ประเทศมหาอำนาจใหญ่อย่างอเมริกา เป็นประเทศที่ได้รับความนิยมสำหรับผู้ที่ต้องการอพยพย้ายถิ่นฐาน ซึ่งเมืองลุงแซมเป็นที่ทราบกันดีในแง่ของประวัติศสตร์การอพยพย้ายถิ่นฐานมาอย่างยาวนานอยู่แล้วนะ
กระทั่งในปัจจุบัน อเมริกา ยังคงเป็นประเทศที่หลายๆ คนต่างเดินทางไปแสวงหาอนาคต สมกับคำว่า New World แต่รู้หรือไม่ครับว่า "โลกใบใหม่" ประเทศแห่งมหาอำนาจ ที่มีทั้งเทคโนโลยี การศึกษา สภาพเศรษฐกิจ ที่ติดอันดับต้นๆ ของโลกในทุกแง่ ยังมีมุมๆ หนึ่งที่แอบเก็บซุกซ่อนเอาไว้ และไม่ต้องการให้ชาวโลกได้เห็น
นั่นก็คือปัญหาคนไร้บ้านนั่นเองครับ แม้จะซุกซ่อนแค่ไหน แต่ก็ไม่อาจซ่อนเร้นไว้ได้เพราะปัญหาคนไร้บ้านในอเมริกานั้น นับวันจะยิ่งทวีคูณยิ่งขึ้น
จำนวนคนไร้บ้านในสหรัฐอเมริกา มีมากถึงราวล้านคนนับเป็นหนึ่งในประเทศที่มีจำนวนคนไร้บ้านสูงเป็นอันดับต้นๆ ของโลกแม้จะได้ชื่อว่าเป็นประเทศในฝันก็ตาม
โดยรัฐที่มีจำนวนคนไร้บ้านที่เยอะมากที่สุดในอเมริกาได้แก่ "รัฐแคลิฟอร์เนีย" นั่นเอง ภาพเบื้องหลังที่ฉาบด้วยสภาพเศรษฐกิจที่เฟื่องฟู รัฐที่มีนครแห่งนางฟ้าอย่าง ลอส แองเจลิส แห่งนี้ กลับมีประชากรไร้บ้านมากกว่าแสนคน และมีจำนวนที่เพิ่มสูงขึ้นทุกปี
ปัญหาคนไร้บ้านหรือ Homeless ในอเมริกา เป็นปัญหาใหญ่ที่ยังคงแก้ไขไม่ได้ ประจวบเหมาะกับช่วงที่เกิดโรคระบาดอย่างโควิด-19 ส่งผลให้จากที่แต่เดิมที่ก็มีเยอะอยู่แล้ว พอโรคระบาดมาปุ๊บคนไร้บ้านก็เพิ่มขึ้นทันตาเห็น
แม้อเมริกายังไม่สามารถแก้ปัญหาจำนวนของคนไร้บ้านได้ แต่ก็ไม่ได้เพิกเฉย เชื่อไหมครับว่า คนไร้บ้านในอเมริกาไม่ได้ถูกละเลยจากรัฐบาลเลยนะ เพราะคนกลุ่มนี้ยังมีรัฐสวัสดิการคุ้มครอง ได้ทั้งเงินเดือน Shelter, Housing, Food bank, Healthcare
อย่าเพิ่งหันกลับมาดูบ้านเราครับ ถ้ายังไม่เห็นสิ่งนี้ อย่างที่ผมบอกนั่นแหละว่าปัญหาคนไร้บ้านในอเมริกามันแก้ไม่หายซ้ากกะที ไม่ว่าประธานาธิบดีคนไหน ก็ยังไม่มีนโยบายไหนที่ทำให้จำนวนคนไรบ้านลดลงได้
แม้จะยังแก้ปัญหาไม่ได้แต่คนกลุ่มนี้ก็ยังได้รับความเหลียวแลใช่ไหมครับ ล่าสุดกับหมู่บ้าน Chandler Boulevard Bridge Home Village เป็นหมู่บ้านที่สำหรับคนไร้บ้านใน LA นครที่มีจำนวนคนไร้บ้านเยอะที่สุดในอเมริกานั่นเอง
แนวคิดการสร้างหมู่บ้าน Chandler Boulevard Bridge Home Village มาจากการที่รัฐเล็งเห็นว่าการระบาดของโควิด-19 ส่งผลกระทบโดยตรงกับคนกลุ่มนี้มากที่สุด รวมถึงคนไร้บ้านหน้าใหม่ที่สูญเสียงานและบ้านจากจากวิกฤตในครั้งนี้ด้วย
แม้ไม่ได้ใหญ่โต และดูสะดวกสบายมากนักแต่ Chandler Boulevard Bridge Home Village นับเป็นโครงการนำร่องที่ได้เข้ามาแก้ปัญหาเรื่องคนไร้บ้าน ที่อาจจะสามารถแก้ไขปัญหานี้ได้ในระยะยาวอีกด้วย
