ถือเป็นข่าวใหญ่ของวงการโทรคมนาคมจริง ๆ สำหรับการควบรวมบริษัทของ "ทรู-ดีแทค" ซึ่งหลายคนต่างก็กลัวกันว่าจะเป็นการทำให้ผู้บริโภคถูกเอาเปรียบ
โดยการควบรวมกิจการครั้งนี้ไม่ได้เป็นการ Take Over ของฝั่งใดฝั่งหนึ่งนะ แต่เป็นการร่วมมือกันเป็นบริษัทใหม่ในฐานะบริษัทเทคโนโลยี (Technology Company)
เอาจริง ๆ ส่วนตัวแล้วผมมองว่าถ้าในมุมมองทางธุรกิจก็ถือเป็นเรื่องที่ดีนะ เพราะทั้งคู่ต่างก็แข็งแกร่ง มีศักยภาพในการพัฒนานวัตกรรมและเทคโนโลยีให้กับประเทศอยู่แล้ว
แต่ติดที่ว่าฝั่ง "ทรู" เองที่มีชะงักติดหลังเกี่ยวกับบริษัทแม่อีกที ทำให้หลายคนมองว่าการควบรวมครั้งนี้จะเป็นการทำให้ผู้บริโภคถูกเอาเปรียบ และกินรวบทางธุรกิจมากเกินไป
ซึ่งก็ต้องบอกก่อนว่าผลของการควบรวมนี้จะออกมาเป็นยังไงก็ไม่มีใครรู้ รวมถึงฝั่งผู้บริโภคอย่างเราจะได้ผลดีหรือผลเสียมากกว่าก็เช่นกัน
ดังนั้นก่อนที่เราจะทำการสรุป และตัดสินว่าดีหรือไม่ดี วันนี้ผมได้สรุปเหตุผลที่ทั้ง 2 ค่ายนี้ตัดสินใจร่วมมือกันมาให้ลองอ่านกันดูครับ
เหตุผลในการควบรวมกิจการ
จากวิถีชีวิตที่เปลี่ยนแปลงไป โลกเข้าสู่สังคมยุคใหม่ที่ใช้เทคโนโลยีมากขึ้น แต่ฝั่งบริษัทโทรคมนาคมแล้วกลับเพิ่มมูลค่าให้กับธุรกิจได้น้อยมาก เพราะคนใช้อินเตอร์เน็ตเพื่อเป็นทางผ่านเท่านั้น
ต่างจากในอดีตที่ธุรกิจโทรคมนาคมสามารถสร้างมูลค่าเพิ่มได้จากบริการ Voice และ Data รวมถึงบริการเสริมต่าง ๆ ที่สามารถให้บริการอยู่บนอีโคซิสเต็มของตัวเองได้
ซึ่งการจะแข่งขันเพื่อแย่งชิงตลาดนั้น ก็ต้องใช้เม็ดเงินมหาศาลทั้งสำหรับการวางโครงข่าย พัฒนาสัญญาณ จนถึงค่าใบอนุญาตคลื่นความถี่
ดังนั้นแล้วการมีเม็ดเงินมากกว่าย่อมหมายถึงสามารถพัฒนาได้มั่นคง เพิ่มประสิทธิภาพการใช้งาน เป็นประโยชน์ต่อผู้ใช้บริการมากขึ้นอีกด้วย
การควบรวมธุรกิจในครั้งนี้จึงสามารถสรุปได้ว่า เป็นการร่วมกันพัฒนาสิ่งที่ดีอยู่แล้วของทั้งสองค่ายให้ดียิ่งขึ้น และมีความแข็งแกร่งในการพัฒนาสิ่งใหม่ในอนาคต
และที่สำคัญก็เพื่อสร้างการเติบโตอย่างยังยืนในอนาคต และพลังในการแข่งขันตลาดแย่งชิงรายได้จากผู้นำตลาดอย่างเอไอเอสด้วยนั่นเอง
บริษัทใหม่ชัดเจนต้นปีหน้า
อย่างที่ผมไได้บอกไปตอนต้นครับว่าการควบรวมกิจการครั้งนี้ไม่ได้เป็นการเข้าซื้อ Take Over ของฝั่งใดฝั่งหนึ่ง แต่เป็นการร่วมมือกันเพื่อลุยบริษัทใหม่
โดยบริษัทใหม่ที่ว่านี้ เค้าก็ยังไม่มีประกาศชื่ออย่างเป็นทางการออกมานะครับ แต่คาดการณ์ว่าน่าจะเห็นความชัดเจนในไตรมาสแรกปี 2565 ที่จะถึงนี้
ซึ่งบริษัทใหม่นี้ จะเพิ่มการทำธุรกิจในการสร้าง Ecosystem ใหม่ ๆ ที่นอกเหนือจากโทรคมนาคม เช่น การพัฒนาบริการ จากเม็ดเงินการลงทุนจากทั้งสองบริษัท
ซึ่งรวมกันเป็นเม็ดเงินจะมีความแข็งแกร่งที่เพียงพอในการพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรมใหม่ ๆ เพื่อสร้างความได้เปรียบในการแข่งขัน กับเอไอเอส และสร้างรายได้จากการให้บริการเพิ่มขึ้น
แต่ไม่ได้หมายความว่าทุกอย่างจะราบรื่น
