ตอนที่ผมไปเยี่ยมชมโครงการ "Naya Residence" คุณอรฤดีพูดประโยคหนึ่งที่ผมคิดว่าน่าสนใจมาก คืออย่าเรียกผู้สูงอายุทั้งหลายว่าคนแก่เลย ให้เรียกว่า "วัยอิสระ" ดีกว่า
คิดๆ ดูแล้วก็จริงนะ วัยประมาณนี้เรียกว่าวัยอิสระน่าจะเหมาะกว่าจริงๆ เพราะมันคืออิสระในการใช้ชีวิต ลูกหลานโตหมดแล้ว งานการรัดตัวก็ไม่มี เป็นชีวิตวัยเกษียณที่ปลดภาระทุกอย่าง ไม่มีเรื่องให้ต้องคิดมากอะไร เอาเวลาทั้งหลายไปทำกิจกรรมที่ทำให้ตัวเองแฮปปี้ดีกว่า
และเพราะแบบนี้การเข้ามาของโครงการที่สามารถตอบโจทย์รูปแบบการใช้ชีวิตของวัยอิสระได้จึงถือว่าพอดิบพอดีกับยุคที่วัยอิสระกำลังครองเมืองเลยครับ
"Naya Residence" เป็นโครงการที่ตั้งอยู่ภายใน "Riverine village" สังคมคุณภาพริมแม่น้ำเจ้าพระยา ที่ก่อนหน้านี้เปิดให้บริการในรูปแบบของโรงแรม (ตอนนี้ก็ยังเปิดอยู่) มีด้วยกันทั้งหมดประมาณ 200 ห้องก่อนที่ทางนายณ์ เอสเตทจะเปลี่ยนมาลุยธุรกิจนี้เพิ่มอีกต่อ
ในส่วนของ "Riverine village" เองก็สร้างมาได้ 20 กว่าปีแล้วนะ เพราะงั้นเลยเกิดเป็นคอมมูนิตี้ที่มีผู้คนมารวมตัวกันหลากหลายเจเนอเรชัน รวมแล้วกว่า 400 ครอบครัว อยู่กันแบบไม่มีเหงา!
และ "Naya Residence" เองก็แชร์พื้นที่ส่วนกลางกับคอมมูฯ แห่งนี้ ด้วยความที่มีหลากหลายวัย ผู้สูงอายุจึงจะไม่ได้เจอแค่กับคนวัยเดียวกัน แต่ยังได้เจอคนหนุ่มๆ สาวๆ พอให้รู้สึกกระชุ่มกระชวยนึกถึงวันวานด้วยครับ
ผมขอพูดในภาพรวมก่อนแล้วกันเพราะเดี๋ยวคนจะเข้าใจไปว่าโครงการนี้เป็น Nursing Care เพราะอันที่จริงมันไม่ใช่ แต่คือโครงการที่มาเพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของคนวัยเกษียณโดยเฉพาะ
และที่ทำให้คนเป็นลูกๆ หลานๆ วางใจได้นั้นก็คือความที่ "Naya Residence" เป็นโครงการที่พักผู้สูงอายุแห่งแรกในประเทศไทยที่ได้รับใบอนุญาตสถานประกอบกิจการดูแลผู้สูงอายุประเภท Independent Living ด้วย!
