มีใครเป็นเด็กติดเกม เป็นสาย "เกมเมอร์" แบบผมบ้างมั้ยครับ ย้อนกลับไปช่วงที่ติดหนัก ๆ ผมแถบจะสิงอยู่หน้าจอ จนบางครั้งก็อยากจะวาปเข้าไปในโลกนั้นซะจริง ๆ 55555

        ตอนนี้ความฝันของพวกเราใกล้เข้ามาแล้วครับ เทคโนโลยีก้าวหน้ามากขึ้น การใช้ชีวิตในโลกจริงและโลกเสมือนมีแค่เส้นบาง ๆ เท่านั้นที่กั้นระหว่างกันไว้

        แต่ไม่ใช่แค่นั้น!!! เพราะคนไม่ได้ชอบเล่นเกมเหมือนกันทั้งโลก "Metaverse" โลกเสมือนใบใหม่เลยได้ถือกำเนิดขึ้นครับ เป็นโลกใบใหม่ที่ไม่ว่าใครก็เข้าไปมีตัวตนได้

        พูดง่าย ๆ ก็คือ Metaverse เป็นการเชื่อมต่อกันอย่างเป็นเนื้อเดียวของโลก VR (Virtual Reality) กับ AR (Augmented Reality) หรือจะหมายความว่าเป็นยุคของอินเทอร์เน็ตแบบ 3 มิติก็ยังได้ 

        ฟังดูน่าสนใจใช่มั้ยครับ ทุกวันนี้เราก็พยายามสร้างตัวตนในโลกออนไลน์อยู่แล้ว แต่ต่อไปเราจะสามารถเปลี่ยนสถานะจาก “ผู้ดู” ผ่านจอไปเป็นการ “ท่อง” ในจักรวาลเสมือนจริง

        เราสามารถสร้างตัวตนในรูป Avatar เข้าไปใช้ชีวิตในโลกนั้นได้ ผมขอยกตัวอย่างสเกลเล็ก ๆ ให้เห็นภาพมากขึ้นหน่อย ช่วงนี้ที่เรา WFH กันอยู่บ้าน เราประชุมกันผ่านหน้าจอแบน ๆ 

        แต่ใน Metaverse แม้ตัวจริงเราจะนั่งอยู่บ้าน Avatar ของเราจะสามารถพูดคุย ทักทาย สนทนากับ Avatar คนอื่น ๆ ได้แบบซึ่งหน้า ราวกับทุกคนอยู่ในที่ประชุมจริง ๆ

        ซึ่งถ้าในอนาคตโลกของ Metaverse เป็นรูปเป็นร่างขึ้นมา การใช้งานก็ไม่ใช่แค่ให้ห้องประชุมอย่างที่ผมยกตัวตัวอย่างไปเท่านั้นนะ

        เราสามารถมีทุกสิ่งทุกอย่างตามต้องการ รวมถึงครอบครอง ซื้อ-ขาย ผลิต อ้างสิทธิ์ โดยที่ตัวเราในโลกจริงไม่ต้องออกไปไหนเลยด้วยซ้ำ

        เราจะสามารถเดินชอปปิงในห้างดัง ๆ ทั่วโลก พูดคุยกับพนักงานขาย ทดลองสินค้าได้โดยนั่งอยู่ที่บ้าน หรือดูคอนเสิร์ตของศิลปินระดับโลกอย่างได้อารมณ์ ทั้ง ๆ ที่อยู่บ้าน เหล่านี้คือชีวิตที่เป็นไปได้ในโลกแห่ง Metaverse

"โลกเสมือน" ที่ใครก็อยากครอบครอง

        หากจะย้อนกลับไป... Metaverse ไม่ได้เป็นสิ่งที่เพิ่งถูกพูดถึงเมื่อไม่กี่เดือนนี้นะครับ แต่เป็นสิ่งที่ถูกพูดถึงมาตั้งแต่ช่วงปี 1992 นู่นแล้ว