จากเหตุการณ์นี้ ทำให้คณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) เรียกทั้งสองบริษัทเข้าชี้แจงด้วยนะครับ
เพราะตามระเบียบแล้วทั้งสองบริษัทต้องรายงานทางกสทช. เพื่อให้มีการตรวจสอบป้องกันไม่ให้เกิดการผูกขาดอย่างไม่เป็นธรรม มิเช่นนั้นอาจมีความผิดทางปกครองจนถูกสั่งยกเลิกได้
โดยทั้งสองบริษัทต้องชี้แจงรายละเอียดและทำตามกฎระเบียบ อีกทั้งทางกสทช.เองยังอาจเข้ามามีส่วนร่วมกำหนดเงื่อนไขหรือมาตรการเฉพาะทางมาบังคับใช้
เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดความเสียหายเป็นวงกว้างต่อสาธารณะ หรือการผูกขาดจนเกิดความไม่เป็นธรรมในการแข่งขัน ทั้งหมดนี้ต้องผ่านความเห็นชอบจากทางกสทช.ทั้งสิ้น
ซึ่งเรื่องราวการควบรวมกิจการครั้งนี้จะราบรื่นเพียงไร? ถูกกำหนดกฎเกณฑ์อะไรเพิ่มเติมมากขนาดไหน? พวกเราฝั่งผู้บริโภคก็ต้องติดตามกันต่อไปครับ
เพราะอย่างลืมครับว่าแม้ทั้ง 2 บริษัทจะรวมเป็นหนึ่ง และขึ้นสู่อันดับหนึ่งของโทรคมนาคมไทยได้ แต่เมื่อผู้ให้บริการคนหนึ่งไปรวมกับคนที่เหลือ
นอกจากมูลค่าของบริษัทจะเปลี่ยนไป ยังทำให้เกิดความหวั่นใจด้วยว่า สุดท้ายนี่จะเป็นอีกตลาดที่ถูกผูกขาดจากการมีผู้ให้บริการเพียงไม่กี่เจ้า
ย้อนดูการควบรวมของต่างประเทศ
การควบรวมของ 2 บริษัทไทยในครั้งนี้ เราก็ยังไม่รู้ได้ว่าจะเกิดผลดีหรือผลเสียต่อผู้บริโภคมากแค่ไหน แต่ถ้าหากสำเร็จและเกิดการผูกขาดขึ้นจริงจะทำยังไงล่ะ?
แน่นอนในต่างประเทศเองก็เคยเกิดเคสแบบนี้ขึ้นกับธุรกิจในกลุ่มโทรคมนาคมเช่นกันครับ อย่างกรณีอิตาลีการควบรวมกิจการของ Wind และ H3G เป็น Wind Tre
ทำให้จำนวนผู้ให้บริการในประเทศลดลงจาก 4 เหลือ 3 ราย ทางคณะกรรมาธิการยุโรปจึงเสนอให้ทั้งสองบริษัทมอบคลื่นสัญญาณ โครงข่าย
รวมถึงเปิดโรมมิ่งให้ผู้บริการรายที่ 4 มีโอกาสเข้ามาในตลาด ซึ่งในกรณีนี้ได้แก่ Illiad บริษัทโทรคมนาคมจากฝรั่งเศสนั่นเอง
และเคสแบบนี้ก็ยังถูกนำไปใช้ในสหรัฐฯ เช่นกัน กับกรณีการควบรวม T-Mobile กับ Sprint ที่มีการแยกบริษัทบางส่วน รวมถึงแบ่งเครือข่ายเดิมที่มีอยู่ของทั้งสองบริษัทให้แก่ Dish
ซึ่งเป็นบริษัททีวีดาวเทียมผู้ให้บริการเจ้าใหม่ อนุญาตให้ใช้งานสัญญาณและโครงข่ายของพวกเขาไปอย่างน้อย 7 ปี เพื่อไม่ให้เป็นการลดจำนวนผู้ให้บริการ และเป็นการกระจายทางเลือกให้แก่ผู้ใช้บริการไปในตัว
สำหรับประเทศไทยเราก็คงต้องฝากความหวังไว้กับ กสทช. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องแหละเนอะ ว่าจะรักษาผลประโยชน์ของผู้ใช้บริการมากแค่ไหน
มาถึงตรงนี้แล้วเพื่อน ๆ คิดเห็นยังไงกันบ้างครับ คิดว่าบริษัทใหม่นี้จะสามารถแย่งชิงอันดับ 1 ของตลาดโทรคมนาคมได้หรือไม่ ลองแสดงความคิดเห็นกันมานะครับ :)
ตอนที่คุณพราวเธอบอกว่าโครงการ "VEHHA" คอนโดลักชัวรี่ตัวใหม่ในหัวหินของเธอเป็นคอนโดที่สูงที่สุดในหัวหิน ผมก็คือว้าวเลยครับ เพราะด้วยพื้นที่ที่เค้าเลือกสามารถทำให้ตัวตึกสูงได้ถึง 31 ชั้น!
