หลายคนคงพอจะทราบหรือเคยได้ยินที่เค้าบอกว่ากรุงเทพจะจมน้ำในอีกไม่กี่สิบปีข้างหน้า โดยที่บางส่วนของกรุงเทพ จมลงทุกๆ 2 เซนติเมตรในทุกปี

        ดูเหมือนกับว่าเรื่องนี้ไม่ได้เป็นเพียงแค่ทฤษฎีสมคบคิดเท่านั้น เพราะความเป็นไปได้นี้ ยืนยันจากเหล่าสำนักวิชาการที่น่าเชื่อถือได้

        เมื่อเดือนพฤศจิกายน ปีที่แล้วผมจำได้ว่าเคยเกิดปรากฏการณ์น้ำทะเลหนุน จนทำให้เกิดน้ำท่วมขังในหลายพื้นที่ของกรุงเทพฯ แม้กระทั่งถนนสุขุมวิท ก็ยังต้องเผชิญกับเหตุการณ์นี้ด้วย และจากเหตุการณ์นี้ ยิ่งเป็นเหตุสนับสนุนให้ดูเหมือนคำกล่าวอ้างว่ากรุงเทพจะกลายเป็นนครบาดาล มีความเป็นไปได้สูงมากยิ่งขึ้น

        จริงๆ นอกจากภูมิศาสตร์ และ ผังเมือง ของเมืองกรุงฯ จะทำให้สถานการณ์ดูน่าห่วงแล้ว อีกหนึ่งปัจจัยที่ต้องพูดถึงคงหนีไม่พ้น Climate Change ที่ทั่วทั้งโลกต่างกำลังเผชิญกับสถานการณ์นี้จนกลายเป็นประเด็นที่ต้องหารือระดับโลก

        เรื่องนี้อาจจะดูเป็นเรื่องใหญ่จนบางครั้งทำให้เรานึกถึงพวกหนังวันสิ้นโลกอยู่กลายๆ แต่ไม่จำเป็นต้องรอให้น้ำท่วมโลกแล้วสวดมนต์รอวันที่พระเจ้าพิพากษา เพราะหลายๆ ประเทศเริ่มมีการวางแผนรับมือต่อสู้กับภัยพิบัติ 

        ล่าสุดกับอีกโปรเจ็กต์ที่น่าสนใจจากเมืองปูซาน ประเทศเกาหลีใต้ กับ "Oceanix City (โอเชียนิกซ์ ซิตี้)" หรือ เมืองลอยน้ำ ไอเดียสุดคูลที่สร้างมาเพื่อรับมือกับสถานการณ์อุทกภัยที่กำลังจะเกิดขึ้นในอีกไม่ช้า

        โครงการนี้ได้รับความร่วมมือจากเหล่า ดีไซเนอร์ สถาปนิก วิศวกร โดยมีการเผยแผนเมืองทนทานน้ำท่วมเมื่อปี 2019 ตั้งแต่นั้นเหล่าทีมงานก็พยายามมองหาสถานที่เพื่อสร้างเมืองต้นแบบ 

        และในเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา ทางทีมงานได้ลงนามกับเมืองปูซาน และโครงการตั้งถิ่นฐานมนุษย์แห่งสหประชาชาติ (UN-Habitat) เพื่อสร้างเมืองลอยน้ำแห่งแรกนอกชายฝั่งเกาหลีใต้ ตอบโจทย์ภัยคุกคามจากน้ำทะเลเพิ่มสูง

        เมืองลอยน้ำแห่งนี้ใช้โครงสร้างสำเร็จรูปที่ประกอบมาจากโรงงาน ลากเข้ามาติดตั้งในพื้นที่ ขนาดพื้นที่เกือบ 500 ไร่บนผิวน้ำ สามารถรองรับลูกบ้านนับหมื่นคนหรือประมาณ 300 ครัวเรือน เพียบพร้อมไปด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกครบครันเตรียมการไว้

        เมืองลอยน้ำต่างจากเรือ เพราะเรือสามารถลอยไปไหนต่อไหนได้ ตามกระแสน้ำ แต่เมืองลอยน้ำจะยึดติดอยู่กับที่ เพราะยึดเกาะกับพื้นทะเลด้วย Biorock ถ้านึกไม่ออกให้นึกถึงวัตถุที่เค้าใช้ทำแนวปะการังเทียม ซึ่งความสำคัญนอกเหนือจากการยึดเกาะแล้ว มันยังไม่ทำลายระบบนิเวศทางทะเลด้วย

        อยู่กลางทะเล แล้วน้ำดื่มและอาหารล่ะ?

        คำถามนี้น่าจะเป็นอีกหนึ่งคำถามที่หลายคนนึกถึง แต่ทางโครงการมีการวางแผนเรื่องนี้เอาไว้แล้วครับ เค้าออกแบบให้เมืองนี้เป็นเมืองที่สามารถพึ่งพาตัวเองได้ 100% น้ำดื่มจะผ่านกระบวนการดึงความชื้นจากอากาศ แยกเกลือออกจากน้ำทะเล จนถึงเก็บน้ำฝนเอาไว้อย่างเพียงพอ ส่วนในเรื่องของอาหารก็จะใช้การเก็บเกี่ยวจากพืชไร้ดินในฟาร์มไฮโดรโปนิกส์ลอยน้ำที่สร้างไว้ 

        นอกจากนี้ยังมีการเพาะเลี้ยงสัตว์ โดยจะไม่มีการทำลายระบบนิเวศใต้ท้องทะเล ส่วนเรื่องของไฟฟ้า แน่นอนครับเค้ามีโซลาร์เซลล์นั่นเอง

        รวมถึงเพาะเลี้ยงสัตว์อย่าง กุ้ง หอย ปู ปลาจากใต้น้ำ โดยไม่รบกวนระบบนิเวศทางทะเล แล้วก็ยังมีแผงโซลาร์เซลล์ผลิตกระแสไฟฟ้าเอาไว้ใช้งาน 

        ความปลอดภัยจากภัยธรรมชาติ?

        พายุ ภัยธรรมชาติที่มักจะเกิดขึ้นในทะเลอยู่บ่อยๆ ทางโครงการมีแผนรับมือเอาไว้ให้ Oceanix City สามารถทนทานต่อระดับน้ำทะเลขึ้นสูง พายุ และภัยธรรมชาติอื่นๆ ได้อีกด้วย โดยคาดว่าเมืองลอยน้ำปูซานแห่งนี้ จะเริ่มสร้างในปี 2025 

        ผมว่าเป็นอีกโปรเจ็กต์ที่น่าสนใจ หรือจะพูดให้ชัดๆ ประเทศไทย สามารถมองให้เป็นต้นแบบเลยก็ว่าได้ เนื่องจากสถานการณ์อุทกภัยในอนาคตที่ประเทศไทยไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ จนต้องมาตั้งคำถามว่า ถึงเวลาแล้วหรือยังที่ประเทศของเราจะเริ่มต้น "ทำอะไร" กับเรื่องนี้สักที