โครงการเค้าเลยถูกออกแบบออกมาให้เหมาะกับการใช้ชีวิตของผู้สูงวัยในกลุ่มวัยอิสระโดยเฉพาะ ในกรณีนี้ไม่ใช่ผู้ป่วยติดเตียงนะครับ แต่คือคนที่ยังมีสุขภาพแข็งแรง สามารถดูแลตัวเองได้และชอบที่จะแสวงหาคุณค่าในตัวเอง หรือที่เรียกว่า Active Aging นี่แหละ
โดยการออกแบบ Independent Living จะเน้นไปที่การดูแลป้องกันและชะลอความเสื่อมของร่างกาย เพื่อให้วัยอิสระมีคุณภาพชีวิตที่ดีและแข็งแรงได้ยาวนานที่สุด ด้วยบริการด้านสุขภาพ โภชนาการ กิจกรรม ในสังคมที่รายล้อมด้วยความสุข รอยยิ้ม และมิตรภาพ
หลังจากมีข่าวมีคราวกันไป "Naya Residence" ตอนนี้เปิดตัวเรียบร้อยกลายเป็นโครงการพร้อมเข้าอยู่ มีห้องพักทั้งหมด 70 ห้อง 7 ชั้น โดยที่ชั้น 2 จะเป็นชั้น facilities ของผู้สูงวัยและเป็นที่สำหรับจัดกิจกรรมทุกวันเสาร์ด้วย
ในเรื่องของห้องพักนั้นจะมีด้วยกัน 2 ขนาดครับ คือขนาด 1 ห้องนอนตั้งแต่ 62 - 76 ตร.ม. และขนาด 2 ห้องนอนตั้งแต่ 105 - 120 ตร.ม. มีให้เลือกทั้งแบบ City view และ River view เลือกได้ตามที่เราชอบเลย
อย่าง City view ไซส์ห้องจะแบ่งออกเป็น S/M/L และ River view นั้นจะมีแค่ M/L ครับ
แต่เอาจริงนะ ขนาดเป็นไทป์เล็กสุดมันก็ยังกว้างมาก เรียกได้ว่าอยู่สบาย ไม่อึดอัด วิวดีอีกต่างหาก
ในเรื่องของการตกแต่งภายในนั้นแวบแรกที่มองเลยผมนึกถึงที่อยู่อาศัยแนวญี่ปุ่นๆ ครับ
นั่นเพราะโครงเดิมของตัวอาคารมันก็เป็นแนวนี้อยู่แล้วด้วยแหละ ตอนนี้มาปรับใหม่โดยออกแบบให้ภายในมีบรรยากาศอบอุ่นภายใต้หลัก Universal Design การเลือกใช้สีเฟอร์นิเจอร์หรือไฟในห้องก็ทำออกมาในรูปแบบของโทนอบอุ่น มองออกไปเห็นแม่น้ำ ยิ่งวันที่ไม่มีแดดด้วยยิ่งมองแล้วสบายใจมากจริงๆ
ส่วนภายในก็กว้างมากครับ อย่างที่บอกไปก่อนหน้านี้ว่าขนาดเล็กที่สุดของเค้าก็ยังถือว่ากว้างมากอยู่ดี ที่สำคัญคือมันไม่ใช่กว้างแบบใช้งานไม่ได้ เพราะที่นี่ห้องกว้างและใช้งานได้จริง ปลอดภัยกับวัยอิสระ เพราะตัวห้องนั้นถูกคิดมาอย่างรอบคอบ ประตูกว้างกว่าปกติ และไม่มีสเต็ปด้วย
ส่วนพื้นที่โครงการเลือกเองก็น่าสนใจมากเพราะเค้าใช้พื้นซอฟต์ฟอล ซึ่งก็คือถ้าผู้สูงอายุเผลอล้มไป กระดูกก็จะไม่หักครับ เนื่องจากตัวพื้นรองรับแรงกระแทกได้ (จุดนี้เหมือนกันกับส่วนกลางด้านนอกที่ทำเป็นลู่วิ่งและทางเดินทั้งหลาย ใช้แนวคิดเดียวกันครับคือล้มไปกระดูกไม่หักแน่นอน อย่างเจ๋ง)
อีกอย่างที่เห็นได้ชัดเลยคือหน้าต่างบานใหญ่มาก! และเยอะมาก!
บวกกับข้อดีของเค้าคือการอยู่ใกล้แม่น้ำ ทำให้คนที่เข้ามาอยู่สามารถรับลมบริสุทธิ์ได้เต็มที่
เห็นน้องเซลส์บอกว่าปกติคนที่เข้ามาอยู่จะไม่ค่อยเปิดแอร์นะ เพราะโครงการนี้ลมมันโฟลวดีอยู่แล้ว ได้พลังธรรมชาติข่วยเยียวยาแบบร้อยเปอร์เซ็นต์กันไปเลย
ถ้าลองเข้ามาในห้องนอนเราจะพบว่าใต้เตียงมีไฟส่องสว่างเพื่อความปลอดภัยตอนที่เข้าใกล้ด้วยนะ ตอนกลางคืนถ้าผู้สูงอายุอยากลุกมาเข้าห้องน้ำ แค่หย่อนขาลงจากเตียง ไฟด้านล่างก็จะสว่างทันที
ในเรื่องนี้โครงการคัดสรรอุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้าและวัสดุที่เหมาะสมกับวัยอิสระมากครับ นอกจากไฟตรงนี้แล้ว ห้องน้ำเองก็กว้างขวางน่าดู รองรับการใส่อุปกรณ์เสริมอย่างพวกวีลแชร์ได้ในอนาคต
หรือกับตัวเฟอร์นิเจอร์อื่นๆ เองก็ออกแบบมาให้เป็นเฟอร์นิเจอร์ที่ไม่มีเหลี่ยมมุม ไม่ต้องกลัวว่าจะเกิดอันตราย ปลั๊กไฟสูงกว่าปกติ และมี-ตู้-เยอะ-มาก!
