อย่างที่รู้กันดีว่าการอ้าแขนรับนักลงทุนต่างชาติ ที่เข้ามาในรูปแบบของการร่วมทุน หรือการ Joint Venture นั้นเป็นหนึ่งในกุญแจสำคัญที่ทำให้ธุรกิจอสังหาฯ บ้านเรายังสามารถเดินหน้าต่อไปได้ และประเทศที่บุกหนักอสังหาฯ ไทยก็คือกลุ่ม "มหาอำนาจจีน" นี่แหละครับ

        แต่ถึงอย่างนั้นก็ต้องบอกว่า ชาติที่ยังเข้ามา Joint Venture อย่างต่อเนื่องและเรียกได้ว่า "มากที่สุด" เมื่อแยกตามมูลค่าการร่วมทุนนั้น ยังคงเป็นผู้ประกอบการจากแดนอาทิตย์อุทัย...ประเทศญี่ปุ่นต่างหากนะ

        เทรนด์ของการ Joint Venture ระหว่างผู้ประกอบการไทยกับผู้ประกอบการจากทางฝั่งของญี่ปุ่นนั้นถือว่าโดดเด่นและเติบโตไปอย่างต่อเนื่องเลย และเป็นการโลดแล่นในโลกของตลาดคอนโดมิเนียมที่ถือว่ามีสัดส่วนมากกว่าการลงทุนจากประเทศอื่นๆ อีกด้วย

        กลุ่มทุนจากประเทศญี่ปุ่นที่เข้ามามีบทบาทในแวดวงอสังหาฯ บ้านเรานั้นมีอยู่หลายเจ้าด้วยกัน และแน่นอนว่าต่างก็มีของดีของแต่ละฝ่ายต่างกันไปครับ

        และผมเชื่อว่าหนึ่งในกรุ๊ปที่ทุกคนจะได้ยินชื่อกันบ่อยๆ ก็คือ "โนมูระ เรียลเอสเตท" นี่แหละ

        โนมูระ เรียลเอสเตทถือเป็นหนึ่งในบิ๊กเนมสัญชาติญี่ปุ่นที่เข้ามาอัดฉีดเงินลงทุนในบ้านเรา เกิดการฟิวชั่นในหมู่อสังหา กลายเป็นซูเปอร์ไซย่าแดนปลาดิบที่ต่างก็สร้างผลลัพธ์ที่ดีให้แก่กันทั้งทางฝั่งไทยและฝั่งญี่ปุ่นเอง

        เงินทุน นวัตกรรม ความรู้ และประสบการณ์ คือสิ่งที่แชร์กันเพื่อพัฒนาโปรดักส์ให้ดียิ่งกว่าเดิม และถ้าหากเราได้รู้จักกับ "โนมูระ เรียลเอสเตท" มากยิ่งขึ้น ผมเชื่อเลยล่ะว่าเราจะไม่แปลกใจเลยว่าทำไมพาร์ทเนอร์ฝั่งไทยของเค้าอย่าง "ออริจิ้น" ถึงสามารถรุกตลาดคอนโดฯ Luxury แถมมีการเติบโตแบบ Exponential พรวดพราดเกินมาตรฐานไปมากแบบนี้

        รู้จัก "โนมูระ เรียลเอสเตท"

        "โนมูระ เรียลเอสเตท" เป็นบริษัทอสังหาริมทรัพย์รายใหญ่ของญี่ปุ่น ก่อตั้งขึ้นตั้งแต่ปี 1957 อยู่บนตำแหน่งของหนึ่งในแบรนด์อสังหาฯ ยักษ์ใหญ่ของญี่ปุ่น และถ้าให้พูดในเรื่องของ Brand Powerscape ในหมู่ของผู้บริโภคชาวญี่ปุ่นแล้ว "โนมูระ เรียลเอสเตท" ก็ได้ชื่อว่าเป็นแบรนด์ที่มีความแข็งแกร่งในเชิง Branding มากๆ เลยครับ

