คงต้องพูดว่าประเทศไทยเป็นประเทศที่น้ำท่วมทุกปี แต่ครั้งที่ใหญ่ที่สุดคงเป็นช่วงปี 2554 แต่ถึงอย่างนั้นผ่านไป 10 ปีแล้วตอนนี้เราก็ยังคงเห็นข่าวน้ำท่วมกันอยู่เรื่อยๆ
อย่างล่าสุดที่ผ่านมาเรียกว่าเดือดร้อนกันทุกหย่อมหญ้า ต่างจังหวัดขอใช้คำว่า "อ่วมระนาว" ทางด้านกรุงเทพฯ เองก็เสียวสันหลังอยู่ตลอดเพราะถูกล้อมรอบไว้หมด
เราเห็นเหตุการณ์น้ำท่วมกันมาตลอดแต่มันก็ยังเกิดขึ้นอยู่อีกเรื่อยๆ ตลอด 10 ปีที่ผ่านมาเหมือนกับว่าไม่ได้มีการเตรียมการรับมือที่สมเหตุสมผลเท่าไหร่ยังไงยังงั้น
มาถึงตรงนี้เราก็คงจะได้ยินที่นักวิชาการพูดกันบ่อยๆ เวลาเกิดเหตุการณ์น้ำท่วมว่า "ไปดูระบบจัดการน้ำท่วมของเนเธอร์แลนด์สิ" ทำไมต้องพูดแบบนี้เสมอเวลาที่เกิดน้ำท่วม? นั่นก็เพราะว่าถ้าพูดถึงระบบจัดการน้ำที่ดี เราก็ต้องหันไปดูทางฝั่งประเทศทางยุโรปตะวันตกแห่งนี้นี่แหละครับ
ก่อนหน้านี้เนเธอร์แลนด์เจอปัญหาน้ำท่วมเมืองมาตลอด นั่นเพราะประเทศของเค้ามีลักษณะภูมิประเทศเป็นที่ลุ่ม ตั้งอยู่บนปากแม่น้ำ และพื้นที่เกือบทั้งหมดของประเทศอยู่ต่ำกว่าระดับน้ำทะเล ต้องสร้างเขื่อนกั้นแม่น้ำกับทะเลมาอยู่แล้ว
แต่ถึงอย่างนั้นเมืองกังหันลมก็ต้องพบกับหายนะน้ำท่วมครั้งใหญ่เมื่อปี 1953 ตอนนั้นมีพายุฝนลูกใหญ่เข้าประเทศ ทำให้เกิดภาวะน้ำท่วมใหญ่ที่เรียกว่า "North Sea Flood"
ในตอนนั้นพื้นที่กว่า 930,000 ไร่ของเนเธอร์แลนด์จมอยู่ใต้ผืนน้ำ บ้านเรือนเสียหาย พื้นที่การเกษตรก็เละเทะ แถมยังมีผู้เสียชีวิตไปเกือบ 2,000 คนเลยทีเดียว
และเพราะไม่อยากเจอกับภัยธรรมชาติแบบนี้อีก เรียกว่าอดทนกันมามากพอแล้วกับปัญหาน้ำท่วมซ้ำซาก ผ่านไปได้ 20 วันรัฐบาลจึงผุดหน่วยงาน Deltaplan ขึ้นมา เพื่อแนะนำแนวทางก่อสร้างและปฏิบัติของโครงการ Deltaplan แก้ไขและจัดการปัญหาป้องกันน้ำท่วมแบบระยะยาว จุดเริ่มต้นของโครงการ “Delta Works” หรือโครงการระบบจัดการน้ำของเนเธอร์แลนด์ที่โด่งดังไปทั่วโลกนี่แหละ
สำหรับ "Delta Works" ถือได้ว่าเป็นโครงการจัดการน้ำขนาดใหญ่ที่สุดในโลก เพราะใช้งบประมาณไปกว่า 2.5 แสนล้านบาท ทำให้ประชาชนชาวเนเธอร์แลนด์ต้องเสียภาษีน้ำท่วม หรือก็คือ Flood Tax เพื่อนำมาเงินที่ว่ามาเป็นงบในการดูแลและพัฒนาโครงการ
พูดง่ายๆ คือเป็นประเทศที่ต้องจ่ายภาษีน้ำท่วมแลกกับระบบจัดการน้ำที่ดีที่สุดในโลกครับ ถามว่าคุ้มมั้ยก็คุ้มนะ แลกกับการไม่ต้องถูกน้ำท่วม สูญเสียทรัพยากรทั้งหลายไปทุกปีๆ แบบนั้น