        แต่ที่ผมจำได้และคิดว่าน่าจะทำให้ทุกคนเห็นภาพก็คงเป็นนิยายวิทยาศาสตร์ Ready Player One ในปี 2011 ที่ถูกพัฒนามาเป็นภาพยนตร์ในอีก 7 ปีต่อมา 

        ซึ่งตอนแรกที่ Metaverse กลับมาเป็นกระแส ผมก็แว็บเข้ามาในหัวเลยว่ามันเหมือนหนังเรื่องไหนที่เคยดูกันนะ จนต้องไปสืบ ไปค้น หาจนเจอแล้วก็กลับไปดูอีกรอบเรียบร้อย 5555

        หากถามว่าทำไมแนวคิดนี้ถึงกลับมาบูมได้ล่ะ? คำตอบก็คงเพราะช่วงโควิดที่ผ่านมาคนต้องอยู่แต่บ้าน และต่างโหยหาการเข้าสู่สังคมนั่นแหละ

        และที่ทำให้ถึงจุดพีคขึ้นไปอีกก็เพราะ พี่มาร์ค แห่ง Facebook ให้สัมภาษณ์ถึงแนวทางบริษัท ว่าในอีก 5 ปีข้างหน้า เฟซบุ๊กจะไม่ได้เป็นแค่บริษัทโซเชียลมีเดีย หากแต่เป็นบริษัทเมตาเวิร์ส!!!

        แต่เอาจริง ๆ แล้วเหมือนว่าเค้าก็สนใจเรื่องนี้มาก่อนโควิดด้วยซ้ำนะ จะเห็นได้จากการเข้าซื้อกิจการบริษัท Oculus VR ในปี 2014 ตามด้วยการประกาศว่าจะทุ่มงบประมาณ

        เพื่อพัฒนาเทคโนโลยี AR และก่อตั้ง Facebook Reality Labs เพื่อผสมผสานความเป็น AR และ VR เข้าด้วยกัน ให้ปลายทางพุ่งไปสู่สิ่งที่เรียกว่า เมตาเวิร์ส ในท้ายที่สุด

        ซึ่งนอกจากพี่มาร์คแล้ว ปัจจุบันก็ยังมีบริษัทระดับโลกหลายรายที่ต่างซุ่มกันพัฒนา ทุ่มทุนเร่งให้การชีวิตแบบ Metaverse นั้นเกิดขึ้นมาในเร็ววันเช่นกัน

        ไม่ว่าจะเป็น Apple, Microsoft, Google จากฝั่งตะวันตก Alibaba, Samsung, Hyundai จากฝั่งเอเชีย หรือแม้แต่ T&B Media Global ของไทยเองก็ตาม

        ซึ่งเหตุผลที่ทุกรายต่างเร่งสร้างโลกเสมือน ส่วนตัวผมคิดว่าอาจจะเพราะโลกของแต่ละนักพัฒนานั้นเป็นโลกคนละใบกัน ถ้าใครเปิดตลาดก่อน มีผู้ใช้งานเยอะ และได้รับความนิยมมาก ก็จะทำให้โลกนั้นเกิดชุมชนอย่างยั่งยืนมากกว่านั่นเองครับ

อนาคตอยู่ไม่ไกล... แต่นานแค่ไหนก็ไม่รู้!