ตอนแรกแปลกใจหน่อยๆ ว่าทำไมถึงมีตู้ให้มากขนาดนี้ พอลองถามน้องเซลส์ดูก็ได้คำตอบว่าโครงการตั้งใจให้คนที่เข้ามาพักเอาของของตัวเองใส่ไว้ในตู้ครับ ถ้าเอาวางกองๆ ไว้ด้านนอกโดยที่ไม่มีตู้ใส่น่ะมันเสี่ยงต่อการทำให้วัยอิสระของเราสะดุดได้ เพื่อป้องกันปัญหานี้ก็เลยจัดตู้จัดชั้นใส่เข้าไปให้เยอะๆ เลยดีกว่า
ด้านในห้องพักเค้าจะให้เฟอร์นิเจอร์ตามนี้เลยครับ แต่นอกเหนือจากนั้นที่แตกต่างจากโครงการทั่วไปคือเค้าให้แม้กระทั่งชุดจานชามช้อน!
ไม่ใช่แค่จานชามช้อนด้วยนะ พวกไม้แขวน ผ้าปู อะไรพวกนี้ก็ให้ด้วยเหมือนกัน นี่คือสิ่งที่เหมาะจะใช้คำว่า "เก็บกระเป๋าเข้าอยู่ได้เลย" ที่สุดแล้วล่ะ 5555
และด้วยความที่โครงการเดิมมันเป็นโรงแรมเนอะ เวลาเรามาอยู่มันเลยเหมือนได้อยู่โรงแรมจริงๆ เพราะมีเครื่องซักอบให้ในตัว และมีบริการทำความสะอาดให้อีกต่างหาก สามารถเปลี่ยนผ้าปูได้สัปดาห์ละครั้งครับ (ถ้าอยากให้ทำมากกว่าสัปดาห์ละครั้งก็ได้เหมือนกันแต่ต้องจ่ายเพิ่มนะ)
ก็ถือว่าเหมาะดีเหมือนกันเพราะเราไม่ต้องเสียเวลามาทำความสะอาด แต่สามารถไปทำกิจกรรมอื่นได้เพราะเห็นว่าทางโครงการมี health and wellness program ให้ครับ (เดี๋ยวจะพูดช่วงท้ายทีเดียวนะ)
ไฮไลท์คือ ทุกห้องพักติดตั้งด้วยระบบดูแลสุขภาพ SCG DoCare ซึ่งเป็นเทคโนโลยี IOT พร้อมปุ่มเรียกฉุกเฉิน ที่วัดอุณหภูมิ ความดัน ปริมาณออกซิเจนในร่างกาย และนาฬิกา เชื่อมต่อกับระบบที่ห้องดูแลสุขภาพของลิฟเวล มีพยาบาลวิชาชีพประจำ 24 ชั่วโมง
โดยปุ่มเรียกฉุกเฉินที่ว่านี้เค้าเคลมว่าพยาบาลจะไปถึงภายใน 4 นาทีครับ ถามว่าทำไมต้อง 4 นาที ก็เพราะ 4 นาทีนี้ถือเป็น Golden Time สมองคนเราจะเริ่มมีความเสียหายเมื่อเลือดหยุดไปเลี้ยงสมองภายใน 4 นาที ดังนั้น 4 นาทีทองนี้จึงสำคัญมาก
และพยาบาลที่ประจำอยู่ก็ถูกเทรนมาอย่างดีด้วย ผมจำได้ว่ากระทั่งเราใช้เวลาในห้องน้ำกี่นาที ระบบจะจดจำเอาไว้หมดเลย ถ้าหากเราเข้านานกว่านั้นแบบผิดปกติระบบก็จะแจ้งเตือนให้ทราบทันทีด้วยนะ ใส่ใจขั้นสุดจริงๆ ครับอันนี้
มีปัญหาส่งฉุกเฉินทำยังไง? ในเรื่องนี้ผมหาคำตอบมาให้แล้ว โรงพยาบาลที่เค้าลิ้งค์เอาไว้คือโรงพยาบาลเกษมราษฎร์ ประชาชื่นครับ เพราะเป็นโรงพยาบาลที่ใกล้สุด แต่ถ้าใครอยู่โรงพยาบาลอื่นโครงการก็สามารถทำเรื่องพาส่งได้ไม่มีปัญหาอยู่แล้ว