        นอกจากนี้แล้ว "โนมูระ เรียลเอสเตท" ยังเป็น 1 ใน 3 บริษัทยักษ์ใหญ่ของญี่ปุ่นที่มีประวัติความเป็นมายาวนานกว่า 60 ปี ทำให้ตอนนี้มีพอร์ตในการพัฒนาโครงการอสังหาฯ จำนวนมากในมือ

        ในส่วนของ Property types ถือได้ว่าหลากหลายนะ สามารถแบ่งได้เป็นกรุ๊ปตามนี้

        1. ธุรกิจพัฒนาที่อยู่อาศัย ทั้งในส่วนของคอนโดมิเนียมและบ้านเดี่ยว โดยมีแบรนด์ที่แข็งแกร่งในตลาดญี่ปุ่นคือแบรนด์ Proud และแบรนด์ OHANA โดยแบรนด์ PROUD เป็นแบรนด์คอนโดในเซกเมนต์ไฮเอนด์ เริ่มโครงการแรกในปี 2002 พร้อมทั้งขยายไลน์ไปที่การพัฒนาโครงการบ้านเดี่ยวภายใต้แบรนด์ PROUD SEASON อีกด้วยครับ ส่วนแบรนด์ OHANA นั้นเปิดตัวในปี 2011 เพื่อเจาะตลาดครอบครัวใหญ่โดยเฉพาะ

        2. ธุรกิจจัดหาสำนักงานให้เช่า อย่างเช่นโครงการ Nihobashi Muromachi Nomura Building, Shinjuku Nomura Building และ Lazona Kawasaki Toshiba Building

        3. ธุรกิจค้าปลีก เช่น GEMS Ichigaya

        4. ธุรกิจโลจิสติกส์

        5. ธุรกิจบริการที่เกี่ยวข้องกับอสังหาริมทรัพย์ เช่น การขาย การซื้อ และการเช่าอสังหาริมทรัพย์

        การร่วมทุนในไทย

        สำหรับการร่วมทุนในไทยนั้น ทาง "โนมูระ เรียลเอสเตท" ตัดสินใจจับมือเป็นพันธมิตรกับ "ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้" ย้อนกลับไปตอนนั้นต้องยอมรับว่าออริจิ้นยังเป็นบริษัทที่อายุการก่อตั้งไม่ได้มากมายอะไร เป็นแบรนด์น้องใหม่ในตลาด แต่กลับประสบความสำเร็จในเรื่องของโปรเจ็คต์ใหม่ๆ ตัวเลขผลประกอบการ และราคาหุ้นที่พุ่งแรงมากในหมวดของ Property ดังนั้นการคว้าเอาพันธมิตรบิ๊กเนมมาได้จึงถือว่าไม่ใช่เรื่องที่น่าแปลกใจอะไรจริงๆ

        ในส่วนของออริจิ้นกับโนมูระ เรียลเอสเตทนั้น ผมมองว่ามีความคล้ายคลึงกันในส่วนของรูปแบบธุรกิจที่ถือว่าหลากหลาย และปัจจุบันนี้ทั้งคู่ก็มีการร่วมทุนในกลุ่มธุรกิจคอนโดมิเนียมสะสมรวมทั้งหมด 11 โครงการ และธุรกิจโรงแรมอีก 2 โครงการครับ

        โดยความร่วมมือนี้จะเป็นความร่วมมือในแบรนด์คอนโดมิเนียมระดับไฮเอนด์ อย่างแบรนด์ไนท์บริดจ์ และแบรนด์คอนโดมิเนียมระดับลักชัวรี่ คือแบรนด์พาร์ค ออริจิ้น ซึ่งสามโครงการแรกที่ประกาศความร่วมมือกันก่อนคือไนท์บริดจ์ เป็นแบรนด์ที่มีความน่าสนใจในเรื่องของราคาที่ทำออกมาตอบโจทย์กลุ่มลูกค้าคนเมืองที่ต้องการคอนโดหรูแต่มีความยูนีค และหลังจากนั้นก็มีโครงการร่วมทุนด้วยกันออกมาอีกเรื่อยๆ 