โดย Chandler Boulevard Bridge Home Village ถูกสร้างมาเป็นหมู่บ้านเล็กๆ ซึ่งได้ Lehrer Architects และ Bureau of Engineering เป็นผู้รับผิดชอบในการออกแบบและก่อสร้างหมู่บ้านแห่งนี้
บ้านทุกหลังในหมู่บ้านแห่งนี้ ใช้วิธีการก่อสร้างแบบ Prefabricated Building หรือแปลเป็นไทยก็คือ การสร้างบ้านจากการนำชิ้นส่วนสำเร็จรูปมาประกอบกัน โดยไม่ต้องเสียเวลามาก่ออิฐหรือฉาบปูน ซึ่งเป็นวิธีที่ประหยัดทั้งเงิน และ เวลา
โดยบ้านแต่ละหลังจะมีมูลค่าประมาณ 253,000 บาท อันนี้คือรวมหมดแล้วทั้งค่าแรงงานและวัสดุ ซึ่งใช้เวลาก่อสร้างราวๆ หลังละ ไม่ถึง 1 ชั่วโมง
จิ๋วแต่แจ๋ว แม้บ้านในหมู่บ้านแห่งนี้จะมีขนาดเล็กกระทัดรัด แต่ก็สามารถใช้งานได้จริงนะครับ แม้จะเป็นวัสดุสำเร็จรูปแต่ทนทานต่อแรงลมและหิมะ เนื่องจากมีโครงสร้างเป็นอลูมิเนียมนั่นเอง ที่สำคัญยังทำความสะอาดง่ายอีกด้วย
ซึ่งจะเห็นได้ชัดว่าหมู่บ้านแห่งนี้มีสีสันแสบทรวงสุดๆ ซึ่งทั้งหมดนี้เกิดจากความตั้งใจของตัวผู้สร้างเองครับ เค้าให้เหตุผลว่า การทาสีบ้านและพื้นที่ส่วนกลางด้วยสีสันที่ฉูดฉาด เพื่อต้องการให้ชุมชนเล็กๆ แห่งนี้มีเอกลักษณ์และมีชีวิตชีวา รวมถึงต้องการให้เป็นที่เตือนใจของผู้คนจากทุกระดับของสังคม ถึงศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ นับว่าเป็นแนวคิดที่ยอดเยี่มมากๆ
ภายในบ้านยังมีสิ่งอำนวยความสะดวกที่ค่อนข้างครบ ทั้งไฟฟ้า เฟอร์นิเจอร์อย่าง เตียง เครื่องทำความร้อน แอร์ รวมถึงที่เก็บของ นอกจากนี้ยังมีความปลอดภัยทั้งประตูหน้าต่างที่สามารถล็อกได้ ทั้งความสะดวกสบายที่คนไร้บ้านจะได้รับในหมู่บ้านแห่งนี้น่าจะเป็นสิ่งที่พวกเขาไม่เคยได้สัมผัส หรือ อาจจะไม่ได้สัมผัสมานาน
ขึ้นชื่อว่าเป็นหมู่บ้านก็ต้องมีพื้นที่ส่วนกลางครับ ปกติแล้วตามหมู่บ้านจะมีพื้นที่ส่วนกลางเป็นพวก Club house หรือไม่ก็พื้นที่สีเขียวและสระว่ายน้ำใช่ไหมครับ แต่ที่นี่จะต่างออกไปเพราะพื้นที่ส่วนกลางของหมู่บ้านแห่งนี้จะเป็นเหมือนโรงอาหารเล็กๆ มีทั้งโต๊ะรับประทานอาหาร ห้องน้ำ ห้องอาบน้ำ ห้องซักรีด คนไร้บ้านส่วนใหญ่ในอเมริกามักจะมีสัตว์เลี้ยงใช่ไหมครับ ซึ่งหมู่บ้านแห่งนี้ก็มีพื้นที่รองรับสัตว์เลี้ยงด้วยนะ รวมถึงยังมี Wi-Fi อีกด้วย
ทั้งหมดในหมู่บ้าน Chandler Boulevard Bridge Home Village ที่คนไร้บ้านใน LA ได้รับ ขอบอกว่า ฟรี!! นะครับ ซึ่งทางการจะอนุญาติให้พวกเขาสามารถอยู่ได้ไปจนกว่าจะหาบ้านพักถาวรได้ แต่ว่าไม่ใช่ Homeless คนไหนจะเดินดุ่มๆ ไปอยู่ในหมู่บ้านได้นะ เค้าก็มีข้อกำหนดเหมือนกันครับ โดยเงื่อนไขสำหรับคนไร้บ้านที่ต้องการเข้าไปอยู่ีในหมู่บ้านแห่งนี้คือต้องเป็นคนไร้บ้านที่ไม่มีบ้านเป็นของตัวเอง มีอายุ 18 ปีขึ้นไป และอาศัยอยู่ในรัศมี 3 ไมล์ หรือราว 4.8 กิโลเมตร จากหมู่บ้าน