เพราะ "ความเหงา" เป็นโรคของผู้สูงวัย ที่ "Naya Residence" วัยอิสระจึงจะได้ทำกิจกรรมร่วมกัน ได้เจอผู้คนหลากหลายเจน ไม่ใช่มีแค่คนวัยเดียวกันเท่านั้นอย่างที่บอกไป
ที่นี่มีห้องบริหารร่างกายด้วยอุปกรณ์เฉพาะของวัยอิสระ ห้องกายภาพบำบัดโดยนักกายภาพที่เชี่ยวชาญเฉพาะ และห้องจัดกิจกรรมของลิฟเวล เพื่อสังสรรค์ร่วมทำกิจกรรมต่างๆ ด้วยครับ
อ้อ โครงการเค้ามีท่าเรือส่วนตัวนะ เพราะงั้นหนึ่งในกิจกรรมที่มีให้ก็คือล่องเรือนี่แหละ หลายคนน่าจะชอบกัน เค้าเน้นไปที่เรื่องพวกนี้ก็เพราะอยากให้คนวัยนี้มี interact ร่วมกัน เห็นว่าช่วยลดภาวะสมองเสื่อมได้ด้วยนะ
และก็มาถึงหัวข้อที่ผมคิดว่าทุกคนน่าจะอยากทราบกัน นั่นก็คือ "รูปแบบการเช่า"
ใช่ครับ..."เช่า" นั่นเพราะ "Naya Residence" เป็นโครงการรูปแบบให้เช่าระยะยาว เราสามารถเลือกระยะเวลาการเช่าได้ว่าอยากอยู่นานเท่าไหร่ สามารถเช่าระยะยาวได้เต็มที่ 30 ปี หรืออยู่เพียงแค่ไม่กี่เดือนก็ได้เหมือนกัน!
เรื่องตัวเลขแบบเป๊ะๆ นั้นโครงการบอกไม่ได้จริงๆ ครับเพราะหลักการของเค้ามันคล้ายๆ กับการอยู่โรงแรมนั่นแหละ อย่างที่บอกว่าเราสามารถเช่าอยู่ระยะสั้นเป็นรายเดือนได้ จะอยู่สามเดือนหรือสิบห้าปีก็ได้แล้วแต่เราเลย ในส่วนนี้ทำให้ราคามันไม่นิ่ง แต่ทางโครงการจะมี price list ให้อยู่แล้วล่ะ
น้องเซลส์บอกว่า 1 ห้องนอนตกเดือนละประมาณ 4 หมื่นกว่าๆ ส่วน 2 ห้องนอนอยู่ที่ประมาณ 5-6 หมื่น (แต่สมมติว่าอยู่แบบสามีภรรยา หรือหารกับเพื่อน 2 คนอะไรแบบนี้จะมี extra charge นิดหน่อยนะครับ เพราะว่าพยาบาลต้องดูแลคนเพิ่มเนอะ จากหนึ่งเพิ่มเป็นสองมันก็แตกต่างนะ)
ถามว่าราคานี้ได้อะไร ก็คือได้ห้อง ได้การบริการ มีทีมเนิร์สคอยดูแล มีคนทำความสะอาดให้สัปดาห์ละครั้ง ค่าส่วนกลางก็อยู่ในนี้แล้ว อยากล้างแอร์ อยากเปลี่ยนทีวี เค้ามีให้เสร็จสรรพ พวกนี้โครงการจะเป็นคนจ่าย เราไม่ต้องจ่ายเพิ่ม สิ่งที่เราต้องจ่ายเพิ่มก็จะมีพวกอาหารหรืออยากทำความสะอาดมากกว่าสัปดาห์ละหนึ่งครั้งอะไรพวกนี้ครับ