ไอ้เจ้า "Delta Works" มันคือโครงการระบบจัดการน้ำที่ใช้วิศวกรรมขนาดใหญ่เข้ามาแก้ปัญหาน้ำท่วมในระยะยาว ใช้วิธีการสร้างเขื่อน ประตูระบายน้ำ พนังกั้นน้ำ สถานีสูบน้ำ คันกั้นดิน รวมไปถึงกำแพงกั้นคลื่นทะเล กั้นเอาไว้ตรงปากแม่น้ำและลำน้ำในประเทศ ป้องกันน้ำท่วมจากพื้นสามเหลี่ยมปากแม่น้ำที่เสี่ยงต่อน้ำท่วม
สำหรับเขื่อนที่ว่านั้นจะมีพนังกั้นน้ำที่มีความสามารถสกัดคลื่นสูงได้ถึง 40 ฟุตจากระดับน้ำทะเลครับ แต่นอกเหนือจากนั้นยังทำหน้าที่เป็นตัวกั้นน้ำทะเลกับแม่น้ำไม่ให้ไหลรวมกันอีกด้วย
แต่แน่นอนว่านอกจากระบบป้องกันน้ำท่วมแล้ว เนเธอร์แลนด์เค้ามองการณ์ไกลไปถึงปัญหาและความท้าทายในอนาคตอย่างการเพิ่มขึ้นของจำนวนประชากรนะ
เมื่อทางน้ำถูกแยกให้อยู่ไกลจากพื้นที่ที่อยู่อาศัยของประชาชนมากขึ้น ความเสี่ยงต่อน้ำท่วมก็จะลดน้อยลง แต่ในอนาคตประชากรจะเพิ่มขึ้น นั่นเท่ากับว่าความต้องการในพื้นที่อยู่อาศัยก็จะเพิ่มขึ้นตาม ชาวดัชต์จึงต้องคิดค้นหาหนทางที่จะมีชีวิตอยู่ร่วมกับน้ำได้อย่างยั่งยืน
จะเอาให้เห็นภาพก็คือสนามบินสกิปโฮล สนามบินหลักของเนเธอร์แลนด์ ที่ในอดีตเป็นพื้นที่น้ำที่กว้างใหญ่ ตั้งอยู่ต่ำกว่าระดับน้ำทะเลถึง 4 เมตร แต่รัฐบาลสั่งระบายน้ำออกใช้เวลานานเกือบ 3 ปี ในที่สุดก็สามารถเปลี่ยนพื้นที่ส่วนนี้ให้กลายมาเป็นสนามบินและพื้นที่ทำการเกษตรที่สำคัญของประเทศได้
หรืออีกตัวอย่างหนึ่งคือ Fleveland จังหวัดใหม่ของเนเธอร์แลนด์ที่เผื่อใครไม่รู้นะครับ พี่เนเธอร์แลนด์เค้ากั้นอ่าวถ่ายน้ำเพื่อสร้างผืนดินกันแบบจริงจังจนสามารถตั้งเป็นจังหวัดใหม่ได้ เข้ากันได้ดีกับวลีที่แสนโด่งดังอย่าง "God created the earth, but the Dutch created the Netherlands" สุดๆ
แม้เนเธอร์แลนด์จะลงทุนมหาศาลกับโครงการป้องกันน้ำท่วมภายในประเทศ แต่ก็ถือว่าคุ้มค่ากว่าการที่ต้องมาชดเชยค่าเสียหายให้กับประชาชนทุกครั้งที่เกิดอุทกภัย แถม Delta Works ยังสร้างประโยชน์ให้ประเทศได้อีกหลายอย่าง
ไม่ว่าจะเป็นการเปลี่ยนสภาพน้ำให้กลายเป็นน้ำจืดสำหรับการทำการเกษตร การปรับสมดุลระดับน้ำในแม่น้ำ เกิดการสร้างสะพานและอุโมงค์ใต้ดินเป็นเส้นทางการสัญจรไปยังเกาะและแหลมต่างๆ แถมยังสร้างเส้นทางขนส่งทางเรือระหว่างท่าเรือ Antwerp และ Rotterdam อีกด้วย
ความจริงแล้ว Delta Works เป็นโครงการระยะยาวที่จนถึงตอนนี้เค้าก็ยังคงพัฒนา ต่อเติม หรือซ่อมแซมกันอยู่เรื่อยๆ ครับ เพราะการเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศแบบสุดขั้วที่เกิดจากสภาวะโลกร้อนนั้น แม้แต่ Delta Works ของเนเธอร์แลนด์ก็ยังเจอกับความท้าทายเลยนะ
