ถ้าให้พูดถึงเมืองตากอากาศของประเทศไทย ผมเชื่อว่า "เขาใหญ่" ต้องเป็นอีกชื่อที่ทุกคนนึกถึงเนื่องจากเป็นทำเลที่มีทั้งความสวยงามทางด้านวิวทิวทัศน์ อากาศที่บริสุทธิ์ และที่สำคัญคือระยะทางที่ใกล้กรุงเทพ ล่าสุด พร็อพเพอร์ตี้ เพอร์เฟค เดินหน้าเดินหน้าเปิดตัวบ้านไฮเอนด์ “เบลล่า เดล มอนเต้ เขาใหญ่” หลังเฟสแรกบ้านติดทะเลสาบขายหมดเอาใจคนอยากมีบ้านพักตากกอากาศดีๆ สักหลัง

        พร็อพเพอร์ตี้ เพอร์เฟค เผยว่าในปีที่ผ่านมาโครงการ “เบลล่า เดล มอนเต้ เขาใหญ่” ได้รับการตอบรับจากลูกค้าเป็นอย่างดี สามารถสร้างยอดขายได้กว่า 530 ล้านบาท เนื่องจากโครงการมีจุดเด่นที่ตั้งอยู่ในทำเลที่มีทิวเขาสวยงามเป็นลำดับต้นๆของโครงการบ้านในทำเลเขาใหญ่ เป็นบ้านริมน้ำ และ เป็นที่ต้องการของลูกค้าเป็นอย่างมาก ส่งผลให้บ้านริมทะเลสาบภายในโครงการขายหมดได้อย่างรวดเร็ว เร่งเปิดตัวเฟสใหม่เพื่อรองรับความต้องการของตลาดกลุ่มนี้อย่างต่อเนื่องด้วยการ พัฒนาโครงการเบลล่า เดล มอนเต้” เฟส 2 ขนาดพื้นที่ 55 ไร่ และมีมูลค่าโครงการกว่า 1,400 ล้านบาท 

        โดยจะมาใน คอนเซ็ปท์ “Creek Valley” โดยต่อยอดจากความสำเร็จในเฟสแรก ซึ่งยังคงเน้นความโดดเด่นเรื่องทิวเขาและสายน้ำและเพิ่มเติมโดยให้ความสำคัญกับการจัดวางผังโครงการใหม่ ออกแบบให้มีลำธารเล่นระดับไหลผ่านบ้านแต่ละหลังเพื่อสร้างบรรยากาศการอยู่อาศัยใกล้ชิดธรรมชาติให้มากขึ้น พร้อมกันนี้ออกแบบให้บ้านแต่ละหลังอยู่บนพื้นที่เนินเขาเล่นระดับ เพื่อเปิดให้ชมทั้งวิวเขาและวิว Creek ได้อย่างเต็มที่และไม่บังทิวทัศน์กัน และยังพัฒนาพื้นที่ส่วนกลางตามแนวคิด Public Park โดยออกแบบสวนสวยท่ามกลางทิวป่าเขาและลำธารสร้างบรรยากาศการพักผ่อนแบบเมืองท่องเที่ยวแถบยุโรป พร้อมกับมีโซนให้สามารถจัดแคมปิ้งกลางแจ้ง และจุดสูงสุดยังสามารถเป็นพื้นที่สำหรับการดูดาวได้อีกด้วย

        สำหรับคฤหาสน์หรูในโครงการเบลล่า เดล มอนเต้ เขาใหญ่ เฟส 2 ยังคงเป็นสไตล์อิตาเลี่ยน ซึ่งเป็นรูปแบบที่ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี มีรูปแบบที่เป็นเอกลักษณ์และเหมาะสมกับบรรยากาศการพักผ่อนที่ เขาใหญ่ โดยมีการปรับดีไซน์ให้รองรับกับรูปแบบการใช้ชีวิตพักผ่อนได้มากขึ้น ทั้งดีไซน์บ้านแบบ Double Font ที่ทำให้ผู้อยู่อาศัยสามารถชมทั้งวิวภูเขาและทะเลสาบได้ การเพิ่มฟังก์ชั่นของ Tower Roof Top ให้สามารถใช้เป็นพื้นที่ดูดาวแบบส่วนตัวภายในบ้านได้ ปรับให้มีห้องทำงานตอบรับเทรนด์ความต้องการบ้านพักตากอากาศที่สามารถเป็นที่ทำงานแบบ WFA ( Work From Everywhere) ได้ โดยแบบบ้านรุ่นใหม่

        ตัวบ้านจะมีพื้นที่ใช้สอยอยู่ที่ 442 – 782 ตารางเมตร และมีเพียง 24 ยูนิตเท่านั้น เพื่อให้บรรยากาศภายในโครงการมีความเป็นส่วนตัวสูงสุด ด้วยระดับราคาเริ่มต้น 29 – 113  ล้านบาท