• ปี 2560

        1. ไนท์บริดจ์ ไพรม์ รัชโยธิน 

        2. ไนท์บริดจ์ ไพรม์ อ่อนนุช

        3. ไนท์บริดจ์ คอลลาจ รามคำแหง 

• ปี 2561

        4. พาร์ค ออริจิ้น ทองหล่อ

        5. ไนท์บริดจ์ สเปซ รัชโยธิน

• ปี 2562

        6. พาร์ค ออริจิ้น จุฬา-สามย่าน

        7. พาร์ค ออริจิ้น ราชเทวี

• ปี 2563 (ธุรกิจโรงแรม)

        8. Staybridge Suites Thonglor

        9. Staybridge Suites Bangkok Sukhumvit Phromphong

• ปี 2564

        10. ดิ ออริจิ้น สุขุมวิท-สายลวด อี 22 สเตชั่น

        11. ดิ ออริจิ้น ปลั๊ก แอนด์ เพลย์ รามอินทรา

        12. โซโห แบงค็อก รัชดา

        13. ออริจิ้น ปลั๊ก แอนด์ เพลย์ รามคำแหง ทริปเปิ้ล สเตชั่น

        ขึ้นหิ้งพันธมิตรที่แข็งแกร่ง

        ตอนนี้เมื่อลองดูเราจะพบว่าออริจิ้นไม่ได้เป็นพันธมิตรกับเพียงโนมูระเท่านั้นแต่ว่าเริ่มมองหาพันธมิตรใหม่เข้ามาด้วยจากหลายๆ ประเทศ แต่ถึงอย่างนั้นผมก็มองว่าพันธมิตรที่แข็งแกร่งเหนียวแน่นที่สุดก็ยังคงเป็นโนมูระอยู่ดี

        ด้วยความที่รูปแบบธุรกิจที่ลงทุนครอบจักรวาล ผมมองว่าส่วนนี้มีอิทธิพลมากๆ ในการขยับขยายไลน์โปรดักส์ออกไป อย่างเช่นว่าโนมูระมีธุรกิจโลจิสติกส์ ออริจิ้นเองก็มีความสนใจอยากทำธุรกิจด้านนี้อยู่เหมือนกัน

        ในเรื่องของนวัตกรรมใหม่ๆ หรือการปรับตัวต่อยอดจากการศึกษา Insight ของผู้บริโภคเพื่อให้สามารถเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้ทั้งในระยะสั้นและระยะยาวเองก็ได้ภาษีดีจากตรงนี้นะครับ

        หลังจากที่ประกาศความร่วมมือกับทางโนมูระไปเมื่อปี 2560 หลังจากนั้นเราก็จะเห็นเลยว่าออริจิ้นรุกตลาดที่ขยับเข้าหาตัวเมืองชั้นในใกล้รถไฟฟ้าได้มากขึ้นเรื่อยๆ และรูปแบบตัวโครงการที่ดูเข้าใจกลุ่มเป้าหมายยิ่งขึ้นก็ค่อยๆ โผล่มา อย่างเช่นในปีนี้เองโครงการร่วมทุนกับโนมูระก็มาตั้ง 4 โครงการแล้วนะ

        ยิ่งไปกว่านั้นรูปแบบการทำงานของญี่ปุ่นถือว่าเป็นสิ่งที่เรียนรู้ได้ครับ การโปรเซสงานที่ดี การรู้จักติดกระดุมทีละเม็ดตามขั้นตอน การเรียนรู้วิธีที่ทำให้ประสบความสำเร็จจากบิ๊กเนมอายุเฉียดร้อย นี่ถือว่าเป็นการร่วมทุนที่ไม่ได้แบ่งปันกันแค่ผลลัพธ์ในเรื่องของเม็ดเงินที่ได้ แต่เป็นประสบการณ์และโนวฮาวชั้นยอดในการทำอสังหาฯ

        เป็นทางลัดที่เค้าพูดกันเลยว่า พาร์ทเนอร์การสร้างโครงการต้องคบค้ากับคนญี่ปุ่นจริงๆ