ถ้าพูดถึงเมืองแห่งนวัตกรรม สวรรค์ของคนไอที แน่นอนว่าเราต้องนึกถึง "ซิลิคอนวัลเลย์" ครับ

        นั่นเพราะเรารู้กันมาเนิ่นนานแล้วล่ะว่า ซิลิคอนวัลเลย์ของสหรัฐอเมริกานั้นถือได้ว่าเป็นแหล่งผลิตและบ่มเพาะนวัตกรรมที่สำคัญที่สุดแห่งหนึ่งของโลก สวรรค์ของวงการเทคโนโลยีและสตาร์ทอัพ ถือได้ว่าเป็นที่ที่เพรียบพร้อมต่อการทำงานของคนรุ่นใหม่อย่างครบวงจรและสมบูรณ์แบบที่สุดเลยก็ว่าได้

        ในขณะเดียวกัน ประเทศไทยเราเองก็กำลังจะมี "เมืองแห่งนวัตกรรม" ที่ว่านี้อยู่เหมือนกันนะ

        เป็น "เมืองแห่งนวัตกรรม" เช่นเดียวกันกับที่เกิดขึ้นในซิลิคอนวัลเลย์ อยู่ไม่ไกลจากกรุงเทพฯ ขับรถไปด้วยระยะทางเพียง 160 กิโลเมตร เราก็จะได้เจอกับ "เมืองแห่งนวัตกรรม" ที่ชื่อว่า "วังจันทร์วัลเลย์" แล้วล่ะครับ

        "วังจันทร์วัลเลย์" เป็นเมืองที่เป็นดั่งอนาคตที่สำคัญสำหรับประเทศไทยเรา ด้วยพื้นที่ 3,454 ไร่ ตั้งอยู่ในอำเภอวังจันทร์ จังหวัดระยอง ซึ่งเป็นพื้นที่ของทาง ปตท. เค้า

        ด้วยการมาถึงของ "เขตนวัตกรรมระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก" หรือ "EEC" นี้เอง มันเลยเกิดการสร้างรากฐานที่จะช่วยยกระดับผลักดันให้พี่ไทยเป็นศูนย์กลางการค้าการลงทุนของประเทศและภูมิภาค 

        ทางนี้เค้าจะมุ่งเน้นให้เกิดการวิจัยและพัฒนาด้านเทคโนโลยีและนวัตกรรม ผลักดันให้เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออกของไทยเป็นศูนย์กลางการค้าการลงทุนของประเทศและภูมิภาค

        โดยทาง ปตท. รับหน้าที่ในการเป็นหัวเรี่ยวหัวแรง พัฒนาวังจันทร์วัลเลย์ให้เป็นเมืองวิจัยนวัตกรรมของประเทศในรูปแบบของ "Smart Natural Innovation Platform"

        โดยจะใช้องค์ประกอบของ Smart City 7 ในการออกแบบระบบสาธารณูปโภคที่มีคุณภาพและได้มาตรฐาน รวมถึงเต็มเปี่ยมไปด้วยความน่าเชื่อถือ เพราะเรากำลังพูดถึงเศรษฐกิจยุคใหม่แบบ 4.0 ที่จำเป็นต้องมีรากฐานทางวิทยาศาสตร์เทคโนโลยีมากกว่ายุค 3.0 ที่เน้นการดึงดูดการลงทุนแบบเบ็ดเสร็จครับ

        เพราะงั้นแล้วเป้าหมายหลักของ "วังจันทร์วัลเลย์" ก็คือการยกระดับขีดความสามารถในการแข่งขันด้านเทคโนโลยีของไทยให้ทัดเทียมสากล บ่มเพาะนวัตกร ผลักดันสตาร์ทอัพรวมไปถึงองค์กรที่ต้องการพัฒนาเทคโนโลยีให้เติบโตไปพร้อมกัน

        และภายใต้การออกแบบในแนวคิด Smart Natural Innovation Platform อย่างที่บอกไปข้างต้นนั้น เค้าจะแบ่งออกเป็น 3 องค์ประกอบหลักๆ ด้วยกัน เป็นการเชื่อมโยงและสนับสนุนกันอย่างเป็นระบบ

        พื้นที่เพื่อการศึกษาและการเรียนรู้ (Education Zone)

        เริ่มต้นด้วยการเพาะต้นกล้าที่แข็งแกร่งก่อนเลยครับ ภายใน "วังจันทร์วัลเลย์" เป็นที่ตั้งของ โรงเรียนกำเนิดวิทย์ (KVIS) และ สถาบันวิทยสิริเมธี (VISTEC) ที่เต็มไปด้วยคณาจารย์ที่มีความรู้ความสามารถ เรียกได้ว่าเป็นแหล่งผลิตนักวิทย์แห่งอนาคต

        โดยนักเรียนของ KVIS นั้นจะเป็นนักเรียนทุนแบบไม่ผูกมัดที่คัดเด็กที่มีความสามารถและสนใจด้านวิทยาศาสตร์และคณิตศาสตร์ระดับมัธยมศึกษาตอนปลายมารับการเรียนการสอนอย่างใกล้ชิด