ดังนั้นอย่างที่บอกไปว่าราคามันเลยจะไม่นิ่ง และราคาไม่รวมค่าน้ำค่าไฟ แต่ใครอยากได้เป็นแพ็คเกจคุณอรฤดีบอกว่าคุยได้นะ เพราะราคาที่โครงการให้มันถือว่า flexible มาก เค้าสามารถเคาะราคาต่างๆ ให้ออกมาในแบบที่ผู้สูงวัยต้องการได้จริงๆ
อ้อ ตอนที่ผมเห็นห้องแล้วรู้สึกสนใจว่าถ้าอยากอยู่ใกล้กันกับเพื่อนแต่อยากได้ห้องที่ใหญ่ขึ้นกว่านี้อีกจะทำยังไง ก็ได้คำตอบมาว่าถ้าเซ็นต์สัญญาขั้นต่ำ 10 ปีสามารถ combine ห้องได้ด้วยครับ อีกอย่างราคาห้อง 5-6 หมื่นพวกนี้ถ้าเซ็นต์ 10 ปีเค้าก็ลดได้อีก จะเหลือราวๆ สามหมื่นห้าพันโดยประมาณ
คุณอรฤดีเธอบอกว่าคนวัยนี้ทั่วโลกปกติจะไม่ซื้ออะไรที่เป็นขายขาดเพราะมันจะเป็นภาระก็เลยเลือกที่จะเช่าแทน มันเลยมีคำถามตามมาว่า ถ้าสมมติเลือกทำสัญญาระยะยาว 10 ปี แต่อยู่ไม่ครบสัญญาเช่า วัยอิสระของเราคนนี้ดันใช้ชีวิตโลดโผนไปหน่อยเลยอยู่ได้แค่ 5 ปี ทีนี้เงินที่จ่ายไปก่อนหน้านี้จะทำยังไง?
คำตอบคือโครงการจะ "คืนเงินส่วนต่าง" ที่เหลือให้ครับ โดยจะคืนให้กับคนที่ตัวผู้พักได้ระบุไว้ในสัญญาตอนต้น อันนี้จะว่าไปก็เป็นเหมือนการทำพินัยกรรมในรูปแบบหนึ่งเลยนั่นแหละ และก็ดีกับตัวผู้พักนะครับ เพราะบางที่เค้าจะเขียนไว้เลยว่าไม่คืนเงินนะ
แต่เรื่องที่อาจจะทำให้หนักใจหน่อยคือผ่อนกับแบงค์ไม่ได้ ต้องใช้เงินสดแทนนี่แหละ แต่ยังไงก็ตามตอนนี้เห็นว่าพวกผู้บริหารเค้ากำลังคุยกันอยู่เรื่องการเข้ามาช่วยเหลือของทางธนาคารครับ ไม่แน่ใจเร็วๆ นี้อาจมีช่องทางที่สะดวกกว่าเดิมเข้ามาก็ได้
วันที่ผมไปนั้นโครงการสร้างเสร็จแล้ว 10 ยูนิต มีคนเช่าอยู่ 2 ห้อง และเห็นว่ามีคนจองอยู่แบบ 10 ปีแล้วด้วย ถือเป็นการอยู่อาศัยรูปแบบใหม่ที่ลบภาพโครงการสำหรับผู้สูงอายุไปได้จริงๆ แต่ที่ผมชอบมากคือเขาใส่ใจในทุกๆ เรื่องตั้งแต่การอยู่อาศัยจนกระทั่งการจัดราคาที่มันไม่ตายตัวแต่สามารถยืดหยุ่นได้นี่แหละ เพราะก็อย่างว่าครับ ฐานลูกค้ามันเป็นคนละกลุ่มกับการซื้อขายที่อยู่อาศัยทั่วไป สิ่งที่เจ้าของโครงการใส่ใจก็จะไม่ใช่กำไรละ แต่คือการยืดหยุ่นให้กับตัวผู้อยู่อาศัยต่างหาก
อย่างที่บอกไปว่าเค้ากำลังไล่ทำส่วนที่เหลือไปเรื่อยๆ ครับ แต่ใครที่สนใจสามารถแวะเข้าไปดูห้องจริงและสัมผัสบรรยากาศก่อนได้ ลองเช่าอยู่สักเดือนสองเดือน ถ้าโอเคก็ลุยต่อเลย แบบนี้ก็เข้าท่าเหมือนกัน
