล้ว แถมต้องซื้อประกันด้วยนะ หรือถ้าเราซื้อบ้านหรือคอนโด อย่าลืมนึกถึงเรื่องค่าส่วนกลาง ค่าน้ำ ค่าไฟ ซึ่งจุดนี้เชื่อว่าหลายคนคงลืมเอามาคำนวณกันเยอะครับ แนะนำว่าห้ามลืมเป็นอันขาด และห้ามฝืนภาระหนี้ด้วย ไม่ไหวบอกไม่ไหวนะ!! อย่าฝืน
หาเงินมาดาวน์
ข้อนี้ปิดท้ายหน่อยแล้วกัน หลายคนอาจจะมีอยู่แล้วล่ะเงินดาวน์ แต่บางคนอาจจะเพิ่งศึกษาเนอะว่าจะเก็บเงินไปดาวน์อะไรดี ซึ่งหลายคนก็อาจจะไม่รู้อีกว่าจำเป็นต้องกำเงินไปดาวน์เท่าไหร่ มาผมเอาวิธีคิดมาฝากครับ อันดับแรกต้องรู้ก่อนครับว่าการขอสินเชื่อบ้านและรถเนี้ยไม่เหมือนกันนะครับ การขอสินเชื่อบ้านจะต้องมีเงินดาวน์ประมาณ 20% ของราคาบ้าน ส่วนขอสินเชื่อรถต้องมีเงินดาวน์ประมาณ 25% ของราคารถ ครับ อย่าลืมหาเงินมาดาวน์ให้พอด้วยล่ะ !!
ทั้งนี้ การตัดสินใจซื้อบ้านหรือรถ หลักๆ ก็อยากให้สำรวจความเหมาะสมของตัวเองเป็นหลักครับ อีกทั้งอย่าลืมที่จะคำนวณค่าใช้จ่ายที่ตัวเองมีทั้งหมด ใครที่วางแผนจะซื้อบ้านหรือรถ ผมแนะนำให้ทำบัญชีรายรับรายจ่ายก่อนก็ได้ครับ ทีนี้เราจะได้คำนวณค่าใช้จ่ายได้ถูกเนอะ ที่สำคัญอย่าลืมคำนวณค่าใช้จ่ายในการบำรุงรักษา ทั้งค่าน้ำมัน ค่าประกันรถ ค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าส่วนกลาง ในอนาคตจะได้ไม่ต้องหัวหมุนกับค่าใช้จ่ายเหล่านี้นั่นเองครับ วันนี้พี่หมีขอตัวลาไปนับเศษตังค์ในกระเป๋าก่อนนะครับ ว่าจะเอาไปดาวน์คอนโดสักยูนิต อิอิ
Tag : มีเงินหนึ่งก้อนควรซื้อบ้าน หรือ รถก่อนดี | มือใหม่ซื้อคอนโด |
“ได้วิวแม่น้ำ สวยขนาดนี้เลยรึนี่?!“ เป็นความรู้สึกของผมตอนที่ขึ้นไปชั้น 38 วิวสวยแบบไม่มีอะไรมาบดบังเลย มีมุมที่เห็นสวนเบญจกิติด้วย
สำหรับผมแล้ว BTS สถานี "ห้าแยกลาดพร้าว" เป็น สถานี Interchange กับ MRT ที่ผมชอบที่สุด และมักจะเป็นทำเลที่ผมแนะนำ ให้คนมาอยู่อาศัยมากที่สุดอันดับต้นๆเลย
มีความท้าทายเล็กๆ กับการเปลี่ยนอดีต ’สถานทูตออสเตรเลีย‘ ให้กลายมาเป็น ‘Luxury Condo’ และ ’Mixed-Use’ ระดับ ’iconic’ ริม ’ถนนสาทร‘
'เกือบหลับ แต่กลับมาได้' จะมีโครงการไหนกันเชียวที่จะเหมาะกับคำนี้ ถ้าไม่ใช่ 'Hyde Riverbay Charoennakorn' (ไฮด์ ริเวอร์เบย์ เจริญนคร)
โครงการใหม่ของ Major ที่แน่มาก แกร่งมาก เพราะไม่หวั่นไหวกับการต้องถูกขนาบข้างโดย Sansiri แบบรั้วชนรั้วเลย!
'dcondo calm Ramkhamhaeng 40' (ดีคอนโด คาล์ม รามคําแหง 40) ก็เป็นอีกโครงการที่ผมบอกเลยว่า คุณจะลืมภาพจำของแบรนด์ดีคอนโดแบบเดิมๆ ไปแทบหมดสิ้น เพราะโครงการนี้ เค้าอยู่ใกล้รถไฟฟ้าถึง 2 สาย ทั้งสายสีส้มและสายสีเหลือง!!!
ไหนใครกำลังจะรีไฟแนนซ์กันบ้าง ใครกำลังผ่อนบ้านอยู่เพลิน ๆ นี่ห้ามลืมเด็ดเลยนะ เพราะหนี้บ้านพอพ้น 3 ปีแรก ดอกเบี้ยจะพุ่งขึ้นแบบก้าวกระโดดเลย
ขออวดว่าผมได้รีวิวหนังสือเล่มนี้ก่อนหนหน้านี้แล้วด้วยนะ อิอิ แต่ที่จริงผมไม่ได้ตั้งใจรีวิวหรอก แต่เป็นคนอ่านหนังสือแล้วชอบ ‘Short Note’ ประโยคดีๆ คมๆ เก็บไว้ แต่ปรากฏว่ามันโดนบาดเยอะมาก จนสามารถเอามาลงในเพจได้เลย
ช่วงนี้ผมชอบเข้าไปดูงานออกแบบของ Foster + Partners บ่อยสุดๆ คือรู้สึกได้เลยว่าเราอินกับสไตล์การออกแบบของเค้ามากๆ ซึ่งถ้าใครไม่รู้ว่าเค้าคือใคร Foster + Partners คือบริษัทที่ออกแบบ Apple Store ตรงเซ็นทรัลเวิลด์ นั่นแหละครับ น่าจะพออ๋อกันขึ้นมาบ้างเนอะ
ยุคนี้ใครเค้าเที่ยวต่างประเทศกัน คนรวยเค้าเที่ยวนอกโลกครับ!
Apple Store นี่ไม่ว่าจะไปเปิดสาขาที่ไหน ก็สามารถกลายเป็นแลนด์มาร์คของที่นั้นๆ ได้ตลอด ล่าสุดเค้าเพิ่งเปิดสาขาใหม่ที่ประเทศมาเลเซีย ไปหมาดๆ เมื่อวันที่ 22 มิถุนายน ที่ผ่านมานี่เอง ซึ่งนี่เป็นสาขาแรกของมาเลเซีย
เดือน 7 กำลังจะผ่านพ้นอีกแล้วนะครับ ตอนนี้อากาศกำลังชุ่มฉ่ำแบบสุด ๆ ไปเลย ซึ่งหลายเดือนที่ผ่านมามีสัญญาณว่าดอกเบี้ยแบบคงที่เริ่มกลับมาแล้วนะ