        ในขณะที่สถาบัน VISTEC จะเป็นมหาวิทยาลัยวิจัยทางด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เปิดสอนในหลักสูตรนานาชาติระดับปริญญาโทและปริญญาเอก พัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรมใน 4 สำนักวิชาคือ สำนักวิชาวิทยาการโมเลกุล (MSE), สำนักวิชาวิทยาการพลังงาน (ESE), สำนักวิชาวิทยาศาสตร์และวิศวกรรมชีวโมเลกุล (BSE) และสำนักวิชาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีสารสนเทศ (IST)

        นอกจากนี้แล้ว ภายใน Education Zone ยังมี "ศูนย์เรียนรู้ป่าวังจันทร์" จัดสรรพื้นที่ครอบคลุมบริเวณ 351.36 ไร่ สำหรับการศึกษา วิจัย และพัฒนาองค์ความรู้ด้านการจัดการป่าไม้

        รวมไปถึง "ศูนย์เรียนรู้เกษตรนวัต สถาบันเทคโนโลยีจิตรลดา" ศูนย์การเรียนรู้เพื่อพัฒนาพื้นที่เกษตร ยกระดับผลผลิตทางการเกษตรด้วยระบบ Smart Farming ให้แก่นักเรียนและผู้ที่สนใจทั่วไปด้วยนะ

        พื้นที่เพื่อการวิจัยและพัฒนานวัตกรรม (Innovation Zone)

        โซนนี้เป็นที่ตั้งของอาคารกลุ่มนวัตกรรม EECi ของทาง สวทช. ครับ เกี่ยวข้องกับการพัฒนา 4 เมืองนวัตกรรมอย่าง เมืองนวัตกรรมชีวภาพ (BIOPOLIS), เมืองนวัตกรรมระบบอัตโนมัติ หุ่นยนต์ และอิเล็กทรอนิกส์อัจฉริยะ (ARIPOLIS), เมืองนวัตกรรมด้านการบินและอวกาศ (SPACE INNOPOLIS) และเมืองนวัตกรรมอาหาร (FOOD INNOPOLIS) 

        นอกจากนี้ยังมีหน่วยงานจากภาครัฐ บริษัทในกลุ่ม ปตท. และภาคเอกชนอื่นๆ เข้าร่วมพัฒนาพื้นที่ด้วย เป็นศูนย์ปฏิบัติการอัจฉริยะ (Intelligent Operation Center: IOC) ที่สร้างขึ้นมาเพื่อเป็นศูนย์กลางในการควบคุมระบบทั้งหมดด้วยเทคโนโลยีที่ล้ำสมัยโดยเฉพาะเลยล่ะ

        อ้อ นอกจากนี้ยังเห็นว่ามีพื้นที่บางส่วนที่กำลังพัฒนาและจะเปิดให้ผู้ที่สนใจสามารถเข้ามาใช้งานได้ในอนาคตพร้อมสิทธิประโยชน์มากมายทางการวิจัยด้วยครับ

        พื้นที่เพื่ออำนวยความสะดวก ที่พักอาศัยและสันทนาการ (Community Zone)

        สำหรับโซนสุดท้ายนี้ถูกออกแบบมาอย่างประณีต เนรมิตให้กลายเป็นพื้นที่สำหรับอยู่อาศัยและสันทนาการ โดยโซนนี้จะมีทั้งโรงเรียนนานาชาติ ศูนย์การค้าและนันทนาการ สถานที่ออกกำลังกาย พื้นที่สีเขียว สถานที่พบปะสังสรรค์ โรงแรม และสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ แบบครบครัน โดยตัวอาคารยังดีไซน์แบบ Universal Design ที่คำนึงถึงการใช้ชีวิตให้มีคุณภาพที่ดีทุกช่วงวัยด้วย

        แน่นอนว่าวังจันทร์วัลเลย์จะเป็นพื้นที่สำคัญในการผลิตนวัตกรของประเทศครับ เห็นบอกว่าเป้าหมายสูงสุดก็คือการที่ไทยจะไม่ต้องนำเข้าเทคโนโลยี เป็นยูนิคอร์นตัวแรกของประเทศที่ดึงการลงทุนด้านเทคโนโลยีและนวัตกรรมเข้ามาในพื้นที่

        ต่อจากนี้ความเชื่อมโยงของวังจันทร์วัลเลย์กับทางภาคธุรกิจและอุตสาหกรรมเป้าหมายใน EEC จะเป็นฟันเฟืองสำคัญในการขับเคลื่อนให้นวัตกรรมไทยแข่งขันได้ในเวทีโลก และเป็นศูนย์กลางนวัตกรรมอาเซียน

        แต่ดูจากทั้งหมดที่ว่ามาแล้วก็ชวนว้าวจริงๆ นั่นแหละครับ ในอนาคต "วังจันทร์วัลเลย์" อาจจะเป็นสถานที่ที่ดีที่สุดสำหรับการพัฒนาสตาร์ทอัพก็ได้ ใครจะไปรู้