        แม้ในปัจจุบันนี้โลกเสมือน Metaverse นั้นจะยังไม่ปรากฏออกมาให้เห็นอย่างเด่นชัดมากนัก แต่ใช่ว่ามันจะยังไม่เคยเกิดขึ้นให้เห็นเสียทีเดียวนะ

        อย่างที่ผมยกตัวอย่างไปตอนต้นเกี่ยวกับโลกในเกมต่าง ๆ นั้นก็ถือว่าเป็น “มินิเมตาเวิร์ส” รูปแบบหนึ่งเหมือนกัน ไม่ว่าจะเป็น Minecraft, Roblox, Fortnite หรือแม้แต่ Axie Infinity ที่ฮิต ๆ ก็ตาม

        ซึ่งเมื่อเกมเข้ามาอยู่ในแพลตฟอร์มออนไลน์ ก็จะช่วยให้สินทรัพย์ที่เราครอบครองในเกมนั้น สามารถแลกเปลี่ยน ส่งต่อ และสร้างมูลค่าเป็นกำไรให้เราได้ด้วย

        รวมถึงยังสามารถสร้างความสัมพันธ์ระหว่างผู้เล่นได้หลากหลายรูปแบบ ไม่ใช่แค่รวมกลุ่มตีป้อมเหมือนที่เคยเป็นมา เช่นเกม Fortnite ที่กลายเป็นแพลตฟอร์มจัดคอนเสิร์ต 

        โดยมีศิลปินชื่อก้องโลกอย่างทราวิส สก็อตต์ (Travis Scott) ก็เคยมาจัดคอนเสิร์ตกลางเกม Fortnite มาแล้ว โดยมียอดผู้ชมพร้อมกันไม่ต่ำกว่า 12 ล้านคนเลยทีเดียว

        หรืออีกเคสที่คล้าย ๆ กันก็ การจัดงานฉลองวันเกิดครบรอบ 25 ปีกำเนิดของโปเกมอน (Pokemon) ซึ่งได้มีการจัดคอนเสิร์ตแบบเวอร์ชวลของโพสต์ มาโลน (Post Malone)

        ซึ่งล่าสุดเห็นว่า Fortnite ก็เพิ่งประกาศความร่วมมือกับแบรนด์แฟชั่นไฮเอนด์อย่าง Balenciaga ด้วยเช่นกัน ซึ่งก็อาจจะทำให้ปรากฎการณ์ใหม่เดินแฟชั่นโชว์ในโลกของเกมก็เป็นได้ 55555

        จุดนี้เองที่ผมว่าโลกเสมือน Metaverse นี่แหละที่จะเข้ามามีอิทธิพลต่อการใช้ชีวิตของพวกเราในอนาคต เพราะแค่เกมที่เป็นชิ้นส่วนเล็ก ๆ ก็ยังต่อยอดไปได้หลากหลาย

        ถ้า Metaverse สามารถขยายโลกให้กว้างไกล เป็นดินแดนใหม่ที่เราสามารถเข้าไปใช้ชีวิต ทำธุรกิจ หรือสร้างผลประโยชน์ได้ ก็ยิ่งจะทำให้เกิดเม็ดเงินในตลาดอีกมหาศาล

        โดยตัวผมเองก็ไม่รู้เหมือนกันนะ ว่าเมื่อไหร่ที่โลกเสมือนนี้จะสมบูรณ์ และให้พวกเราสามารถเข้าไปเป็น "ผู้ใช้" ได้จริง ๆ ก็ต้องอดใจรอกันไปจนกว่าจะถึงเวลาเนอะ ฮ่า ๆๆๆ

Metaverse โอกาสดีที่หลายคนเฝ้าตารอ

        ส่วนตัวแล้ว... ผมว่าการมาของโลกเสมือน Metaverse ถือเป็นแสงสว่างที่เพิ่งเริ่มจุดประกายของโลกเราเลยนะ เพราะมันจะกลายเป็นแหล่งสร้างโอกาสและเงินทองได้อีกอย่างมหาศาล

        ที่สำคัญ!!! แม้บริษัทยักษ์ใหญ่ต่างทุ่มทุนพัฒนาเพื่อรีบเปิดใช้งาน แต่ Metaverse ก็ยังถือเป็นของใหม่ และยังไม่มีใครเป็นเจ้าตลาดอย่างแท้จริง