แต่ยังไงซะมันก็ดีกว่าการไม่มีอะไรมาช่วยรับมือนะครับ พูดไปแล้วกรุงเทพฯ ต่ำกว่าระดับน้ำทะเล แต่เนเธอแลนด์เองก็เช่นกัน แต่ทางนั้นเค้ายังคลอดสิ่งก่อสร้างยักษ์ใหญ่เพื่อรับมือกับอุทกภัยได้อยู่เรื่อยๆ เรียกว่าปรับตัวได้ดีกับสภาวะขึ้นๆ ลงๆ ของโลกได้นั่นแหละ
ถึงอย่างนั้นปัญหาคือบ้านเราไม่ได้มีสภาพพื้นที่เหมือนยุโรป Delta Works อาจไม่ได้ผลดีในบ้านเรา ด้วยปัญหาดินทรุดเอยหรือการเวนที่เอย มันเลยอาจจะเป็นเรื่องยาก แต่ถ้าลองจับจุดและนำมาพัฒนาให้เข้ากับระบบนิเวศบ้านเราได้มันก็ดีนะครับ เผื่อวันหน้าเราจะได้ลดความเสียหายจากเหตุการณ์อุทกภัยที่เริ่มเอาแน่เอานอนไม่ได้พวกนี้บ้าง
Tag :
"KAVALON" พัฒนาโดย "เจ้าพ่อแคมปัสคอนโด" แห่งยุคอย่าง AssetWise ซึ่งนี่ก็เป็นโครงการที่ 6 แล้ว ในโซน ม.กรุงเทพ รังสิต
สิ่งหนึ่งที่ผมตั้งตารอเวลาไปงานแถลงข่าวต้นปีของ AssetWise ก็คือ "ชื่อ" ของโครงการใหม่ๆในปีนั้นนั่นละครับ ยอมรับเลยว่า เป็น Dev ที่ตั้งชื่อโครงการได้แปลกใหม่ไม่ซ้ำใคร ไพเราะเสนาะหู ช่างสรรหาจริงๆ 555
"MARU CHULA" สรุป สิ่งที่ควรรู้ของคอนโดใหม่จากค่าย Major
มาเงียบๆ แต่สะเทือนถึงทรวงเลย สำหรับ "Ananda" กับคอนโดตัวใหม่ริมถนนพระราม 4 ดีไซน์สุดล้ำ กระจกเต็มตึก คนเป็นโรคกลัวรูอย่ามองนาน
"Nue Coast Khu Khot Station" คอนโดใหม่ ไวบ์ดี ติดสถานีรถไฟฟ้าแบบ 0 เมตร!
อะอ้าววว!! กลายเป็นว่าที่ดินตรงใกล้ๆ BTS อุดมสุข ที่ก่อนหน้าที่เคยจะทำเป็นโครงการ "The PARKLAND" กลายไปตกอยู่ในมือของ AP ซะงั้น!!
ใครจะไปคิดว่าคาเฟ่ร่มรื่น ฟิลโฮมมี่ๆ สไตล์ญี่ปุ่นแบบนี้ จะซุกซ่อนอยู่ในย่านบางขุนนนท์นี่เอง!!
ไหนใครกำลังจะรีไฟแนนซ์กันบ้าง ใครกำลังผ่อนบ้านอยู่เพลิน ๆ นี่ห้ามลืมเด็ดเลยนะ เพราะหนี้บ้านพอพ้น 3 ปีแรก ดอกเบี้ยจะพุ่งขึ้นแบบก้าวกระโดดเลย
พาส่อง "Khu Khot Crossing Mall" ฮอตสปอตใหม่สุดคูลของชาวคูคต
ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ เตรียมขายหุ้นกู้ 2 รุ่น ดอกเบี้ย 4.85%-5.15% ต่อปี!!!
คิดว่า "PTY Residence Sai 1" น่าจะเป็นคอนโดที่มาแรงที่สุดตอนนี้แล้วนะ ยิ่งเห็นโควต้าต่างชาติจากยอดจองที่ทะลักไป 1.8 พันล้าน ยิ่งรู้สึกได้ว่าน่าจะเป็นของ "แรง" ชนิดฉุดไม่อยู่แล้ว
ข่าวดี!!! ดอกเบี้ยบ้านตอนนี้เริ่มลดลงแล้ว