ปล่อยเช่า ปล่อยเช่า ปล่อยเช่า! หลายเสียงบอกว่าตลาดเช่ากลับมาแล้ว ใช่! คนเช่าคอนโดกลับมาคึกคักแล้ว ถึงแม้ราคาจะยังไม่กลับมาเท่าเดิม แต่หลายปัจจัยทั้ง ชาวต่างชาติ รถติด น้ำมันแพง ล้วนเกื้อหนุนให้ตลาดเช่าคอนโดกลับมามีสีสัน พลอยทำให้ ‘การซื้อคอนโดปล่อยเช่า’ กลับมาเป็นที่สนใจอีกครั้งเช่นกัน โดนเฉพาะคอนโดใหม่ เพราะซื้อตอนนี้กว่าจะเสร็จก็อีกพักใหญ่ ทุกอย่างน่าจะเข้ารูปเข้ารอยเต็มที่
ใครกำลังหาคอนโดราคา 7 หมื่นกว่าๆ ต่อตารางเมตร ห่างรถไฟฟ้าระดับ 300 เมตร Space เยอะ ลมดี สีเขียวทาทาบโครงการ ตามมาอ่านบรรทัดถัดไปโดยพลัน
"QUINTARA MHy'GEN" เห็นราคาแล้ว "ใจหวิว" เลยครับ
จะบอกว่าทำเล "สายหยุด-สะพานใหม่" เป็นทำเลที่หลายคน "คุ้นหู" แต่อาจจะไม่ "คุ้นเคย" ก็ได้ครับ
หากจะเลือกลงทุนซื้อคอนโดปล่อยเอาไว้ปล่อยเช่าสักยูนิต ผมเชื่อว่าตัวเลือกแรกๆ ของนักลงทุนน่าจะหนีไม่พ้น "แคมปัส คอนโด" กันอย่างแน่นอน
บ้าไปแล้ว!! ถ้าพัฒนา AI ได้ขนาดนี้ วงการออกแบบมีสะเทือนอ่ะ บอกตรงๆ
ตอนนี้ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ส่งสัญญาณทิศทางอัตราดอกเบี้ยขาขึ้นหนักหน่วง มีแนวโน้มสูงมากที่ดอกเบี้ยนโยบายของบ้านเราจะปรับตัวขึ้นอย่างแน่นอนครับ
ร้านลับกว่านี้มีอีกมั้ย?
ซื้อคอนโดแถม VISA 20 ปี! ที่ดินทำเล ‘พัทยาเหนือ’ แบบ Free Hold (ขายขาด) หาได้ยากแล้วนะ! Once Pattaya : Iconic Mixed Use แรกแห่ง ‘พัทยาเหนือ’ ของดีเวลลอปเปอร์ชื่อ Honour Group
ตอนอยู่ NIDA เคยเรียน Case Study ของร้านขาย Hardware ในอเมริกา ว่าเค้าใช้ 'เส้น' ในการกำหนดเส้นทางเดินของลูกค้าในร้าน
เข้าสู่ช่วงครึ่งปีหลังปีของปี 2565 กันแล้วนะครับ และผมเชื่อว่าเป็นเวลาที่หลายคนเริ่มมองหาอัตราดอกเบี้ยดี ๆ เพื่อทำการรีไฟแนนซ์กันอีกครั้งด้วย 555