        จึงถือเป็นโอกาสอันดีของบริษัทเล็ก ๆ หรือบริษัทเกิดใหม่ ที่จะใช้โอกาสนี้ เข้ามาหาที่ทาง เพื่อสร้างโอกาสในการเป็นผู้นำในธุรกิจใหม่ด้วยเช่นกัน

        อย่างไทยของเราก็มี "Translucia" อาณาจักรโลกเสมือนจาก T&B Media Global ที่เพิ่งเปิดตัวกันไป และได้จับมือกับ MQDC เพื่อเป็นพันธมิตรรายแรก

        ซึ่งการร่วมมือครั้งนี้ จะส่งผลให้ MQDC กลายเป็น Property Developer รายแรกที่จะเข้ามาจับจองพื้นที่ใน Translucia ด้วยนะเออ (ผมนี่ตั้งตารอเลย 555)

        โดยเตรียมที่จะสร้างหน่วยงานใหม่ขึ้นมา คือ MQDC Metaverse เพื่อรับผิดชอบในการพัฒนาเมืองและโครงการอสังหาริมทรัพย์เหนือจินตนาการแห่งนี้

        นอกจากนี้ไทยเราก็ยังมี MVP Coin ที่สร้างโปรเจก “Metaverse Thailand” ขึ้นมา โดยเป็นการจำลองที่ดินเสมือน ในรูปแบบของ NFT ที่อ้างอิงจากที่ดินของจริงในไทย

        ซึ่งตอนนี้ก็เปิดให้พวกเราซื้อขายแล้วด้วย ใครซื้อที่ดินโลกจริงไม่ไหวก็ลองไปจับจองที่ดินในโลกเสมือนนี้กันดู แต่ในอนาคตก็ยังไม่รู้ว่าเจ้าของที่ดินเสมือนจะพัฒนาต่อยอดในด้านไหนบ้าง 

        เช่น การออกแบบตึกต่าง ๆ หรือการจำนำ-จำนอง ขายที่ดิน เก็งกำไร แบบ Live & Earn จุดนี้ก็ต้องอดใจรอกันไปก่อน (แต่ผมว่ามาแน่ อีกไม่นานเกินรอหรอก 5555)

        มาถึงตรงนี้เพื่อน ๆ น่าจะพอเห็นภาพและเข้าใจโลกแห่ง Metaverse กันบ้างละเนอะ ซึ่งเอาจริง ๆ มันก็คงต้องใช้เวลาอีกพักใหญ่ ๆ เลยกว่าพวกเราจะได้ใช้กันอย่างเต็มรูปแบบ

        เพราะอย่าลืมว่าไม่ใช่ทุกคนที่จะสามารถเข้าถึงเทคโนโลยีที่ล้ำสมัยได้ ถ้าหากระบบมีความยาก ใช้งานลำบาก หรือมีราคาต้นทุนในการเข้าใช้งานสูง สุดท้ายโลกเสมือนนี้ก็จะถึงลบเลือนไป

        อีกอย่าง... ส่วนตัวแล้วผมว่าถ้าโลกเสมือนนี้มันเกิดขึ้นมาจริง ๆ ก็ไม่ควรมีเขตแดนมากำหนดว่าใครอยู่โลกเสมือนของใคร เพราะสุดท้ายเจ้าตลาดก็จะกินรวบธุรกิจเหมือนที่ผ่านมา

        คงจะดีไม่น้อย ถ้า Metaverse ของทุกค่าย ทุกบริษัท ทุกประเทศ สามารถเชื่อมต่อกระโดดข้ามแพลตฟอร์มที่ต่างกันไปมาได้อย่างเสรี 

        เมื่อเวลานั้นมาถึง ไม่ว่าใคร ๆ ก็คงอยากจะสร้างตัวตนใหม่ ในโลกใหม่ที่ต่างไปจากโลกอันแสนจะยุ่งเหยิงใบนี้กันอย่างไม่รีรอแน่นอนครับผม :)