คิดเห็นกันอย่างไรบ้างครับ ควรมีแบบนี้ในบ้านเราไหม? ต้องบอกเลยว่าปัญหาคนไร้บ้านไม้ได้เยอะแค่ประเทศอเมริกานะ หันมามองตามสนามหลวง หรือราชดำเนิน บ้านเราเองก็มีอยู่ไม่น้อยเช่นกัน ซึ่งเราก็ต้องมามองอีกทีครับว่าบ้านเราจะมีวิธีการแก้ปัญหาให้แก่คนกลุ่มนี้อย่างไรบ้าง ท่ามกลางวิกฤตโรคระบาดที่ยิ่งเพิ่มจำนวนคนไร้บ้านในมหานครของไทยเช่นเดียวกัน
ข้อมูลและรูปภาพจาก : LEHRERARCHITECTS LA
Tag : Chandler Boulevard Bridge Home Village | หมู่บ้านเพื่อคนไร้บ้าน |
“ได้วิวแม่น้ำ สวยขนาดนี้เลยรึนี่?!“ เป็นความรู้สึกของผมตอนที่ขึ้นไปชั้น 38 วิวสวยแบบไม่มีอะไรมาบดบังเลย มีมุมที่เห็นสวนเบญจกิติด้วย
สำหรับผมแล้ว BTS สถานี "ห้าแยกลาดพร้าว" เป็น สถานี Interchange กับ MRT ที่ผมชอบที่สุด และมักจะเป็นทำเลที่ผมแนะนำ ให้คนมาอยู่อาศัยมากที่สุดอันดับต้นๆเลย
มีความท้าทายเล็กๆ กับการเปลี่ยนอดีต ’สถานทูตออสเตรเลีย‘ ให้กลายมาเป็น ‘Luxury Condo’ และ ’Mixed-Use’ ระดับ ’iconic’ ริม ’ถนนสาทร‘
'เกือบหลับ แต่กลับมาได้' จะมีโครงการไหนกันเชียวที่จะเหมาะกับคำนี้ ถ้าไม่ใช่ 'Hyde Riverbay Charoennakorn' (ไฮด์ ริเวอร์เบย์ เจริญนคร)
โครงการใหม่ของ Major ที่แน่มาก แกร่งมาก เพราะไม่หวั่นไหวกับการต้องถูกขนาบข้างโดย Sansiri แบบรั้วชนรั้วเลย!
'dcondo calm Ramkhamhaeng 40' (ดีคอนโด คาล์ม รามคําแหง 40) ก็เป็นอีกโครงการที่ผมบอกเลยว่า คุณจะลืมภาพจำของแบรนด์ดีคอนโดแบบเดิมๆ ไปแทบหมดสิ้น เพราะโครงการนี้ เค้าอยู่ใกล้รถไฟฟ้าถึง 2 สาย ทั้งสายสีส้มและสายสีเหลือง!!!
ไหนใครกำลังจะรีไฟแนนซ์กันบ้าง ใครกำลังผ่อนบ้านอยู่เพลิน ๆ นี่ห้ามลืมเด็ดเลยนะ เพราะหนี้บ้านพอพ้น 3 ปีแรก ดอกเบี้ยจะพุ่งขึ้นแบบก้าวกระโดดเลย
ขออวดว่าผมได้รีวิวหนังสือเล่มนี้ก่อนหนหน้านี้แล้วด้วยนะ อิอิ แต่ที่จริงผมไม่ได้ตั้งใจรีวิวหรอก แต่เป็นคนอ่านหนังสือแล้วชอบ ‘Short Note’ ประโยคดีๆ คมๆ เก็บไว้ แต่ปรากฏว่ามันโดนบาดเยอะมาก จนสามารถเอามาลงในเพจได้เลย
ช่วงนี้ผมชอบเข้าไปดูงานออกแบบของ Foster + Partners บ่อยสุดๆ คือรู้สึกได้เลยว่าเราอินกับสไตล์การออกแบบของเค้ามากๆ ซึ่งถ้าใครไม่รู้ว่าเค้าคือใคร Foster + Partners คือบริษัทที่ออกแบบ Apple Store ตรงเซ็นทรัลเวิลด์ นั่นแหละครับ น่าจะพออ๋อกันขึ้นมาบ้างเนอะ
ยุคนี้ใครเค้าเที่ยวต่างประเทศกัน คนรวยเค้าเที่ยวนอกโลกครับ!
Apple Store นี่ไม่ว่าจะไปเปิดสาขาที่ไหน ก็สามารถกลายเป็นแลนด์มาร์คของที่นั้นๆ ได้ตลอด ล่าสุดเค้าเพิ่งเปิดสาขาใหม่ที่ประเทศมาเลเซีย ไปหมาดๆ เมื่อวันที่ 22 มิถุนายน ที่ผ่านมานี่เอง ซึ่งนี่เป็นสาขาแรกของมาเลเซีย
เดือน 7 กำลังจะผ่านพ้นอีกแล้วนะครับ ตอนนี้อากาศกำลังชุ่มฉ่ำแบบสุด ๆ ไปเลย ซึ่งหลายเดือนที่ผ่านมามีสัญญาณว่าดอกเบี้ยแบบคงที่เริ่มกลับมาแล้วนะ