เป็น Independent Living ริมแม่น้ำเจ้าพระยาที่น่าสนใจและเห็นแววว่าอาจจะกลายเป็นต้นแบบโครงการสำหรับวัยอิสระโครงการอื่นๆ ในอนาคตครับ อีกหนึ่งทางเลือกใหม่ของวัยสำราญที่อยากมีชีวิตรายล้อมด้วยบริการดีๆ และสิ่งแวดล้อมที่มีคุณภาพ
Tag : Naya Residence | Livwell |
นี่คือคอนโดที่ใกล้ "ลานชมเมืองภูเก็ต" บนเขารังมากที่สุด ทำให้คุณเห็นวิวเมืองภูเก็ตสวยๆตัดภูเขา ทะเล และท้องฟ้า ได้อย่างเต็มตา
ไม่อยากจะเชื่อว่า คอนโดที่มีค่าตัวเริ่มระดับ 7 หมื่นกลางๆ/ตร.ม. จะให้ สุขภัณฑ์อัตโนมัติ WASHLET (แบบที่ใช้ที่ญี่ปุ่นอ่ะ)
นอกจากทำเลติดถนนพระรามสี่อันโดดเด่นแล้ว ความน่าสนใจของ "The Crown Residences" แห่งนี้ ก็คือ "วิว" ที่หาได้ยากกกมว๊ากกกนี่ละ
เจ้าพ่อทำเลริมถนนเพชรเกษมนี่จะเป็นใครไปไม่ได้แล้วนอกจาก "ชัยพัฒนาที่ดิน"
"Asakan Elysium Phahol 59 Station" (อัสสกาญจน์ อีลิเซียม พหลฯ 59) จาก ASAKAN DEVELOPMENT คอนโดใกล้รถไฟฟ้าสถานีพหลโยธิน 59 เพียง 50 ม. เท่านั้น!!
'So Origin Sukhumvit 105' (โซ ออริจิ้น สุขุมวิท 105) ถ้ารู้สึกว่าชื่อมันฟังดูแล้วคุ้นๆ หูจังแหะ ใช่ครับ มันคือตัวเดียวกับ 'โซ ออริจิ้น ลาซาล' นั่นแหละ เปลี่ยนตัวห้อยท้ายนิดหน่อย (แต่ส่วนตัวแอบชอบชื่อเก่ามากกว่า)
ไหนใครกำลังจะรีไฟแนนซ์กันบ้าง ใครกำลังผ่อนบ้านอยู่เพลิน ๆ นี่ห้ามลืมเด็ดเลยนะ เพราะหนี้บ้านพอพ้น 3 ปีแรก ดอกเบี้ยจะพุ่งขึ้นแบบก้าวกระโดดเลย
วันเพ็ญเดือนสิบสอง น้ำก็นองเต็มตลิ่ง...
ใกล้รถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน MRT พระราม 9 ประมาณ 420 ม. เป็นรถไฟฟ้าสายสำคัญวิ่งเป็น Loop เชื่อมกับรถไฟฟ้าสายอื่นมากมาย จะไปไหนก็ง่ายดาย
‘ภูมิสถาปนิค‘ ท่านหนึ่งบอกกับผมว่า “Lanscape โครงการนี้สวยที่สุดเท่าที่เคยเจอมา ไม่มีที่ไหนใกล้เคียงความเป็น ‘สวนแบบ Classic’ ที่เป็น ‘quite luxury’ ได้เท่านี้แล้ว“
เฮ้ย! เนื้อที่ดีมันเป็นแบบนี้นี่เอง 5555
นูเทลล่า ทำมาจากถั่วเฮเซลนัท และ ช็อคโกแล็ต ช็อคโกแล็ตมาจากต้นโกโก้ ถั่ว และ โกโก้ = พืช พืช = ผัก กินผัก = ผอม โอเค กินเมนูนี้ได้แบบไม่รู้สึกผิดแล้ว 5555